2
“ทำไมรีบขนาดนั้นล่ะวีวี่” นลินถาม
“โอ๊ย! อย่าให้พูดถึงสวนทุเรียนแม่ฉันเลยนะ! ทุเรียนเกือบห้าสิบไร่ที่จันทบุรีน่ะกำลังเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยว และคุณแม่ก็โทรมาวีนแตกแล้วว่าขาดคนคุมงานที่ไว้ใจได้ ชั้นต้องกลับไปเป็นผู้จัดการสวนทุเรียนจำเป็นแล้วล่ะ!” วีวี่ทำหน้าเหมือนคนถูกบังคับให้ไปใช้แรงงานหนัก ทั้งที่ความเป็นจริงคือเขากำลังจะไปตรวจคุณภาพทุเรียนบนรถปรับอากาศ
วีวี่โผเข้ากอดนลินแน่น ก่อนจะยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลหนา ๆ ให้เธอ
“นี่ไง! เงินสองหมื่นบาท! ใช้ให้ดี ๆ นะ! ถ้าไม่พอโทรมาเลย! ชั้นจะให้ลูกน้องส่งเงินจากยอดขายน้ำปลาร้าไปให้แกถึงที่!”
“ไม่เป็นไรวีวี่ ฉันมีแผนของฉันแล้ว” นลินตอบอย่างหนักแน่น
“แผนอะไรล่ะ! แผนไปสืบหาความจริงเรื่องพ่อแกกับไอ้พวกมาเฟียนั่นใช่ไหม บอกชั้นมาเลยนะนลิน! ชั้นจะช่วย!” วีวี่ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่... แผนนี้ฉันต้องทำคนเดียว มันอันตรายเกินไปสำหรับแก... แกต้องดูแลสวนทุเรียนให้ดีนะ” นลินยิ้มบาง ๆ พยายามปกป้องเพื่อนรักไม่ให้เข้ามายุ่งกับเรื่องมืดมัวของมาเฟีย
วีวี่จ้องหน้านลินอย่างพิจารณา ก่อนจะถอนหายใจยาว “โอเค! เข้าใจแล้ว! แต่สัญญา! สัญญากับชั้นนะนลิน! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว... โทรหาชั้นทันที! ชั้นจะบินกลับมาพร้อมทุเรียนหมอนทองไปถล่มบ้านมาเฟียนั่นเลย!” นลินหัวเราะออกมาเต็มเสียง ยังคงเป็นวีรวัฒน์ที่ทำให้เธอหัวเราะได้ในเวลาแบบนี้
หลังจากรถแท็กซี่ของวีวี่แล่นออกไปจนลับตา ความเงียบที่น่ากลัวก็เข้าครอบงำบ้านหลังเล็ก นลินรู้สึก เคว้งคว้าง อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน การมีอยู่ของวีวี่เหมือนเป็นกำแพงป้องกันที่มองไม่เห็น แต่ตอนนี้กำแพงนั้นถูกรื้อถอนไปแล้ว
เธอเดินกลับเข้าไปในห้องนอน หยิบสร้อยคอที่แตกแล้วออกมาจากลิ้นชัก เธอจ้องมองรอยสลักที่แตกไปของจี้กุญแจ และตัวอักษร ‘K’ ที่เขียนด้วยหมึกแดงเข้มในกระดาษโน้ตของพ่อ
“ภากร... เขาเป็นคนของ K”
นลินกำกระดาษโน้ตและจี้กุญแจนั้นไว้แน่น
“พ่อคะ... หนูรู้ว่าพ่อไม่ได้ฆ่าตัวตาย หนูจะหาหลักฐานทั้งหมดเพื่อล้างมลทินให้พ่อให้ได้”
เธอเริ่มสำรวจเอกสารบางส่วนของบริษัทที่เธอแอบซ่อนไว้ก่อนที่ทรัพย์สินจะถูกยึด และพบว่าชื่อ ไคเซอร์ (K) ปรากฏอยู่ในเอกสารการกู้ยืมเงินนอกระบบขนาดใหญ่ของบริษัทในช่วงสองปีก่อนหน้าจริง ๆ แต่การตายของพ่อเธอก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่
“ถึงจะเป็นเรื่องจริง... แต่เขาก็ต้องเกี่ยวข้องกับการทรยศของภากรแน่ ๆ”
นลินตัดสินใจ ทำสิ่งที่เสี่ยงที่สุด เธอเดินไปที่ตลาดใกล้ ๆ แล้วซื้อโทรศัพท์มือถือราคาถูกที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ เธอใช้มันส่งข้อความสั้น ๆ ไปยังหมายเลขที่เคยเป็นเบอร์โทรศัพท์เก่าของพ่อ
'ฉันรู้เรื่องหนี้ 5 พันล้าน และรู้เรื่องภากร ฉันพร้อมจะชดใช้เพื่อแลกกับความจริงที่เกิดขึ้นกับพ่อของฉัน'
นลินกลับมาที่บ้านพัก เธอรู้ว่าการส่งข้อความนั้นเป็นการเสี่ยงชีวิต แต่มันคือการเปิดประตูสู่รังของมาเฟียที่เธอต้องเข้าไป เพราะหากว่าพวกมาเฟียที่เธอสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อเธอจริง พวกมันต้องเก็บโทรศัพท์พ่อเธอไว้แน่ และเมื่อมันรู้ว่ามีคนรู้ความจริงละก็ พวกมันต้องส่งคนมาแน่
เธอจัดการทำความสะอาดบ้านอย่างพิถีพิถัน อาบน้ำ สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดที่สุดและดูเรียบง่ายที่สุดที่เธอมี สีขาว ทั้งชุด เธอมัดผมหางม้าอย่างเรียบร้อยราวกับกำลังเตรียมตัวไปออกงานสำคัญ เธอเตรียมพร้อมรับความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจที่จะเกิดขึ้น ในฐานะอดีตคุณหนูผู้สูงศักดิ์ เธอถูกสอนให้เผชิญหน้ากับชะตากรรมอย่างมีศักดิ์ศรี
ขณะที่เธอกำลังสวมแหวนทองคำขาววงเล็กที่แม่เคยให้ไว้เป็นเครื่องราง โทรศัพท์มือถือราคาถูกก็สั่นขึ้น
'เตรียมตัวให้พร้อม ภายในสิบนาที'
นลินกลืนน้ำลายลงคอ เธอไม่ตอบกลับ เธอจ้องมองกระจก เห็นภาพสะท้อนของตนเอง: ดวงตาที่เคยเป็นประกายตอนนี้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่เยือกเย็น
นลินนั่งรออย่างสงบที่โซฟาตัวเก่า เธอจับนาฬิกาข้อมือราคาถูกที่เพิ่งซื้อมา เสียงเครื่องยนต์รถยนต์เงียบ ๆ เริ่มดังเข้ามาในซอย
ตรงตามเวลาเป๊ะ!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างหนักแน่นและสั่งการ นลินเดินไปเปิดประตูด้วยตัวเอง เธอจะไม่แสดงความหวาดกลัวต่อคนของมาเฟีย
ประตูถูกเปิดออก เผยให้เห็นชายฉกรรจ์ชุดดำสามคน รูปร่างสูงใหญ่ น่าเกรงขาม ใบหน้าเรียบเฉยตามแบบฉบับคนทำงานด้านมืด นำโดยชายรูปร่างสูงที่ดวงตาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
“คุณนลิน อนันตกุล” เสียงของชายคนนั้นห้วนสั้น
“ใช่ค่ะ” นลินตอบอย่างไม่ลังเล
ชายฉกรรจ์ไม่พูดอะไรต่อ เขายื่นมือมาข้างหน้าเพื่อจับแขนของนลิน แต่เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ฉันจะไปเอง” เธอพูดเสียงดังฟังชัด “แต่ฉันมีข้อแม้ว่าอย่าแตะต้องฉัน จนกว่าฉันจะได้พบกับหัวหน้าของพวกคุณ”
ชายฉกรรจ์หันไปมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะผายมือไปทางรถยนต์ SUV สีดำเงาที่จอดรออยู่หน้าบ้าน
นลินก้าวออกจากบ้านพักอย่างองอาจ เธอรู้ว่าการเดินเข้าสู่รถคันนั้นคือการทิ้งชีวิตเดิมทั้งหมดไว้เบื้องหลัง แต่เธอก็จำเป็นต้องทำเพื่อ ความแค้น และ ความจริง
ขณะที่เธอกำลังก้าวเท้าขึ้นรถ นัยน์ตาของเธอกวาดไปเห็น เงา ของชายอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่หลังรถอีกคันที่จอดห่างออกไป... เขาไม่ได้อยู่ในชุดดำ แต่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา
เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้มีสีหน้าเรียบเฉย เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาที่ ว่างเปล่า แต่เต็มไปด้วยความสนใจและอำนาจ
หล่อมาก!
วินาทีนั้นเอง... ชายชุดดำที่นำเธอขึ้นรถก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนหนาที่ชุบสารบางอย่างมา อุดจมูกของเธออย่างรวดเร็ว
นลินพยายามดิ้นรน เฮือกสุดท้ายของอากาศหมดไปอย่างรวดเร็ว ภาพของชายคนนั้นที่ยังคงยืนมองเธออยู่จากระยะไกล เป็นภาพสุดท้ายที่เธอเห็นก่อนที่โลกจะมืดดับไป... เขาเลือกที่จะไม่เข้ามาใกล้ แต่สั่งให้คนของเขาทำอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด
