22 เหตุไม่คาดฝัน
"แหวนสวยดีนะครับ" ไม้เอ่ยแซว ที่เจ้านายเขาเอาแต่มองแหวนเพชรในมือ
"หึ" ภัครคิราเพียงยิ้มตอบไปเท่านั้น
"จะเอาไปขอสาวแต่งงานหรอครับ"
"อืม แต่ก็คงหลังจากจบเรื่องพวกนี้ ฉันว่าจะขอวันที่เธอรับปริญญา นายว่าไง" เขาคิดไว้แบบนั้นจริง ๆ หลังจากจบเรื่องพวกนี้ วันที่เธอบอกว่าเขาต้องใส่ชุดหมีไปวันนั้นแหละที่เขาจะคุกเข่าขอเธอแต่งงาน เพียงแค่คิดก็มีความสุข ตลอดเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเธอแบบคู่รัก โดยที่ไม่ต้องปิดบังความรู้สึกเขามีความสุขเหลือเกิน ถ้านับช่วงเวลาตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาสองเดือนกว่า ๆ แล้วเห็นจะได้ ได้ทำอาหารเช้าให้เธอทาน โดยระหว่างทำก็ดึงเอาเธอมากอดคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ ได้ไปรับไปส่ง หากวันไหนเขาไม่ติดงานเกี่ยวพันกัน และที่สำคัญผู้ใหญ่ฝ่ายเขาและฝ่ายเธอก็รับรู้และเห็นดีด้วย
และวันนี้ก็จะเป็นวันที่เขาจะจบเรื่องราวทุกอย่างและได้มีเวลาอยู่กับเธออย่างเต็มที่ ไม่ต้องมาหัวหมุนกับการวางแผน หรือคอยระแวงว่าใครจะลอบทำร้ายเธอ ส่วนเธอเองก็ใกล้จะจบการเป็น extern แล้วในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ถือได้ว่าช่วงเวลานี้มีแต่เรื่องดี ๆ ทั้งนั้นเลยก็ว่าได้
"ดีครับ นายอยากให้ผมช่วยอะไรก็บอกผมนะครับ ผมพร้อมทำทุกอย่างเพื่อนาย"
"อย่ามาพูดแบบนี้ไอไม้ กูขนลุก"
"โธ่นาย ผมหมายถึงว่าอยากให้ผมช่วยเรื่องเตรียมเซอร์ไพรส์อะไรคุณหมอ นายบอกผมได้"
"แล้วไป"
"แล้วนี่คุณหมอทราบรึเปล่าครับว่านายจะขอเธอแต่งงาน"
"ถ้ารู้แล้วจะเรียกเซอร์ไพรส์หรอวะ ว่าจบก็เก็บแหวนเพชรใส่กล่อง ก่อนจะเอามันใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ เมื่อเห็นว่ารถเคลื่อนตัวสถานที่ที่เขาจะจบทุกอย่างแล้วซักที ที่ตั้งขอแก๊งลุค
หลังจากวันนั้นที่เขาจัดการกับแก๊งบีชอปหรือแก๊งของศรุตมันจนยับเยิน พรรคร่วมที่ร่วมกับมันก็จำยอมแต่โดยดี แต่บางพรรคก็มีอาการขัดขืนไม่ยอมสงบศึกด้วย แน่นอนว่าเขาก็จัดการปราบพยศไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็เหลือเพียงลุคเท่านั้น ที่จริงมันไม่ควรมีแก๊งไหนมาเป็นปฏิปักษ์กับแก๊งอัลฟ่าของเขาแล้วทั้งนั้น
แต่เพราะลุค...มันเป็นหนอน ทำทีสงบศึกกับเขาตั้งแต่ช่วงต้น แต่ลับหลังเขาก็คอยส่งคนไปช่วยคู่อริของเขาอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอด เขาพอจะรู้เรื่องนี้มาสักพักแล้วเพียงแต่ไม่แน่ใจเท่านั้น ทุกอย่างมันชัดเจนก็เพราะวันนั้นที่มันบุกเข้ามา แต่เสียดายที่มันไหวตัวทันเมื่อรู้ว่าพ่อกับคุณอาเขาเข้ามาช่วย
ทำให้เขาจัดการอะไรไม่ได้ เลยต้องพึ่งคำซัดทอดของไอศรุต
เพราะอยู่ ๆ จะให้เขาบุกไปเอาเรื่องมันทั้ง ๆ ที่มันประกาศตัวแล้วว่าเป็นพันธมิตรต่อแก๊งของเขามันจะเป็นการดูไม่ดีเสียเท่าไหร่ และอีกอย่างแก๊งอื่น ๆ จะว่าอย่างไร หากเป็นพันธมิตรกันแล้วเขายังบุกไปทำร้าย เหตุนี้เองเขากับพ่อจึงต้องเก็บไอศรุตไว้ ทั้ง ๆ ที่อยากจะฆ่ามันอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
"อ้าวเคน มาที่นี่ทำไมไม่บอกก่อน ฉันจะได้ให้คนต้อนรับ" เสียงชายวัยสี่สิบปราย ๆ เอ่ยบอกคนที่มาเยือนบ้านของเขาโดยไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน
"ไม่ต้องพิธีอะไรหรอกครับ ผมไม่ได้จะมาพักผ่อนหย่อนใจอะไร"
ภัครคิราว่าเสียงเรียบ
"งั้นมีเรื่องอะไรก็ว่ามาเถอะ" เมื่อภัครคิราหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาหนังราคาแพงของเขาแล้ว เจ้าของบ้านจึงเอ่ยขึ้น ด้วยทีท่าปกติไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร
"นี่ครับ" ซองสีน้ำตาลยืนให้คนตรงหน้า พร้อมกับโทรศัพท์ที่กำลังเปิดคลิปเสียงการสนทนาอยู่
"นะ นี่มันอะไรกัน" มือหนาบีบขย่ำภาพท้ายในมือด้วยความขับแค้นใจ
"อย่างที่เห็น"
"เรื่องนี้ฉันอธิบายได้ ที่ฉันทำไปเพราะถูกพวกบิชอปมันบังคับ
มันบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้"
"หรอครับ หึ"
"ไปพาตัวมันมา"
"มะ มึงไหนว่ามึงหนีไปต่างประเทศแล้วไง ทำไมถึงได้" ลภน (ละ-พน) เอ่ยด้วยน้ำเสียงติดขัดทันที เมื่อคนที่ตนคิดว่าได้หนีออกไปอยู่ต่างประเทศ และไม่มีวันกลับมาเหยียบที่นี่อีกปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นไปได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อตอนโทรศัพท์เขาก็ให้ลูกน้องเช็คพิกัดแล้ว ก็พบว่ามันอยู่ต่างประเทศจริง ๆ
"ทีนี้มีอะไรจะแก้ตัวอีกไหมครับ"
"ฉันขอโทษ"
"หึ มันจะง่ายไปหน่อยไหมครับ คนรักของผมเกือบจะต้องตายตัวผมและลูกน้องของผมก็ด้วย" ถ้าเกิดว่าตอนนั้นพ่อกับคุณอาธนนนท์พ่อของพิมพ์นภาไม่เข้ามาช่วย เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสมายืนคุยกับคนตรงหน้าแบบนี้หรือไม่
"งั้นจะให้ฉันทำยังไง"
"ตามธรรมเนียม..." ธรรมเนียมที่ภัครคิรา ทุกแก๊งต่างรู้ดีว่ามันคืออะไร หากผิดคำพูดหักหลังผู้ร่วมพรรค ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็แล้วแต่ พรรคนั้นต้องถูกยุบลง ไร้ซึ่งอำนาจ ส่วนทรัพย์สินที่ได้จากการมีพรรคเป็นฉากหน้าต้องถูกยกเป็นของส่วนกลาง ไม่มีสิทธินำมันไปด้วย และสิ่งสุดท้ายก็คือต้องคุกเข่าขอโทษพรรคที่ตนทำผิดด้วยเป็นเวลาสามวัน ซึ่งกฎที่ตั้งขึ้น ก็มีน้อยคนนักที่ฝ่าฝืน และหากถูกจับได้ หัวหน้าพรรคเหล่านั้นก็จะยิงตัวตาย
ส่วนคนในครอบครัวก็จะส่งหนีไปอยู่ต่างประเทศ หรือหากไม่ทำอะไรเลยสักอย่างก็ต้องตายอยู่ดี เพราะพรรคอื่นนั้นก็ไม่มีทางยอมให้คนที่ทำผิดลอยนวล รวมถึงผู้ถูกหักหลังด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ทำให้เมื่อมีพันธสัญญาอะไรต่อกัน ทุกฝ่ายก็จะยึดมั่นมันเป็นอย่างดี ทำให้สิ่งที่ภัครคิราพูดมานั่นก็หมายถึงว่าลภนจะยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อแลกกับชีวิต หรือจะยอมปลิดชีวิตตัวเองเพื่อคงเหลือศักดิ์ศรีไว้ แน่นอนว่าศักดิ์มันกินไม่ได้
"ตะ ตามธรรมเนียม หึ" ไอเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้มันเป็นใคร มันจะหยามเขามากไปแล้ว จริงอยู่ที่ถ้าหากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป อย่างไรเสียเขาก็ต้องตาย หากไม่ปฏิบัติตามธรรมเนียมอย่างที่มันบอก แต่คนอย่างเขาก็มีศักดิ์ศรีมากพอ
"ผมจะถือว่าคุณได้เลือกมันแล้ว" พูดจบก็หันไปพยักหน้าให้เหล่าลูกน้องของตน อย่างไม่นึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในที่ของอีกฝ่าย
"ตกลง ฉันจะทำตามธรรมเนียม พาคนของพวกนายออกไปได้แล้ว!" ลภนเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนัง ก็พบว่ามันใกล้เวลาที่ยอดดวงใจของเขาจะกลับมาแล้ว จึงต้องพูดออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็ขอได้เห็นเธอก่อน... แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเขาเสียเท่าไหร่
"ป๋าขา ลินกลับมาแล้วค่าาาาา คิดถึงลินไหมคะ" เสียงหวานใสดังขึ้นมาแต่ไกล พร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวในชุดเดรสสีหวาน โดยที่ไหล่บางคล้องกระเป๋าแบรนด์หรูราคาเหยียบแสนไว้อยู่
เสียงหวานใสที่แสนจะคุ้นหูดังเข้ามาในโสตประสาท ทำให้ศรุตที่ถูกล็อกตัวอยู่โดยลูกน้องของภัครคิรา อดไม่ได้ที่จะหันไปมองตามเสียง เป็นเธอ... เป็นเธออย่างไรกัน... ธะ เธอ เป็นลูกสาวของลภนงั้นหรอ โลกมันจะกลมเกินไปแล้ว
"ค คุณ..." บางเตรียมตัวที่จะโผล่เข้าอดผู้เป็นพ่อชะงักค้าง เสียงหวานขาดห้วงทันที เมื่อเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นของบ้านที่เธอไม่ได้กลับมาเหยียบเกือบสิบปี เพราะต้องไปเรียนต่อ บวกกับงานที่ผู้เป็นเพราะทำอยู่นั้นอันตรายทำให้เธอไม่สามารถอยู่ด้วยได้ และการกลับมาครั้งนี้มันทำให้เธอต้องเจอคนที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุดในชีวิต คนสารเลว! ที่ข่มเหงรังแกเธออย่างเลือดเย็น เหยียบย้ำศักดิ์ศรีของเธอจนป่นปี้ และก็หนีหายทิ้งเธอไว้กับความเจ็บปวด พร้อมกับเลือดเนื้อเชื้อไขของคนสารเลวอย่างเขา
แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับมีความรู้สึกดี ๆ ต่อเขา ความรู้สึกบ้า ๆ พวกนั้นมันไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ แต่เพราะตอนเขาเข้ามาจีบ เขานั้นทั้งแสนดี สุภาพบุรุษ อ่อนโยน คอยตามรับส่งดูแลเธออย่างดี จนเธอใจอ่อนยอมตกลงปลงใจกับเขา แต่ท่าทีของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ มันเกิดขึ้นหลังจากเขาได้ร่างกายและหัวใจของเธอไปแล้ว ...
"ลิน..." ศรุตพึมพำเสียงเบา เขาคิดว่าทั้งชีวิตนี้จะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว หลังจากถูกภัครคิราจับตัวไปและถูกทำร้ายต่าง ๆ นานา มันก็ทำให้เขานึกไปถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เขามักจะทำร้ายเธอทั้งการกระทำและคำพูดอยู่บ่อย ๆ มันคงเป็นผลกรรมที่เขาทำกับเธอทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพภาพแบบนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคิดถึงเธอเหลือเกิน
"คุณป๋าขา เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงมีคนเต็มบ้านเราไปหมด" ลลิตาถามด้วยความไม่เข้าใจ ถึงจะแต่งชุดคล้าย ๆ กัน แต่เธอก็แยกออกว่าอันไหนคนของพ่ออันไหนไม่ใช่
"ไม่มีอะไรหรอก ลินขึ้นไปบนบ้านเถอะ แล้วก็ห้ามลงมาจนกว่าป๋าจะให้คนไปตาม"
"แต่ว่า..." เธอรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น แต่เสียงเข้มของผู้เป็นพ่อที่ดังขึ้นทำให้เธอยอมเดินขึ้นบนบ้านแต่โดยดี ขึ้นไปก็ดีเหมือนกันเธอจะได้โทรหาพี่เลี้ยงของลูกชาย เธอต้องฝากลูกไว้กับพี่เลี้ยงที่นู่น เพราะเธอไม่มีความกล้ามากพอที่จะบอกเกี่ยวกับเรื่องที่เธอท้อง ท้องตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ...
"เดี๋ยวก่อน ผมขอคุยด้วยหน่อย" ศรุตว่าขึ้น ทั้งที่เรายังถูกล็อกตัวอยู่
"กับฉันหรอคะ? แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ" พูดจบก็เดินออกไปทันที โดยไม่สนใจเสียงเรียกของเขาอีก
"หึ รู้จักกันซะด้วย น่าสนุกแล้วสิ"
"อย่ายุ่งกับลูกสาวฉัน//อย่ายุ่งกับเธอ!!" เสียงลภนและศรุตพูดขึ้นมาพร้อมกัน
"หึ" ภัครคิรายกไหล่ขึ้นว่าทำไมเขาต้องแคร์คำพูดของสองคนนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่พวกมันเอ่ยก็เคนทำร้ายคนของเขาเหมือนกัน
"ผมว่าเรามาต่อเรื่องของเรากันดีกว่า"
"สรุปแล้วคุณเลือกที่จะทำตามคำสาบานสินะ ถ้าอย่างนั้นก็เสร็จเอกสารซะ!"
เอกสารถูกยื่นไปบนโต๊ะให้ลภน เขาไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่แล้ว
เขาอยากไปกอดร่างนุ่มนิ่มที่อวบอิ่มขึ้นของเธอจากการขุนของเขาจะแย่
มือหนาตวัดปากกาลงบนเอกสารด้วยความรวดเร็วอย่างไม่ต้องคิดให้เสียเวลา มันคิดหรอเอกสารพวกนี้จะทำอะไรเขาได้หึ
"ทุกอย่างมันจบตามความต้องการของแกแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปซะ!"
"พูดกับผมดี ๆ หน่อยซิครับ อย่าลืมสิว่าหลังจากที่คุณเซนต์เอกสารนี้คุณก็ไม่มีอำนาจอะไรมาต่อรองกับผมอีกแล้ว หึ"
"มึง!!!"
"ชูวห์ อย่าลืมนะครับว่าแค่ผมพูดไม่กี่คำที่นี่ก็จะเละไม่เหลือแม้แต่เศษซาก"
ลภนยืนกัดฟันแน่นอย่างทำอะไรไม่ได้ และยิ่งเจ็บใจเข้าไปอีกเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายก่อนที่ไอเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะเดินจากไป
"อ้อ ผมรอคุณมาคุกเข่าขอโทษอยู่นะครับ หึ"
...
"เดี๋ยวก่อนครับนาย" ไม้พูดขึ้นหลังกลับมายังที่ประจำการแก๊งของเขาแล้ว
"มีอะไร" ภัครคิราเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด เรื่องทุกอย่างมันจบลงแล้วถึงมันจะดูง่ายไปหน่อยก็เถอะ แต่เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากนักอาจจะเป็นเพราะธรรมเนียมที่ถูกส่งต่อกันมาหลายรุ่น ทำให้เขาวางใจไม่คิดอะไรให้มันปวดหัว หรือถ้ามันมีตอนนี้เขาก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เขาอยากไปหาเธอ อยากไปกอด ไปหอม ไปคลอเคลีย ไปนอนฟังเสียงหวาน ๆ ของเธอจะแย่อยู่แล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีกก็ค่อยกลับมาจัดการทีหลังก็แล้วกัน
"ให้ผมทำยังไงกับศรุตครับ"
"ขังมันไว้ที่เดิมก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้กูมาจัดการ"
"นายครับ"
"อะไรของมึงอีก!! ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญพรุ่งนี้กูจะกลับมาจัดการมันพร้อมกับมึง" เขาขึ้นอย่างโมโห เมื่อกำลังจะขึ้นไปนั่งที่ประจำคนขับก็ถูกเรียกขึ้นมาอีก
"ผมจะบอกว่ายินดีด้วยนะครับ"
"เออ! ขอบใจ!" เขากระแทกเสียงตอบกลับไป พาให้ไม้อมยิ้มตาม รู้อยู่หรอกว่าเจ้านายเขาติดคุณหมอมาก ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเขาไปพูดขัดทำให้เสียเวลาการเดินไปหาคุณหมอมากกว่า
รถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนตัวออกไปบนท้องถนนในยามค่ำคืนด้วยความเร็วทันที ที่เจ้าของรถมานั่งที่ประจำคนขับเรียบร้อยดีแล้ว สายตาคู่คมละออกจากถนนก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาเรือนหรูที่สวมอยู่เล็กน้อย ตอนนี้พึ่งจะหนึ่งทุ่ม เขายังมีเวลาอยู่เพราะวันนี้เธอเลิกเวรสี่ทุ่ม หึ หรือหากเธอเลิกเวรเช้าเขาก็พร้อมที่จะไปนั่ง ในตอนแรกเธอก็ดุเขาอยู่บ้างที่มานั่งเฝ้าเธอแบบนั้น
เธอให้เหตุผลว่าชอบมีสาว ๆ มองเขา เธอหึง
การไปเฝ้าดูเธอ เขาก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร เขาเพียงนั่งมองเธออยู่ห่าง ๆ เท่านั้นไม่ได้เข้าไปวุ่นวายอะไร พอเธอตรวจคนไข้ของเธอเสร็จและมีเวลาพักที่น้อยจนเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเลย เธอก็จะเดินมาหาเขา มาอ้อนเขาเพื่อเรียกกำลังใจนิดหน่อย ก็กลับไปทำงานต่อ โดยมีเหล่าหมอ ๆ พยาบาลและเพื่อนสาวของเธอคอยแซวอยู่เสมอ ที่เธอมีหวานใจมานั่งเฝ้ากันแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าจะไปนั่งเฝ้าเธอบ่อย ๆ หรอกนะ นอกจากจะว่างจริง ๆ เขาถึงไป
วันนี้เขาบอกเธอว่าเขาติดธุระ ทำให้วันทั้งวันรวมถึงคืนนี้เขาอยู่กับเธอไม่ได้ การที่เขาไปปรากฏตัวต่อหน้าเธอโดยไม่บอกก่อน เขานึกภาพออกเลยว่าเธอจะทำหน้ายัง สีหน้าคงจะแสดงความตกอกตกใจที่เห็นปรากฏตัวตรงหน้าราวกับเห็นผี
"ฉันชักอยากเห็นหน้าเธอเร็ว ๆ แล้วสิ ว่าเธอ..."
ตูม!!!!
เสียงระเบิดที่ดังขึ้นไปทั่วบริเวณทำให้ไม้ที่กำลังเดินกลับเข้ามาข้างในเมื่อเห็นรถของเจ้านายหนุ่มพ้นสายตาไปแล้ว ต้องรีบหันหน้ากลับไปมองตามเสียงอย่างเร็ว รวมถึงคนอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณนั้นด้วย
"นาย!"
...
เคร้ง
แก้วน้ำที่ถืออยู่ในมือร่วงหล่นลงพื้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อเธอเดินออกมากินน้ำ หลังจากพึ่งตรวจคนไข้ที่อาหารเป็นพิษรุนแรงเสร็จ
"อ้ะ" พอจะก้มเก็บก็ถูกแก้วบาดเสียอย่างนั้น แถมใจเธอยังรู้สึกหวิว ๆ แปลก ๆ อีกด้วย
"สงสัยจะทำงานหนักไปหน่อย" หาเหตุผลให้ตัวเองเสร็จสับ ก็ก้มเก็บเศษแก้วที่แตกด้วยความระมัดระวังต่อ เพราะกลัวจะมีคนมาเหยียบเข้า
"ให้ป้าช่วยดีกว่าค่ะคุณหมอ" คุณป้าแม่บ้านที่เดินมาพอดีพูดขึ้น
เมื่อเห็นคุณหมอคนสวยกำลังก้มเก็บเศษแก้วที่แตกอยู่
"ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องรบกวน เพราะกอหญ้าซุ่มซ่ามแท้ ๆ"
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณหมอไปทำแผลเถอะ"
"ขอบคุณนะคะ งั้นกอหญ้าขอตัวไปทำแผลก่อนนะคะ" ว่าที่คุณหมอโค้งคำนับน้อย ๆ พร้อมกับส่งรอยยิ้มให้คุณป้าที่เข้ามาช่วย ก่อนจะเดินออกไปทำแผลต่อ อันที่จริงเธอก็อยากอยู่รับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำอยู่หรอก แต่ว่าเธอต้องกลับไปขึ้นวอร์ดต่อนี่สิ T T
