3
ย้อนกลับไปสามวันก่อนที่นลินบินกลับมาไทยพร้อมวีรวัฒน์
ตั้งแต่วันที่ คุณวิวัฒน์ วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของเธอถูกพบเป็นศพในห้องทำงานที่บริษัท อนันตกุล กรุ๊ป บริษัทพันล้านที่ท่านสร้างมากับมือ คำสรุปสั้น ๆ จากตำรวจคือ "ยิงตัวตายจากความเครียดทางธุรกิจ" แต่สำหรับนลิน นั่นคือเรื่องตลกที่ไร้สาระที่สุด
“พ่อไม่มีวันทำแบบนั้น”
เธอกระซิบกับตัวเองขณะจ้องมองกล่องกระดาษใส่ของใช้ส่วนตัวของพ่อที่เหลืออยู่ทั้งหมดในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังเล็ก ๆ ที่เพิ่งย้ายมาอยู่ คฤหาสน์หรูในย่านใจกลางเมืองถูกยึดไปแล้วพร้อมกับทรัพย์สินอื่น ๆ ทั้งหมด การล่มสลาย ของตระกูลอนันตกุลเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยมเกินกว่าที่คนอายุยี่สิบสี่ปีอย่างเธอจะรับมือไหว
หุ้นส่วนที่พ่อไว้ใจที่สุด คุณภากร หักหลังอย่างเลือดเย็น ขายความลับให้คู่แข่ง ฉ้อโกงเงินทุนจนบริษัทล้มไม่เป็นท่า และในความโกลาหลนั้น พ่อของเธอก็จากไปอย่างมีเงื่อนงำ นลินจึงใช้เงินเก็บก้อนสุดท้ายจ้างนักสืบเอกชนเพื่อสืบเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นสายจาก คุณประวิทย์ นักสืบที่เธอว่าจ้าง
“คุณนลินครับ...ผมคงทำต่อไม่ได้แล้วจริง ๆ” เสียงปลายสายสั่นเครืออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“หมายความว่ายังไงคะคุณประวิทย์ คุณกำลังจะได้หลักฐานสำคัญอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” นลินลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตระหนก หัวใจเต้นแรงราวกับมีใครมากำมันไว้แน่น
"มัน...มันเกี่ยวกับคนที่คุณแตะต้องไม่ได้ครับคุณนลิน มันใหญ่เกินตัวผมไปมาก ผมขอโทษจริง ๆ นะครับ”
“ใครคะ.. บอกฉันมาสิว่าใคร!” เธอแทบจะตะคอกใส่โทรศัพท์
ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว ๆ ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“...เขา...เป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในธุรกิจสีเทาในพื้นที่นี้ครับ เขาคือ... ไคเซอร์ ”
คำว่า 'ไคเซอร์' ราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจ นลินทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาหนังเก่า ๆ ตัวนั้น เธอเคยได้ยินชื่อนี้จากวงสนทนาลับ ๆ ในงานสังคมชั้นสูง เขาคือ มาเฟีย ตัวจริง ที่แม้แต่ตำรวจยังเกรงกลัว นี่มันเรื่องจริงหรือนี่ การตายของพ่อเกี่ยวข้องกับมาเฟีย!
โทรศัพท์ถูกตัดสายไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความเงียบและหลักฐานชิ้นใหม่ที่หนักอึ้งในใจ นลินไม่เสียใจที่นักสืบทิ้งงาน เพราะตอนนี้ เธอรู้แล้วว่าควรจะไปหาความจริงได้ที่ไหน... ที่ศูนย์กลางของอันตรายนั่นเอง
.......
เมื่อนลินตื่นขึ้นมา แสงไฟสลัวจากแชนเดอเลียคริสตัลที่ใหญ่ยักษ์ก็แยงตา ภาพที่เห็นคือห้องขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรปคลาสสิก หรูหราจนน่าขนลุก
ประตูไม้โอ๊กขนาดใหญ่ถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ
ผู้ชายคนหนึ่งก้าวเข้ามา เขาสวมชุดสูทสีเทาเข้มสั่งตัดราคาแพงที่ขับให้รูปร่างสูงใหญ่ดูสง่างาม แต่มีรังสีอำมหิตแผ่ออกมา เขาเดินอย่างเชื่องช้า แต่มั่นคง ราวกับเป็นเจ้าชีวิตของสถานที่แห่งนี้ ไคเซอร์!
นลินจ้องมองเขาอย่างไม่ลดละ ดวงตาของเธอลุกวาวด้วยความเกลียดชังและความตื่นตระหนกที่ถูกปกปิดไว้ด้วยความเย่อหยิ่ง
ไคเซอร์ หยุดอยู่ตรงหน้าเธอเพียงสามก้าว เขาก้มลงเล็กน้อยเพื่อให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับเธอ ดวงตาคมกริบสีเข้ม ของเขาเหมือนกำลังประเมินสินค้าชิ้นใหม่
“ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรของฉัน... นลิน อนันตกุล” เสียงทุ้มนุ่มลึกของเขาเย็นชาจนน่ากลัว
“คุณเป็นใคร...และจับฉันมาทำไม!” นลินถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แม้ขาจะเริ่มสั่น
ไคเซอร์ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่อันตรายและเย้ยหยัน
“ฉันคือคนที่จะยุติปัญหาทางการเงินของพ่อเธอ และฉันคือคนที่... เป็นเจ้าของชีวิตเธอต่อจากนี้”
เขาหยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากด้านในของเสื้อสูทแล้วโยนลงบนโต๊ะกระจกข้างเตียง
“พ่อเธอติดหนี้ฉัน ห้าพันล้าน”
นลินเบิกตากว้าง “โกหก! พ่อฉันไม่มีทาง...”
“เงียบ!” ไคเซอร์พูดเพียงคำเดียว แต่น้ำเสียงนั้นทรงอำนาจจนเธอต้องกลืนคำพูดกลับลงคอ
“นี่คือสัญญากู้ยืมและหลักฐานการค้ำประกัน...ด้วยชื่อของเธอเอง” เขาชี้ไปที่เอกสารอย่างเหยียดหยาม “แต่ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ต้องการเงินที่เน่าเฟะนั่นหรอก และเธอเองก็คงไม่มีปัญญาใช้คืนแน่ ๆ”
ไคเซอร์เดินเข้ามาใกล้ขึ้นอีก กลิ่นน้ำหอมราคาแพงแต่หนักแน่นของเขาทำให้เธอหายใจติดขัด เขาโน้มตัวลงจนริมฝีปากเกือบสัมผัสกับใบหูของเธอ
“ฉันต้องการแค่ ตัวเธอ”
ไคเซอร์เชยคางนลินขึ้นเบา ๆ ด้วยนิ้วโป้งของเขา สายตาของเขาลุกวาวด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจควบคุมได้ ร่างกายของนลินแข็งทื่อด้วยความกลัว แต่เธอก็สังเกตเห็น ความคลั่งไคล้ ที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาของมาเฟียผู้นี้
“เป็น ‘นางบำเรอ’ ของฉัน นลิน... ปรนเปรอความสุขให้ฉันทุกครั้งที่ฉันต้องการ ห้าพันล้าน ก็จะถูกยกให้เป็นศูนย์... นี่คือข้อเสนอที่เธอปฏิเสธไม่ได้”
นลินรู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนผิวที่เขาแตะต้อง แต่ในใจเธอมีเสียงหนึ่งตะโกนก้อง "นี่คือโอกาสเดียว!"
เธอจ้องมองเขาอย่างท้าทาย พยายามเก็บซ่อนความรังเกียจไว้ทั้งหมด
“ตกลง... ฉันรับข้อเสนอของคุณ”
ไคเซอร์เลิกคิ้วเล็กน้อย ดูประหลาดใจกับการตอบรับที่รวดเร็วเกินไปของเธอ
“ฉลาด” เขากระซิบชิดริมฝีปากของเธอ ก่อนจะมอบ จูบ ที่ไม่ใช่การปลอบโยน แต่เป็น การแสดงความเป็นเจ้าของ ที่รุนแรงและเร่าร้อน
นลินกัดฟันรับจูบนั้นอย่างจำยอม นี่คือการเริ่มต้นของการชดใช้... และการเริ่มต้นของการสืบแค้นของเธอ เธอใช้โอกาสที่เขาแนบชิด พยายามจับความรู้สึกของเขา: เขาไม่ได้เกลียดเธอ... แต่เขากำลังคลั่งไคล้เธอ
ไคเซอร์ผละออกอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเขาดำมืดด้วยความปรารถนาอันรุนแรง เขาเลื่อนมือลงไปตามลำคอระหงของเธอ...
“ดีมาก นลิน” ไคเซอร์พูดเสียงทุ้ม “ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป... ทุกสิ่งของเธอเป็นของฉัน”
เขาจับข้อมือเธอไว้แน่นราวกับพันธนาการด้วยโซ่เหล็ก ก่อนจะก้มลงมองสร้อยคอจี้เล็ก ๆ ที่เป็นรูปกุญแจซึ่งนลินใส่ติดตัวมาตลอด สร้อยเส้นนี้คือของขวัญชิ้นสุดท้ายจากพ่อของเธอ
“และเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเจ้าของคนใหม่...”
ไคเซอร์กระชากสร้อยเส้นนั้นออกจากคอเธออย่างรุนแรง จี้กุญแจหลุดออกและตกลงบนพื้นกระเบื้อง เสียงแตกเพล้งเบา ๆ แต่บาดลึกเข้าไปในใจของนลิน
นลินจ้องมองชิ้นส่วนของความทรงจำที่แตกหักด้วยความเจ็บปวด ไคเซอร์มองใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตาที่ยังไม่ได้หลั่ง... แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ เธอจดจำกลิ่นเฉพาะของน้ำหอมและรอยยิ้มเยือกเย็นของเขาได้แล้ว...และเธอจะใช้มันเป็นเชื้อเพลิงในการตามหาความจริง
ไคเซอร์ยิ้มอย่างพึงพอใจในชัยชนะของเขา
“คืนนี้ยังอีกยาวไกล ที่รัก ... มาเริ่มชดใช้ 'หนี้' ของเธอได้แล้ว”
เขาก้มลงมาอีกครั้ง และในตอนที่ริมฝีปากกำลังจะแตะกัน...
นลินเหลือบไปเห็นรอยสักสีเข้มที่ข้อมือของไคเซอร์... ซึ่งเป็นรอยสัญลักษณ์เดียวกับที่ถูกสลักอยู่บนสมุดบันทึกเล่มสุดท้ายของพ่อเธอ
เขารู้เรื่องการตายของพ่อเธอ! และอาจจะเป็นคนทำเอง!
