15 ตามล่า
“กอหญ้าตื่นได้แล้ว ขึ้นวอร์ดแต่เช้าไม่ใช่หรือไง”
“กอหญ้า!”
“อื้อออ จานอน อาห์”
“จะตื่นไม่ตื่น” ริมฝีปากหนาดูดดึงยอดยกสีหวานก่อนจะกันมันเบา ๆ
“อ้ะ”
“กอหญ้า ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ไหว” น้ำเสียงอ่อนล้าเอ่ยบอกเขา เมื่อคืนเขารังแกเธอทั้งคืน
กว่าจะได้นอนเธอจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เธอมีสติ ตัวเลขที่ขึ้นอยู่บนหน้าปัดดิจิตอลบนหัวเตียงเขา มันบอกเวลาตีสามแล้ว
ภัครคิราตัดสินใจช้อนตัวร่างบางเปลือยเปล่าขึ้นอุ้มไว้แนบอกก่อนจะพาเธอไปยังห้องน้ำ
“หึ” มือหนาค่อย ๆ ถูตัวให้ร่างบางที่อ่อนปวกเปียกหากเขาไม่อุ้มประคองไว้ เธอคงจะไหลลงไปกองกับพื้นเป็นแน่
“ฉันลักหลับเธอดีไหม” เสียงเข้มกดต่ำอย่างข่มกลั้นอารมณ์ ให้ตายเถอะเขาคิดถูกหรือคิดผิดที่อาบน้ำให้เธอ ร่างบางที่เต็มไปด้วยรอยรักจากฝีมือของเขา ไม่ว่าจะสัมผัสตรงไหนก็นุ่มมือไปหมด โดยเฉพาะเนินเขาสองลูกนั่น มันช่างพอดีมือราวกับว่ามันมาเพื่อเขาอย่างไงอย่างนั้น
“อาห์ อื้มมมม”
เสียงหวานครางคลอขึ้นมาเบา ๆ ยามถูกเขาสัมผัสถูกจุดอ่อนไหว
แต่คนที่ได้ยินต้องพยายามข่มอารมณ์ตัวเองเป็นอย่างมากไม่ให้สติขาดผึ้งแล้วจับเธอกิน ก่อนจะรีบอาบน้ำให้เธอและตัวเองไปพร้อมกัน เพราะเสื้อผ้าเขาเปียกไปหมด ทั้งที่พึ่งอาบเสร็จแล้วแท้ ๆ
“ป้อนนน” เสียงหวานพูดบอกเขาอยากอ้อน ๆ ราวกับเด็ก ทั้งที่ตาเธอแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว
“ไม่”
“น้า ๆ ป้อนหญ้าหน่อยน้า จะสายแล้วเนี่ย”
“เธอตื่นสายเอง”
“ก็เคน…”
“ก็ฉันอะไร หึ”
“ชิห์…หญ้ากินเองก็ได้” พูดจบก็ดึงเอาชามโจ๊กที่เขาทำให้มาไว้ตรงหน้าอย่างงอน ก็เขานั่นแหละที่ทำให้เธอไม่ได้นอนแถมยังสูบพลังเธอจนหมดอีก ยังมีหน้ามาทำไม่รู้ไม่ชี้อีก
“อ้าปาก”
“อื้ม อร่อย ^^” ยิ้มตาหยีส่งให้เขา เมื่ออยู่ ๆ เขาก็ยอมตักโจ๊กหมูสับป้อนเธอ แถมยังเป่าให้อีกด้วย
“พูว พูว รีบกินฉันจะได้ไปส่ง”
“อยากหนีคนไข้มาอยู่กับเคนนาน ๆ จัง ไม่อยากไปเลย…” เธอพึ่งได้อยู่กับเขาไม่ถึงวันด้วยซ้ำก็ต้องห่างจากเขาอีกแล้ว เธอยังไม่หายคิดถึงเขาเลย น้ำสีใสคลออยู่บนดวงตาคู่สวย ๆ น้อย ๆ ด้วยความปวดใจ
“…” ภัครคิราไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเขายังคงตักโจ๊กขึ้นมาเป่าก่อนจะส่งมันเข้าปากคนที่เอาหัวน้อย ๆ มาซบอิงไหล่เขาอยู่
“ตอนเที่ยงไปกินข้าวกันนะ” พิมพ์นภาร้องถามเขา เมื่อรถขับมาใกล้จะถึงโรงพยาบาลแล้ว
“ไม่ว่าง”
“งั้นตอนเย็นเคนมารับหญ้านะ เดี๋ยวหญ้าลงเวรแล้วจะส่งไลน์ไปบอก”
“ไม่ว่าง”
“ล แล้วพรุ่งนี้” เสียงหวานเริ่มสั่นขึ้นเมื่อถูกเขาปฏิเสธอีกเป็นครั้งที่สอง
“ไม่ว่าง”
“ล แล้ว…”
“ฉันมีงานต้องทำกอหญ้า ฉันไม่ว่างมารับมาส่งเธอตลอดหรอกนะ ส่วนเรื่องคนไปรับไปส่งฉันคุยกับคุณอาแล้ว คุณอาจะให้คนที่บ้านรับส่งเธอ”
“เวลาสักนิดเคนก็ให้หญ้าไม่ได้เลยหรอ…” เธอเอ่ยถามเขาเสียงเศร้า ก่อนจะหันไปมองเขาทั้งน้ำตาคลอหน่วย
“อืม ไม่ได้”
“แต่เรา แต่เรา”
“แต่เรามีอะไรกันแล้วงั้นหรอ?”
“อะ อื้ม ชะ ใช่”
“หึ friends with benefits ไงกอหญ้า”
“มะ หมายความว่าไง”
“…”
แหมะ น้ำตาที่คลออยู่หยดแหมะลงบนแก้มนวลทันที อย่างที่เจ้าของน้ำตานั้นไม่คิดที่จะปัดมันออก
“พ เพื่อนกันมีเซ็กส์กันได้งั้นหรอ…ฮึก หญ้ามองเคนผิดไปจริง ๆ คนใจร้าย”
“…”
“ถ้าอย่างนั้นเคนมาทำดีกับหญ้าทำไม เคนมาคอยดูแลไปรับไปส่งหญ้าทำไม” ทั้งที่รู้ว่าส่วนหนึ่งเกิดจากคำขอของตัวเองและคุณพ่อ แต่เธอก็อยากฟังคำตอบจากเขา เพื่อว่าคำตอบที่ได้รับมันจะทำให้ใจที่บีบรัดเข้าหากันอย่างเจ็บปวดของเธอคลายลงบ้าง
“ลงไปได้แล้ว แล้วก็หญ้าลืมหายาคุมฉุกเฉินมากินด้วยล่ะ ฉันยังไม่พร้อม” เมื่อรถเคลื่อนตัวมาถึงเขาก็เอ่ยบอกเธอทันที ไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าสวยหวานที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา จากการกระทำของเขา
“เข้าใจที่ฉันพูดไหม”
“เคน…” นอกจากเขาจะไม่ตอบคำถามเธอแล้ว เขายังไล่เธอลงพร้อมกับพูดจาทำร้ายจิตใจเธออีก ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนเขาก็ไม่เคนมองเห็นความรักของเธอเลยสินะ
มือบางบีบเข้าหากันแน่นก่อนจะตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป
“ฮึก งั้นก็ขอเวลาให้หญ้าหน่อยนะ หญ้าจะพยายามตัดใจจากเคนให้ดะ…อื้ออออ” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบภัครคิราก็คว้าเธอกดจูบทันที จูบที่แสนร้อนแรงราวกับว่าเขากำลังจะลงโทษเธออยู่ ถึงจะถูกเขาดึงไปจูบแบบนั้นแต่น้ำตาก็ยังรินไหลอาบแก้มนวลไม่ขาดสาย ฮึก เขาทำแบบนี้ไปทำไมกัน ไม่รักแล้วทำแบบนี้มันจะไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยหรอ เขาทำเป็นให้ความหวัง ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วเขากลับไม่เคยคิดจะตอบรับความรักของเธอเลยสักครั้ง ไม่เคยเลย…
ทั้งที่อยากให้เธอตัดใจจากเขา เพื่อที่เธอจะไม่ต้องเจ็บปวดในวันข้างหน้า แต่พอเธอจะทำจริง ๆ แล้วเขากลับทำใจไม่ได้
“โธ่เว้ย!!” มือหนาทุบเข้าที่พวงมาลัยรถอย่างหงุดหงิด หลังจากที่เธอลงจากรถ เดินจากไปทั้งน้ำตา แผ่นหลังที่สั่นน้อย ๆ ตลอดทางที่เธอเดินไปสร้างความเจ็บปวดใจให้เขาไม่น้อย และเขาก็คิดว่าเธอเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน หรืออาจจะมากกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ
“อ้ากกก”
“บอกกูมามันอยู่ไหน” คนถามเอ่ยเสียงเหี้ยม หาได้สนใจเสียงร้องและสภาพเจ็บปางตายของคนที่เขาเหยียบอกมันไว้เพื่อเค้นเอาคำตอบไม่
“กู อั๊ก ไม่ รู้” ทันทีที่พยายามพูด ของเหลวสีแดงข้นก็สำลักออกมาจากปาก แสดงให้เห็นสภาพร่างกายของคนพูดได้เป็นอย่างดี ว่ามันเริ่มจะไม่ไหวแล้ว แต่เจ้าของรองเท้าหนังมันเงาก็ไม่คิดที่จะยกออก แถมยังลงน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก
“กูให้โอกาสมึงเป็นครั้งสุดท้าย มันอยู่ที่ไหน!”
“มะ อั้ก ไม่รู้”
ปัง! ทันทีที่พูดจบกระสุนก็ฝังเข้าที่กลางหน้าผากอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ สายตาเหลือกมองเขาอย่างน่ากลัว แต่สายตาของคนลงมือกลับนิ่งเรียบไร้ความรู้สึก ซึ่งดูแล้วกลับน่ากลัวเสียงยิ่งกว่า จนลูกน้องที่ติดตามมาบางคนถึงกลับเบือนหน้าหนีให้กับการกระทำอันแสนเย็นชานี้
“มันคงไม่อยู่ที่นี่หรอกครับนาย ผมว่าเรากลับกันก่อนดีกว่า”
“ไปที่อื่น จนกว่าจะเจอมัน!” เขาว่าเสียงเหี้ยมก่อนจะขึ้นรถไป เปลือกตาหนาค่อย ๆ ปิดลง วันนี้เขาตามหาไอสารเลวที่มันส่งคนมาทำร้ายเธอทั้งวัน ลูกน้องของมันมากกว่าขึ้นถูกเขาจัดการแต่เพียงผู้เดียว ด้วยความโกรธแค้น
ที่มันบังอาจมาแตะต้องดวงใจของเขา และเขาก็ต้องจัดการมันให้เร็วที่สุดก่อนศัตรูคนอื่น ๆ จะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเธอ มันอาจทำต้องตกอยู่ในอันตรายอีก ซึ่งเขาปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้ แค่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเขาก็รู้สึกเกลียดตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องเจอกับเรื่องพวกนั้นเขาก็เกลียดตัวเองจะแย่แล้ว
แม้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาจะพยายามเจรจายุติความบาดหมางระหว่างแก๊ง แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเมื่อต่างฝ่ายต่างก็อยากเป็นใหญ่
ซึ่งทางลัดก็คือกำจัดอีกฝ่ายให้พ้นทาง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีแก๊งไหนยอมเข้าร่วมกับเขา แน่นอนว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาและพ่อได้รวบรวมกลุ่มอำนาจไว้ได้แล้วในระดับ ถือได้ว่าในตอนนี้แก๊งของเขาก็มีอำนาจอยู่พอตัว เป็นการยากที่ใครอยากจะต่อกลอนหรือหาเรื่อง
และแน่นอนว่ามันก็ต้องมีกลุ่มแก๊งที่หัวแข็ง ต่อต้านกับแก๊งของเขา
ไม่อยากอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข หึ แน่นอนว่าเขาก็ตอบแทนความอยากวุ่นวายของพวกมันไปอย่างสาสม และตอนนี้ก็เหลือเพียงไม่กี่แก๊งเท่านั้นที่ยังดื้อด้านอยู่ แถมอำนาจก็ไม่ได้เป็นรองกับแก๊งของเขาเสียเท่าไหร่ เหตุผลนี้เองที่ทำให้เขาหนักใจ
“ผมว่ามันน่าจะอยู่ที่นี่แหละครับนาย” เสียงเข้มเอ่ยบอกผู้เป็นนายที่ยังคงหลับตาอยู่
“บอกคนของเราเตรียมพร้อม”
“กูจะพาไปยืดเส้นยืดสายหน่อย”
ท่าทีสบาย ๆ ของเจ้านายพาให้เหล่าลูกน้องสบายใจไปด้วย ทุกคนต่างรู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นเก่งกาจมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ ศิลปะการป้องกันตัวต่าง ๆ ปืนก็แม่นราวกับจับวางอย่างไงอย่างนั้น แถมความฉลาดเฉลียวนั้น หึ ใครไม่อยากตายฟรีอย่ามายั่วโมโหเจ้านายพวกเขาจะดีกว่า และการได้ร่วมกันกับคนเก่ง ๆ แบบนี้ต่อให้สิบรุมหนึ่งพวกเขาก็ไม่กลัว
“กูอยากจะรู้จริง ๆ ว่าคนตายอย่างมันจะฟื้นได้อีกกี่รอบ”
“มีผู้บุก อั๊ก”
“หึ” ยังไม่ท่านที่อีกฝ่ายจะพูดจบกระสุนก็ฝังเข้าที่หน้าอกตัดขั้วหัวใจอีกฝ่ายทันทีอย่างแม่นยำ
“น นาย”
“เอาให้เละ!” เขาหาให้สนใจเสียงอึ้ง ๆ ของลูกน้องไม่ หันไปสั่งการต่อทันที พวกมันยังไม่ชินอีกหรอ หึ
เสียงการต่อสู้และเสียงปืนยังคงดังขึ้นเป็นระยะ จากที่เคยสว่าง รอบ ๆ บริเวณก็เริ่มมืดขึ้นในทันตา แต่ก็ยังโชคดีที่มีความสว่างจากหลอดไฟที่อีกฝ่ายติดไว้พอเป็นแสงสว่างในการเล็ง และล็อคตัว เพื่อจัดการเป้าหมายได้บ้าง
“ไม่เจอมันเลยครับ” กรกฤตเอ่ยรายงานเจ้านายหนุ่ม หลังจากที่เขาออกตามหาอีกฝ่ายไปจนทั่วบริเวณ
“กูอยากจะรู้จริง ๆ ว่าลูกน้องมันตาย และบาดเจ็บหนักเป็นเบือแบบนี้มันจะยังหดหัวได้อยู่อีกไหม หึ”
ปัง ปัง!
“ถ้าอีกสามสิบนาทีมันยังไม่มา ระเบิดที่นี่ทิ้งซะ!!” เสียงดังตวาดไปทั่วบริเวณ ทำให้ลูกน้องของฝ่ายศัตรูบางส่วนเริ่มจำนนวางอาวุธบ้างแล้ว แต่บางส่วนก็ยังคงสู้ไม่ถอย ซึ่งถ้ามันอยากสู้เขาก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
“ถ้าจะระเบิด นังนี่ก็ตายไปด้วย!!!”
“เอน”
“กอหญ้า!!!”
