23 หัวใจแหลกสลาย
"กอหญ้า!"
"พะ พราวว่าไงนะ" พิมพ์นภาสะดุ้งขึ้นมาทันที ที่ได้ยินเสียงเพื่อนสาวดังขึ้นใกล้ ๆ เพราะเธอเอาแต่เหม่อคิดถึงคนที่หายขาดการติดต่อจากเธอไปถึงสามวัน
"พราวว่าจะชวนหญ้าไปทานข้าวด้วยกัน ยังเช้าอยู่เลยมีเวลาเติมพลังก่อนไปขึ้นวอร์ดนะ" พรชิตาว่าขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสาวเอาแต่จ้องมองโทรศัพท์ ดวงตากลมวูบไหวจนเธอต้องเอ่ยถามต่อด้วยความเป็นห่วง
"ติดต่อหมอนั่นไม่ได้อีกแล้วหรอ" พรชิตาว่า ก็เห็นช่วงนี้เพื่อนเธอปลูกต้องรักกับหมอนั่นไม่ใช่หรือไง สวีทหวานคนเขารู้กันแทบจะทั้งโรงพยาบาลแล้วละมั้งนั่น ด้วยความที่ฝ่ายชายนั้นสูงยาวเข่าดี หล่อเหลาโดดเด่น และยิ่งเด่นไปอีกกับรถที่ขับมารับเพื่อนเธอ ส่วนเพื่อนเธอก็สวยหวานติดเปรี้ยวอยู่หน่อย ๆ เข้าก้านเข้ากัน ไม่เหมือนเธอ หึ
"อืม ปกติเคนไม่เคยเป็นแบบนี้เลย" โทรศัพท์เครื่องหรูเก็บใส่กระเป๋าเสื้อก่อนจะตัดใจเดินไปกับเพื่อน หากเป็นเมื่อก่อนนั้นก็ใช่อยู่หรอกที่เขามักจะขาดการติดต่อ แต่หลังจากได้เปิดเผยความในใจที่มีต่อกัน เขาก็ไม่เคยขาดติดต่อเธอนานขนาดนี้เลย 'จะมีปัญหาอะไรรึเปล่านะ'
"เอาน่าหมอนั่นอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้ เดี๋ยวว่างก็คงติดต่อมาเองนั่นแหละ ไม่แน่เย็นนี้อาจจะมารอเซอร์ไพรส์เธอก็ได้"
"หญ้าก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น เห้อ ไม่รู้ช่วงนี้หญ้ารู้สึกหวิว ๆ ในใจยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็ช่างมันเถอะ ว่าแต่พราวเถอะกับพี่หมอเป็นไงบ้าง"
"พี่หมออะไรของเธอ" ใบหน้าหันหนีไปทางอื่น ก่อนจะตอบเพื่อนไป
"ไม่ต้องมาทำไม่รู้ไม่ชี้เลยนะ หญ้าเห็นนะว่าพี่หมอกับพราวไปไหนด้วยกันบ่อย ๆ ฮันแน่ คบกันอยู่ใช้ม๊า บอกหญ้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ" นิ้วชี้จี้เอวเพื่อนสาวทันที ที่เอาแต่เดินไม่ยอมตอบอะไรเธอมา แถมยังทำหน้าแดงอีก
ถ้าบอกว่าไม่มีอะไร เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
"กะ ก็ไม่มีอะไรสักหน่อย พี่น้องกันเฉย ๆ"
"พี่น้องอะไรของพราว เลิกแอบชอบพี่หมอแล้วหรอ หญ้าไม่เชื่อหรอก บอกความจริงมาซะดี ๆ ไม่งั้นหญ้าจะงอนจริง ๆ ด้วย" แขนเรียวยกขึ้นกอดอก เพื่อเป็นการบอกนัย ๆ ว่าหากเธอไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่ต้องการรู้ เธอจะงอนจริง ๆ เธอและพรชิตาเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เข้าศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ เพราะเวลามีเรื่องอะไรพวกเธอมักจะเล่าสู่กันฟังเสมอ เรื่องที่เธอชอบภัครคิราพรชิตาก็รับรู้ และเรื่องที่พรชิตาชอบพี่หมอกรเธอเองก็รับรู้เช่นกัน แต่ช่วงหลังมานี้ทั้งคู่ดูแปลก ๆ ไปหน่อย ในความรู้สึกของเธอ เหมือนมีอะไรบางอย่างระหว่างทั้งสองคน
"พราวกับพี่หมอเป็นคู่หมั้นกัน" พรชิตาพูดขึ้นเมื่อมานั่งรับประทานอาหารกันอยู่ที่โรงอาหารกันแล้ว จะไปบอกพิมพ์นภาก็ทำท่างอนใส่เธอเสียใหญ่โต และเธอก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญอะไร ที่เธอไม่อยากบอกก็แค่เพราะว่าอาจมีการถอนหมั้นได้ทุกเมื่อนั่นเอง
"คู่หมั้น!"
"ตกใจอะไรขนาดนั้นกอหญ้า" มือบางรีบยกขึ้นปิดปากเพื่อนสาวทันที ที่อยู่ ๆ ก็โพร่งขึ้นมาเสียงดังจนคนแถวนั้นหันบอกพวกเธอกันหมด พรชิตาจึงก้มหัวน้อย ๆ เป็นการขอโทษ รวมถึงพิมพ์นภาเองก็ด้วย
"ตอนแรกหญ้าแค่คิดว่าพราวกับพี่หมอคบกันอยู่อย่างเดียวซะอีก
ที่ไหนได้หมั้นกันแล้วหรอเนี่ย แล้วไปหมั้นกันตอนไหนไม่เห็นบอกกันบ้างเลย แบบนี้มันน่าน้อยใจจริง ๆ"
"งานหมั้นจัดขึ้นเงียบ ๆ น่ะ เป็นความต้องการของผู้ใหญ่" พรชิตาว่าขึ้นเสียงเบา
"แต่หญ้าก็เห็นว่าพี่หมอดูจะรักและเทคแคร์พราวดีนี่ มีปัญหาอะไรรึเปล่า บอกหญ้าได้นะ หญ้าจะอยู่เคียงข้างพราวเสมอ"
"แต่ว่าพี่หมอไม่ได้รักพราว... มันเหมือนเป็นการทำตามคำสั่งของผู้ใหญ่ พราวไม่ต้องการแบบนั้น..." เธออยากอยู่กับคนที่เธอรักและเขาคนนั้นก็รักเธอ ไม่ใช่ถูกบังคับมาให้ดูแล ให้ทำเหมือนรัก ทำเหมือนใส่ใจ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ ที่ทำไปมันก็คือการแสดงของเขาเพื่อตบตาผู้ใหญ่" มันก็แค่เซ็กส์
เธอจะอะไรนักหนา" นี่คือคำพูดจากปากของเขา หลังจากที่เขาได้เธออีกเป็นครั้งที่สอง เธอตัดสินใจถามเขาไปว่าที่เขาทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกันแน่ จริงอยู่ที่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นเป็นเธอที่เป็นฝ่ายรุกเขาก่อนแต่ครั้งที่สองนั้นมันไม่ใช่ เขาเป็นคนเริ่มมัน
แน่นอนว่ามีครั้งที่สองก็ต้องมีครั้งที่สามและครั้งอื่น ๆ ตามมา เหตุผลของเขามันเริ่มฟังไม่ขึ้นเรื่อย ๆ "เธอก็เป็นคู่หมั้นของพี่อยู่แล้ว ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกัน" มันทำให้เธอคิดอะไรได้หลาย ๆ ถึงเธอจะชอบเขามากแต่ก็ไม่ได้หน้ามืดตามัวขนาดนั้น พี่หมอแสนดีคนเก่าของเธอหายไปไหน... เรื่องเซ็กส์มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่หลายครั้งที่เธอบังเอิญเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น
พอเธอถามเขากับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ แล้วจะให้เธอทำยังไง ... ทั้ง ๆ ที่เป็นคู่หมั้นกันเธอกลับไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเขาสักอย่าง มีแต่เขาที่มาทวงสิทธิ์ในตัวเธอ คนมันเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ เธอไม่น่าหลงรักคนอย่างเขามาตั้งหลายปีเลย!
"งั้นหรอ..." พิมพ์นภาว่าเสียงเบา เธอไม่เห็นจะรู้สึกแบบนั้นแหะ เท่าที่เธอสังเกตพี่หมอดูเป็นห่วงเพื่อนเธอกว่าใคร แถมวันก่อนยังมาถามเรื่องพรชิตากับเธออีก
"กินข้าวกันต่อดีกว่า พูดถึงพี่หมอแล้วเสียบรรยากาศเปล่า"
"หว่า แบบนี้ก็ต้องเสียบรรยากาศต่อหน่อยแล้วล่ะครับ...คุณภรรยา" วาจบภาคภูมิก็นั่งลงก้าวอี้ข้าง ๆ คู่หมั้นตัวน้อยที่กำลังจะเป็นภรรยาของเขาในอนาคตทันที โดยไม่ลืมที่จะพูดว่าคุณภรรยาให้ได้ยินกันสองคน
"ไหนบอกว่าเข้าคลินิกไง" พรชิตาเอ่ยถามคนที่นั่งลงข้าง ๆ พร้อมขยับสะโพกหนีเขาเล็กน้อย เมื่อเช้าเธอบอกให้เขาแวะมาส่งเธอหน่อยเพราะเมื่อคืนเธอถูกเขารังแกทั้งคืนจนแทบจะไม่ได้นอน เธอกลัวจะเผลอวูบขณะขับรถ
แต่เขากลับบอกว่ามีธุระต้องเข้าคลินิกแต่เช้า มาส่งไม่ได้ ให้เธอเรียกแท็กซี่เอา
ภาคภูมิยักไหล่อย่างไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะก้มลงกินข้าวก่อน โดยไม่ลืมหันไปถามหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา สร้างความปวดใจให้พรชิตาไม่น้อย
"เป็นไงบ้างกอหญ้า ใกล้จบแล้ว ตื่นเต้นไหม"
"นิดหน่อยค่ะ กลัวสอบไม่ผ่านมากกว่า"
"หญ้าเก่ง ยังไงก็ผ่านอยู่แล้ว"
"แหะ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ...ว่าแต่พี่หมอเถอค่ะ เรื่องวันก่อนที่มาถามหญ้า"
"พราวอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะ" พรชิตาที่ทนฟังอยู่ไม่ไหวลุกขึ้นเดินออกไปทันที เธอไม่ได้โกรธเพื่อนสาวเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอรู้ว่าในใจของเพื่อนเอนั้นไม่สามารถมีใครได้อีกนอกจากภัครคิรา แต่เขานี่สิ รู้ว่าเพื่อนเธอมีเจ้าเขาแล้วจะมาวุ่นวายด้วย อีกอย่างเธอก็ไม่ชอบที่เขามานั่งใกล้ ๆ ทำเมินเธอ ทั้งที่เธอต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเมินเขา
"หญ้าดูออกนะคะว่าพี่หมอชอบยัยพราว" พิมพ์นภาว่าขึ้นเมื่อเห็นว่าคุณหมอหนุ่มมองตามพรชิตา อย่างไม่ละสายตาหลังจากที่พรชิตาเดินออกไปแล้ว
"หึ แต่เพื่อนหญ้าคงจะเลิกชอบพี่ไปแล้ว"
"ใครว่าละคะ เมื่อกี้นี้ยัยพราวยังบอกรักพี่หมอให้หญ้าฟังอยู่เลย
พราวไม่รู้นะคะว่าพี่กับยัยพราวมีเรื่องผิดใจอะไรกัน แต่ถ้าในเมื่อต่างก็มีใจตรงกันแล้ว ก็รีบทำอะไรให้มันชัดเจนเถอะนะคะ อย่าปล่อยเวลาให้มันสูญเปล่า"
"อืม พี่เข้าใจแล้ว ขอบใจนะ"
หลังจากกินข้าวเสร็จ นักศึกษาแพทย์ extern ที่กำลังจะได้เป็น intern ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็เดินเข้าตึกไปทำงานของตัวเองตามปกติทัน
ไลน์~ เสียงแจ้งเตือนตากแอปพลิเคชั่นสีเขียวดังขึ้นทำให้เธอต้องรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ด้วยคิดว่าเป็นเขา แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อมันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด
Kun mom : วันนี้คุณหมอของแม่มีเข้าเวรไหมจ้ะ
Kohya : ไม่มีค่ะ
Kun mom : งั้นอย่าพึ่งกลับนะ เดี๋ยวแม่ไปรับ (สติกเกอร์รูปหัวใจ)
Kohya : โอเคค่า (สติกเกอร์รูปหัวใจ)
พอจบบทสนทนากับผู้เป็นแม่ก็กดออกจากห้องแชท ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับชื่อแชท "Kun samee" รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นใบหน้า เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่มาของแชท
"ทำอะไร"
"ตอบไลน์พราวน่ะ พรุ่งนี้ออกเวรพราวชวนไปกินชาบูววววว"
"เธอจะไป?"
"เคนไปด้วยกันนะ" เธอไม่ตอบคำถามเขา แต่กลับชวนเขาต่อ
"อืม"
"น่ารักที่สุด" พูดจบก็ยื่นมือไปบีบแก้มของเขาก่อนจะดึงไปมา
"น่ารักจัง ถ่ายรูปไว้ดีกว่า" ว่าจบก็หยิบโทรศัพท์เตรียมจะถ่ายรูปตามที่ตนคิดไว้ทันที
"จะทำอะไร"
"กะ ก็จะถ่ายรูปไง"
"เอามานี่ฉันถ่ายเอง" ว่าจบก็ดึงเอาเธอไปกอดโดยที่มือเขาโอบไหล่เธอไว้อยู่ ส่วนมืออีกข้างก็เตรียมกดถ่ายรูป
"ถือดี ๆ สิ มุมนี้หญ้าไม่สวยเลย"
"สวยแล้ว" ว่าจบก็กดถ่ายก่อนจะเอาโทรศัพท์เธอไปกด ๆ อยู่สักพักใหญ่ก็ยื่นมันคืนให้เธอ ส่วนคนที่ถูกเขาชมว่าสวยก็เอาแต่ยิ้มเขิน ปล่อยให้เขาเล่นโทรศัพท์ของตัวเอง
"คะ เคน" หลังจากได้รับโทรศัพท์คืนมาเธอก็กดดูทันทีว่าเขาทำอะไรกับมันบ้าง เพราะเธอเห็นกด ๆ อยู่ตั้งนานสองนาน ก่อนที่ดวงตากลมจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขาเอามันไปตั้งเป็นหน้าจอล็อกของเธอไม่พอ เขายังเปลี่ยนชื่อไลน์ และนำมันไปลงใน Instragram ที่ถือได้ว่าเปิดทิ้งร้างไว้ของทั้งเธอและเขาด้วย และแน่นอนว่ายอมคอมเมนต์และยอดกดไลค์นั้นถล่มทลาย เพราะนาน ๆ ทีเธอและเขาจะอัพรูป
แต่แคปชั่นนี่สิ Kunsamee My girl คุณสามีนั้นของเธอ ส่วนมายเกิลนั้นของเขา ฮรือ เขามีมุมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ...
รอยยิ้มแห่งความสุขกลายเป็นยิ้มเศร้าในเวลาต่อมา เมื่อกดเข้าไปแล้วข้อความของเธอยังไม่ได้การตอบกลับเลย หรือแม้แต่การถูกเปิดอ่านก็ยังไม่ได้รับการเปิดอ่านจากเขา
"หายไปไหนของเค้านะ..."
...
"คุณแม่จะพากอหญ้าไปไหนหรอ" พิมพ์นภาเอ่ยถามผู้เป็นแม่ หลังจากที่แม่บอกว่าจะมารับ เธอลงวอร์ดแล้วเธอก็ไม่ยืนรอแม่อยู่เพียงนาทีเศษเท่านั้น ก็เห็นรถของที่บ้านเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา พอขึ้นมาบนรถ แม่ก็ถามสารทุกข์สุกดิบอย่างที่ชอบทำ พร้อมกับดึงมือเธอมากุมไว้ตลอดทาง โดยไม่ยอมบอกว่าจะพาเธอไปไหน
"เข้มแข็งไว้นะลูก แล้วมันจะผ่านไป"
"คะ?" อยู่ ๆ แม่ก็พูดอะไรแบบนี้เธอยิ่งงงไปกันใหญ่ แต่แล้วใจดวงน้อยก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อทางที่มาเธอจำได้ว่าเป็นทางมาบ้านคุณลุงเคน ซึ่งก็คือบ้านของเขา... พอเริ่มเข้าใกล้ตัวบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ รถคันหรูมากมายก็จอดเรียงรายอยู่เต็มไปหมด พร้อมกันนั้นก็มีชายแต่งชุดสูทสีดำ คนพวกนี้มาทำอะไรกันที่นี่ พอหันไปมองคนข้าง ๆ คุณแม่เธอเองก็แต่งชุดกระโปรงเรียบร้อยสีดำเช่นกัน แถมคุณแม่ยังตาแดง ๆ อีกด้วย นะนี่มันอะไรกัน ...
"กอหญ้าลูก" มินตราเดินเข้ามาคนรักของลูกชายด้วยใบหน้าที่มีน้ำตาคลออยู่ด้วยท่าทางอ่อนแรง
"ค คุณน้า เกิดอะไรขึ้นหรอคะ" พิมพ์นภาเอ่ยถามเสียงสั้น น้ำตาคลอหน่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทั้ง ๆ ที่เธอยังไม่ได้เดินเข้าไป แต่เหมือนดวงใจเธอหลุดลอยหายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ
"ค เคน ฮือ เคน พรึบ" มินตราที่ยังทำใจยอมรับเรื่องลูกชายไม่ได้เป็นลมล้มไปทันทีในอ้อมกอดของภาคิณสามีของเธอ
"คุณน้า!" ด้วยความที่เรียนหมอมา พิมพ์นภารีบเดินเข้าไปหาเพื่อจะดูอาการแม่ของแฟนหนุ่มทันที
"กอหญ้ามากับก่อนพ่อลูก เดี๋ยวน้ามีนลุงคิณกับแม่ฟ้าของลูกจะดูแลเอง" ธนนนท์เอ่ยบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้เธอจะแปลกใจแต่ก็เดินตามผู้เป็นพ่อไปอย่างว่าง่าย
แหมะ หยดน้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นออกจากหางตาทันทีที่เดินตามผู้เป็นพ่อมา รูปภาพของชายหนุ่มอันเป็นที่รักที่ตั้งอยู่หน้าโรงไม้... และดอกไม้สีขาวมากมายถูกตกแต่งประดับไว้รอบ ๆ อย่างสวยงาม แต่มันไม่น่าชื่นชมสำหรับเธอเลยสักนิด มือบางยกขึ้นปิดปากอย่างไม่อยากจะเชื่อในสายตา ก่อนจะหันไปเอ่ยถามผู้เป็นพ่อเสียงสั่น
"ค คุณพ่อคะ นะนี่มันอะไรกันคะ ฮึก กอหญ้า ฮือ ๆ ไม่จริงใช่ไหมคะ ฮือ ๆๆๆๆ"
ธนนนท์เพียงพยักหน้าตอบลูกสาวไปเท่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปกอดลูกสาวไว้แนบอก มือหนายกขึ้นรูปกลุ่มผมนุ่มของลูกสาวที่ร้องไห้จนตัวสั่นอย่างน่าสงสาร ด้วยความอ่อนโยน
เพียงการพยักหน้าเพื่อยืนยันคำตอบของผู้เป็นพ่อก็เหมือนกับมีมือจากมุมมืดกำลังบีบขย่ำหัวใจเธอให้แหลกสลาย มันเจ็บปวดไปหมดทั้งใจ
หยดน้ำสีใสไหลรินออกมาไม่ขาดสายโดยที่เจ้าของหยาดน้ำตานั้นไม่คิดจะปัดมันออก ฮือ มันเจ็บ เจ็บปวดเหลือเกิน ทำไม ทำไม...มันถึงเป็นแบบนี้ ฮือ
"ฮือคุณพ่อขา บอกกอหญ้าทีค่ะ ว่ามัน ไม่ ฮึก ไม่จริง เคน เคน ฮือ เคนยังอยู่กับกอหญ้า ฮึก เคนยังอยู่ ..." พรึบ
"กอหญ้า" ร่างบางหมดสติไปในอ้อมกอดของผู้เป็นพอทันที เรื่องที่ได้รับรู้...เธอรับมันไม่ไหวจริง ๆ
