17 เสี่ยง
“ไม่นะ กรี๊ด!!!!”
ตูม!!
หลังจากเสียงกรีดร้องสิ้นสุดลงก็ตามมาด้วยเสียงระเบิดที่ดังไปทั่วบริเวณฝ่ายลูกน้องของศรุตนั้นตกใจรีบหาที่หลบภัยในทันที ทำให้ตอนนี้ภัครคิราไม่มีคนคอยเล็งปืนมาที่เขาอีกแล้วเพราะต่างคนต่างวิ่งหาที่หลบ แต่กระนั้นศรุตก็ไม่ยอมถอยห่างไปจากร่างบางที่เป็นลมหมดสติไปเลยแม้แต่น้อย
จนลูกน้องคนสนิทต้องมาดึงตัวเจ้านายออกมาจากตรงนั้นเมื่อเห็นว่าจะมีท่อนเหล็กขนาดใหญ่ตรงลงมาบริเวณนั้น
แต่มีหรือที่คนอย่างศรุตจะยอมจากมาแต่โดยดี เขาคอยยิงสกัดเมื่อเห็นว่าภัครคิราจะเข้ามาหาพิมพ์นภา แต่ฝ่ายภัครคิรานั้นก็ยิงตอบโต้เพื่อที่จะมาหาหญิงสาวที่ตนรักเช่นกันอย่างไม่ยอมแพ้
“ไอไม้ปล่อยกู” เขายิงสกัดศรุตและลูกน้องของมันจนเกือบจะถึงตัวเธออยู่แล้ว แต่กลับเป็นลูกน้องของเขาเองที่มาดึงตัวเขาไว้ไม่ให้เข้าไปใกล้เธอ
“แต่นายครับ คานเหล็กมันกำลังถล่มลงมา เราต้องรีบออกไปจากที่นี่” แม้จะรู้ว่าเจ้านายเป็นห่วงหญิงคนรักมากเพียงใด แต่เขาเองก็เป็นห่วงชีวิตเจ้านายของเขาเหมือนกัน รู้ทั้งรู้ว่าหากทำแบบนั้นเจ้านายจะไม่พอใจ แต่เขาก็จำเป็นต้องทำ
“กูบอกให้ปล่อย!!” ว่าจบสะบัดมือที่ไม้จับอยู่ออก ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาร่างบางที่เป็นลมหมดสติอยู่บนพื้นทันที เสื้อคลุมหนังที่สั่งทำพิเศษถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบาและสามารถกันกระสันได้ ถูกถอดออกก่อนจะใช้คลุมกายให้เธอ
แม้ว่าเขาต้องทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็วเพื่อแข่งกับเวลาและคานเหล็กที่กำลังถล่มลงมา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเธออย่างอ่อนโยน นัยน์ตาข่มแดงก่ำยามทอดมองร่างบอบบางตรงหน้าที่บอบช้ำไปทั้งตัว ก่อนที่ท่อนแขนแกร่งจะช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มไว้แนบอก ขายาว ๆ ก้าวเดินอย่างมั่นคงเพื่อพาเธอไปยังทางออก แต่เสียงดังโครกครากของสิ่งก่อสร้างที่ถูกถล่มกลับดังไล่ตามหลังเขามาเรื่อย ๆ ทำให้เขาต้องเร่งจะหวะฝีเท้าให้เร็วขึ้น แต่ก็ยังประคองคนในอ้อมแขนอย่างระมัดระวังไม่ให้เธอได้รับการกระทบกระเทือนเลยแม้แต่น้อย
เขาผิดเองที่คำนวณระยะเวลาและผลกระทบจากแรงระเบิดในครั้งนี้ไม่แม่นยำมากพอ เพราะจากที่ตั้งใจว่าจะระเบิดปีกด้านขวาของตัวโกดังไอศรันย์ ไม่สิน้องชายฝาแฝดของมันเพื่อดึงดูดความสนใจและยิงสกัดมันไว้เพื่อเข้าไปช่วยเธอ โดยก่อนหน้านี้เขาก็ได้ส่งซิกบอกเหล่าลูกน้องเขาไว้แล้วว่าให้ยิงสกัดลูกน้องของมัน
แต่ก็ไม่คิดว่าแรงระเบิดจะกระทบมายังส่วนกลางของโกดังที่พวกเขากำลังยืนอยู่ หึ หรือสิ่งก่อสร้างมันไม่ได้มาตรฐานกันแน่
“นายครับ ทางนี้” จากทีแรกจะตามผู้เป็นนายไปช่วยพิมพ์นภา แต่ตนกลับเลือกเดินออกมาเพื่อหาทางออกหากมีการถล่มของโกดังขึ้นมาจริง ๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องเกิดขึ้น เขาเชื่อว่าเจ้านายของเขานั้นมีไหวพริบ ทั้งยังเฉลียวฉลาด เจ้านายของเขาต้องปลอดภัย แต่อุบัติเหตุนั้นก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ เขาควรหาทางหนีทีไล่เตรียมเผื่อไว้
ภัครคิรารีบเดินไปตามเสียงเรียกของลูกน้องคนสนิททัน แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่ออีกเพียงไม่ถึงสิบก้าวเท่านั้นที่เขาจะถึงทางออก กลับมีท่อนเหล็กหนัก ๆ ถล่มลงมาเสียอย่างนั้น คาดว่าจะเป็นส่วนของโครงสร้างของตัวอาคารที่ได้รับการกระทบกระเทือนต่อเนื่องกันมา
“นาย!!” เสียงเรียกหาผู้เป็นนายดังไปทั่วบริเวณ ภาพตรงหน้าแทบจะทำเขาล้มทำยืน อีกนิดเดียวเท่านั้น อีกเพียงนิดเดียว เจ้านายของเขาและนายหญิงจะปลอดภัย…
“มัวยืนเซ่ออะไรกันอยู่ รีบเข้าไปตามหานายสิวะ!!” เสียงเข้มตวาดลั่น ก่อนจะเดินเข้าไปในกองเศษซากปรักหักพังที่ยังคงมีฝุ่นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ
แม้ผลกระทบจากแรงระเบิดจะยังไม่สงบดี แต่ที่พวกเขาอยู่ก็ถือว่าเริ่มปลอดภัยแล้วระดับ หรือหากมันยังอันตรายอยู่พวกเขาก็พร้อมจะเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยผู้เป็นนายเหมือนกัน เพราะที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีชีวิตรอดปลอดภัยเมื่อต้องเผชิญหน้ากลับศัตรู นั่นก็เพราะเจ้านายเขาคอยช่วยเหลือเป็นผู้นำและคอยปกป้องพวกเขาเสมอเมื่อถึงคราวเสี่ยงตาย อยู่ในวงล้อมศัตรู หรือกำลังจะได้รับอันตรายร้ายแรง ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ช่วยเหลือ
“นายครับ ได้ยินพวกผม ไหมครับ”
“นาย”
“อัก ทางนี้” แม้จะได้รับบาดเจ็บ แต่เสียงเข้มที่ขานรับลูกน้องไปฟังแล้วก็ยังคงความแข็งแกร่งทรงผลังเหล่าลูกน้องที่ได้ฟังนั้นรู้สึกนับถือมาเฟียหนุ่มของพวกเขาคนนี้มากขึ้นกว่าเดิมไปอีก
เหล่าลูกน้องรีบเดินมาตามเสียงทันที ก่อนจะช่วยกันยกเหล็กที่ทับอยู่บนตัวของเจ้านาย ไม่วายลอบส่งสายตาให้กัน เจ้านายเขาคงจะรักคุณหมอมากสินะ ขนาดว่าเหล็กมากมายถล่มทับมาขนาดนี้ เจ้านายเขาขืนตัวเองกอดประคองเธอไว้ไม่ยอมให้เธอได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่เดียว
“มาครับ ผมช่วยดูแลคุณกอหญ้าให้” ไม้เอ่ยบอกเจ้านาย ทั้งยังมีความรู้สึกผิดอยู่ในใจ ที่เขารั้งเจ้านายไว้ไม่ให้เข้าไปช่วยเธอ
“ไม่ต้อง” เขาต้องอีกฝ่ายเสียงเรียบ พร้อมกับพยุงตัวเองลุกขึ้นโดยยังอุ้มเธอไว้แนบอกด้วยความทะนุถนอม เขาไม่ได้โกรธไม้ที่ขัดขวางไม่ให้เขาเข้าไปช่วยเธอ เขาเข้าใจลูกน้องเขาดีว่าก็คงจะเป็นห่วง และถ้าหากไม่ได้ไม้ช่วยบอกทางเขาอาจจะไม่ได้ยืนพูดกับอีกฝ่ายแบบนี้แล้วก็ได้ รวมถึงเธอด้วย…
ร่างสูงเซน้อย ๆ หลังจากที่หยัดตัวลุกขึ้นยืนโดยมีเหล่าลูกน้องมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วงและชื่นชมในความรักที่เขามีให้กับหญิงสาว
“เราจะเอายังไงกันต่อดีครับ พวกมันคงจะดักรอเราอยู่ข้างหน้า” เมื่อเดินมาถึงรัศมีปลอดภัยแล้ว เขาก็เอ่ยถามมาเฟียหนุ่มทันที
“อืม” สายตากวาดมองลูกน้องที่ติดตามเขามา จากแผนระเบิดช่วยเหลือพิมพ์นภาในครั้งนี้ เขาไม่ได้เห็นแก่ตัวขนาดที่จะสละชีวิตลูกน้องเพื่อช่วยเหลือคนรัก หากจะมีใครต้องตายมันก็ควรจะเป็นเขามากกว่า เมื่อเห็นว่าทุกคนอยู่ครบและยังปลอดภัยดี จึงพูดต่อ
“บอกทุกคนให้เตรียมพร้อม” เรื่องที่น้องชายฝาแฝดของไอศรันย์ที่มันจะดักรอ เตรียมลอบทำร้ายเขานั้นก็คาดเดาได้เช่นกัน แต่ว่าก็ไม่สามารถที่จะเลี่ยงได้หรือหลบหลีกได้ เพราะอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนโง่ที่เขาจะหลอกล่อได้โดยง่าย ถึงขนาดตามติดคนเราและสืบรู้ถึงความสัมผัสแล้ว ทั้งยังจับตัวเธอมาเพื่อทำร้ายหัวใจเขาอีก เขาจะประมาทไม่ได้เลย
“เอ่อ นายครับให้คุณกอหญ้าเธออยู่ข้างในนี้ก่อนไหมครับให้คนบางส่วนคุ้มกันเธออยู่ที่นี่ ถ้าให้ออกไปด้วยกันผมกลัวเธอจะเป็นอันตราย”
ภัครคิราก้มลงคนในอ้อมก่อนอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปตอบลูกน้อง
“ไม่เป็น กูจะเป็นคนดูแลเธอเอง”
“แต่ว่า” หากเจ้านายเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดเมื่อครู่เขาจะไม่คัดค้านอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะฝีมือเจ้านายเขาไม่ธรรมดาใคร ๆ ต่างก็ทราบข้อนี้ดี แต่ในยามที่บาดเจ็บแบบนี้เขาก็กลัวว่าจะเจ้านายจะมัวแต่ห่วงคนในอ้อมกอดจนอาจเกิดความผิดพลาดได้ ถ้าหากเจ้านายสั่งให้เขาอยู่เฝ้าเธอพวกเขาก็พร้อมที่จะปกป้องเธอด้วยชีวิต
“ตามนี้ อีกสิบนาทีเราจะออกไปกัน” จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครเปลี่ยนใจเขาได้…
ภัครคิราเปลี่ยนท่าอุ้ม เขาอุ้มเธอด้วยแขนข้างเดียวโดยให้เธอนังบนแขนเขา เหมือนกับว่าเขากำลังอุ้มลูกน้อย มือหนาจับประคองมือบางให้กอดรอบคอเขาไว้ เมื่อจัดท่าเรียบร้อยแล้วเขาก็ค่อย ๆ เดินไปมาเพื่อซ้อมยิง
ซ้อมหลบหลีกกระสุนจากอีกฝ่าย เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาก็ไม่เคยอุ้มใครไปต่อสู้แบบนี้มาก่อน หากไม่ซักซ้อมให้ดี จากที่จะได้ช่วยเหลือปกป้องเธอให้ปลอด
ก็อาจจะพาเธอไปเสี่ยงชีวิตได้ โชคดีที่เธอนั้นตัวเล็กและน้ำหนักตัวไม่มาก
ทำให้ไม่ได้เป็นการสร้างภาระให้เขามากจนเกินไป แต่ถึงเธอจะหนักกว่านี้ ก็สูงกว่าที่เป็น เขาก็ไม่เคยคิดว่าเธอคือภาระเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาทำไปทั้งหมด
ก็เพราะความรักที่มีต่อเธอ
เวลาสิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภัครคิราก้มลงหอมแก้มนวลเพื่อเรียกกำลัง ก่อนจะหันมองไปทางลูกน้อง เมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้วจึงพยักหน้าส่งสัญญาณให้ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะเดินออกไปเสียงดังอู้อี้ในอ้อมแขนมาเฟียหนุ่มก็ดัง พาให้ทุกสายตามองไปทางเธอกันหมด จนเขาต้องกระแอมขึ้นเบา ๆ ด้วยความหึงหวง
“อื้อ อื้มมม”
“นอนนะครับคนดี” สัมผัสแผ่วเบากดจูบลงบนหน้าผากมล ให้เธอหลับพักผ่อน ที่เธอกรีดร้องจนเป็นลมไปเมื่อกี้กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มาหลับเสียอย่างนั้น เสียงร้องเบา ๆ เมื่อกี้ก็คงเพราะเขาขยับตัวมันเลยไปรบกวนการนอนของเธอ แต่หากเธอได้หลับแล้วก็คงจะหลับลึกอีกไม่นาน เขารู้ข้อนี้ดี
เพราะหลายครั้งที่ได้ไปรับไปส่งเธอ เธอมักจะงีบหลับจนถูกเขาขโมยจูบอยู่บ่อย ๆ
รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า หลังจากต้องเคร่งเครียดมาทั้งวัน แต่มันก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น เมื่อนึกถึงสิ่งน้องชายของไอศรันย์มันทำกับเธอ สายตาอบอุ่นที่ทอดมองหญิงคนรักวาวโรจน์ขึ้นมาทันที เหล่าลูกน้องที่มองอยู่ถึงกลับขนลุกไปตาม ๆ กัน
ไม้และลูกน้องอีกสองคนที่เดินนำมาก่อนส่งสัญญาณบอกคนอื่น ๆ ทันทีเมื่อเห็นว่าหนทางข้างหน้านั้นปลอดภัย บัญชีแค้นในครั้งนี้เขาจำต้องปล่อยให้ลูกน้องคนสนิทเป็นคนนำทาง เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะฝืนร่างกายที่ไม่ค่อยจะเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ของตัวเอง
หากอยู่คนเดียวไร้คนที่ต้องปกป้องในอ้อมแขนเช่นวันนี้ อาการบาดเจ็บแค่นี้นั้นถือว่าเล็กน้อย แต่พอมีเธออยู่ด้วยเขาต้องระวังตัวเองให้มากขึ้น เพราะหากเขาพลาดไม่ใช่เขาคนเดียวที่เจ็บ…
ปัง!
“ออกมาได้สักทีนะมึง กูก็คิดว่าจะพากันตายห่ากันหมดแล้ว”
“หึ” ภัครคิราไม่ได้ตอบอะไรอีกฝ่ายเพียงแต่เดินเข้าหาที่กำบังเท่านั้น ก่อนจะสาดกระสุนเข้าใส่อีกฝ่าย ซึ่งแต่ละนัดที่ออกจากปลายกระบอก
นั้นหมายจะเอาชีวิตไม่ได้แค่ยิงขู่เล่นอย่างที่ศรุตทำ
เมื่อเห็นเจ้านายเปิดแล้วเหล่าลูกน้องของเขาก็เข้าประจำที่ก่อนจะลั่นไกตามไปทันที เสียงปืนดังขึ้นไปทั่วบริเวณ อีกฝ่ายหนึ่งยิง อีกฝ่ายหนึ่งหลบ สลับกันไปอยู่แบบนี้จนทุกคนเริ่มเหนื่อยหอบกันบ้างแล้ว ทำให้พลาดถูกกระสันของอีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างก็พลาดแลกเลือดแลกกระสุนกันไปอยู่แบบนั้น
แต่แล้วสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเมื่อฝ่ายศรุตนั้นมีกำลังเสริมเข้ามาเพิ่ม กลับกลายเป็นว่าฝ่ายของภัครคิราในตอนนี้ถูกล้อมหน้าล้อมหลังเอาไว้ ทำให้เขาต้องรับศึกถึงสองทาง
“โธ่เว้ย!” แม้จะพยายามทำให้เย็นไม่ให้ตัวเอง แต่สถานการณ์ตรงหน้ามันทำให้เขาไม่สามารถที่จะเย็นต่อไปได้อีก ฝ่ายเขานั้นเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด พอสังเกตดูเหล่าลูกน้องก็เห็นว่าหลายคนเริ่มแสดงใบของความเหนื่อยล้าให้ได้เห็น
ภัครคิราทำสัญญาณด้วยใบหน้า ให้ลูกน้องของเขาตีฝ่าวงล้อมออกไปทางศรุต เพราะฝ่ายนั้นลูกน้องของมันก็ได้รับบาดเจ็บและอ่อนแรงเช่นเดียวกับลูกน้องของพวกเขา แต่ดูว่าลูกน้องเขาจะใจสู้และเข้มแข็งกว่าคนของอีกฝ่าย ถ้าให้ฝ่าไปยังอีกฝั่งที่เป็นผู้มาใหม่ ทั้งยังดูว่าจะมีกำลังมากกว่า คงจะเป็นการพาลูกน้องเอาชีวิตไปทิ้งเสียมากกว่า
เมื่อให้สัญญาณกันเสร็จแล้ว ทุกคนก็เตรียมตัวฝ่าวงล้อมไปทันที
ยิงสกัดทั้งหน้าและหลังจนเสียงปืนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
ปัง ปัง
“อย่าให้พวกมันหนีไปได้!!”
“อ้าก!” ลูกน้องที่รับคำสั่งจากเจ้านายก็เริ่มเคลื่อนตัวเข้าใกล้คนของภัครคิราทันที แต่กลับถูกอีกฝ่ายยิงเข้าที่ต้นขา ส่งเสียงร้องได้เพียงแป๊บเดียวก็สิ้นใจไปในที่สุด เมื่อนัดต่อมาฝังเขาที่คอตัดผ่าเส้นเลือดและหลอดลม บริเวณลูกกระเดือก
เหล่าลูกน้องทั้งของภัครคิราเองและศรุตถึงกับร่นคอด้วยความหวาดเสียวไปตาม ๆ กัน มันไม่ใช่เรื่องแปลกหากใครพบเห็นจะรู้สึกหวาดกลัว ขนาดลูกน้องของเขาเองที่เห็นฝีมือการสังหารศัตรูของมาเฟียหนุ่มมานับครั้งไม่ถ้วน ก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่พวกเขาจะทำใจได้ เพียงแต่นานวันเข้าความกลัวนั้นก็ลดลง
แต่มันก็ไม่เคยหายไปไหนเลย อย่างน้อยพวกเขาก็โชคดีที่จะไม่มีวันโดนแบบนั้นเพราะเขาและภัครคิรานั้นเป็นพวกเดียวกัน คิดแล้วก็ได้แต่สวดส่งฝ่ายตรงข้ามที่คิดตีตัวเป็นศัตรูกับเจ้านายเขาด้วยความสังเวชในใจ
“ไอเคนมึง!!” เมื่อเห็นลูกน้องตายอย่างอนาถไปต่อหน้าต่อตา
ด้วยความโกรธแค้นที่มีต่ออีกฝ่ายจนล้นอก มือหนาคว้าเอาปืนอีกกระบอกที่เหน็บอยู่ที่เอวมาถือไว้ ก่อนจะสาดกระสุนเข้าใส่อีกฝ่ายไม่ยั้งมือ โดยเป้าหมายนั้นไม่ใช่ภัครคิรา แต่กลับเป็นหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาแทน
อยู่ ๆ ก็มีกระสุนพุ่งมาทางเขาไม่หยุดโดยแต่ละนัดนั้นมีเป้าหมายคือเธอ ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายเธอ แม้จะมีลูกน้องมาช่วยยิงสกัด แต่อย่างไรก็ไม่อาจต้านทานอีกฝ่ายได้ เพราะไม่ใช่แค่ทางด้านหน้าเท่านั้นที่โจมตีมา ทางด้านหลังกลุ่มคนที่เข้ามาใหม่ก็เริ่มเข้ามาใกล้ ๆ พวกเขาเรื่อย ๆ ทำให้ต้องยิงตอบโต้ไปถึงสองทาง
ความเสี่ยงที่มีสูง และอย่างที่ทราบกันอุบัติเหตุนั้นสามารถเกิดได้ทุกเมื่อ และเมื่อไม่อาจหลีกเลี่ยงกระสุนที่พุ่งเข้ามา เขาจึงต้องหันตัวเองรับกระสุนแทนเธอในที่สุด แม้เธอจะมีเสื้อเกราะหนังของเขาคลุมตัวอยู่ แต่หากถูกยิงเข้า แรงกระสุนก็อาจจะทำให้เธอเจ็บได้เหมือนกัน ซึ่งหากจะต้องมีใครเป็นคนเจ็บแล้ว ก็ขอให้มันเป็นเขาแต่เพียงผู้เดียวเสียยังจะดีกว่า เพราะเธอต้องเจ็บปวดกับการกระทำและคำพูดของเขามามากพอแล้ว
“อัก” อาการบาดเจ็บจากกระสุนบวกกับแรงทับจากเศษซากปรักหักพังเมื่อครู่ ทำให้เขาแทบจะทรุดตัวลงนั่ง แต่เขาก็ยังคงฟืนร่างกายที่มือ ยืนหยัดโอบอุ้มเธออย่างปกป้องดังเดิม
“นาย!”
“กูไม่เป็นไร จัดการต่อเถอะ”
“รีบพาทุกคนฝ่าวงล้อมออกไปจากที่นี่ ถ้าไม่อยากเป็นผีอยู่เฝ้าโกดังให้มัน”
“แต่นายครับ…”
“ทำตามที่กูบอก!”
ปัง ปัง ปัง
“ใครมันมาอีกวะ!”
