ตอนที่ 8 ขอบคุณคุณชายที่ช่วยไว้
ภายในโรงเตี๊ยมเยี่ยนฮวา
“เชิญแม่นางท่านนี้ขอรับ ไม่ทราบว่าท่านต้องการนั่งตรงไหนขอรับ” พนักงานชายวัย 20 กว่าปีเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ข้าขอที่นั่งเงียบๆ สักที่” หญิงสาวตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มกลับไป รอยยิ้มและความสวยของนางทำให้พนักงานชายหน้าแดง ปกติแล้วคนที่นี่ไม่ค่อยคุยหรือยิ้มแย้มแบบนี้ให้บ่าวหรือลูกจ้างพนักงานมากนัก เพราะเขาถือว่าคนพวกนี้เป็นคนชั้นต่ำสุดในที่นี่ แต่ไม่ใช่กับนางที่มาจากโลกที่แล้วที่มนุษย์มีความเท่าเทียมกัน
“เชิญแม่นางท่านนี้ที่ชั้น 2 ขอรับ “พนักงานชายเดินนำขึ้นไปที่ขั้น 2 มีฉากกั้นเป็นล๊อกๆ ดูเป็นส่วนตัว มีทางเดินตรงกลาง 1 ข้างเป็นวิวที่มองลงไปเห็นสีสันของตลาดที่ดูครึกครื้น อีกด้านเป็นวิวแม่น้ำที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาและดูสงบ ซูเชี่ยวเลือกนั่งฝั่งแม่น้ำเพื่อดูวิวระหว่างทานอาหารและรอเจียอี่ทำธุระ นางสั่งอาหารมา 3-4 อย่างระหว่างกินก็หยิบหนังสืออ่านเล่นที่ซื้อติดมือมาอ่านข้ามเวลา กินและอ่านไปด้วยดูวิวไปด้วยเป็นนิสัยที่นางทำจนติดมา หญิงสาวใช้เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ก็จ่ายเงินและเดินออกมาเพื่อไปรอเจียอี่ตามที่นัดกันไว้ เมื่อหญิงสาวเดินออกมาจากร้านนางเห็นเด็กสาวคนหนึ่งอายุราว 12-13 ปี เดินมาประกบแล้วขอความช่วยเหลือ
“พี่สาวช่วยข้าด้วย ข้าพลัดหลงกับท่านพ่อท่านแม่” เด็กสาวสีหน้าเศร้า เสื้อผ้าหน้าตามอมแมม
“เจ้าพลัดหลงที่ใดจำได้เหรอไม่” ซูเชี่ยวย่อตัวลงให้ตัวเท่ากับเด็กหญิง และถามด้วยความเป็นห่วง
“ข้าจำไม่ได้ พี่สาวไปส่งข้าหน่อยได้หรือไม่” ซูเชี่ยวที่เห็นอย่างนั้นก็ทำหน้าหนักใจ นางพึ่งมาที่นี่ครั้งเเรกจะไปรู้จักทางได้อย่างไร หากหลงเข้านางคงหาทางกลับมาไม่ได้แน่ เด็กหญิงตรงหน้าที่เห็นว่าซูเชี่ยวกำลังปฏิเสธก็รีบพูดขึ้นว่า
“น๊าพี่สาวไปส่งข้าหน่อยบ้านข้าไม่ไกลจากที่นี่ รับรองท่านไม่หลงแน่นอน หากท่านพาข้ากลับท่านพ่อท่านแม่จะได้ไม่ตีข้า” ซูเชี่ยวคิดหนัก แต่เห็นว่าเด็กสาวตรงหน้าดูไม่มีพิษภัยเลยคิดว่าจะเดินไปส่งเเค่ครึ่งทางพอ ซูเชี่ยวจูงมือเด็กหญิงเดินเข้าซอยนั้นออกซอยนี้มา 1 เค่อแล้วจนไม่ได้ยินเสียงผู้คนที่ตลาดแล้ว
“อีกไกลหรือไม่เด็กน้อย" นางถามเด็กสาวเพราะกลัวจะเกินเวลาที่นัดกับเจียอี่เอาไว้ เเต่พูดยังไม่ขาดคำก็มีกลุ่มชาย 5-6 คนเดินมาล้อมนางและเด็กสาวไว้
“ไม่ต้องกลัวหลบหลังพี่สาว” นางปลอบเด็กที่กำลังจับมืออยู่ พวกชายฉกรรจ์ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน เด็กหญิงที่จับมือนางอยู่จู่ๆ ก็สะบัดมือทิ้งและวิ่งออกไปอย่างไว
“ติดกับแล้วนี่นางโดนหลอกหรือเนี่ย” ซูเชี่ยวคิดในใจ ทำดีไม่ได้ดีจริงๆ เลยข้าเนี่ย หญิงสาวมองชายฉกรรจ์ที่ค่อยๆ เดินเข้ามาเรื่อยๆ
“พวกเจ้าต้องการอะไรข้ามีเงินข้ามีเงิน” ซูเชี่ยวตวาดออกไปด้วยความหวาดกลัว และล้วงถุงเสื้อเพื่อหาเงินแต่แล้วกลับไม่พบถุงเงิน เป็นไปไม่ได้หายไปไหน
“สาวน้อยเจ้าหาสิ่งนี้อยู่หรือ” 1 ในชายฉกรรจ์พูดขึ้น พร้อมทั้งหัวเราะและโยนถุงเงินของนางเล่น ไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไรหญิงสาวพยายามนึกถึงและคิดได้น่าจะเป็นตอนที่เด็กผู้หญิงคนนั้นมาประกบนางและเอาไปตอนที่นางไม่ทันได้ตั้งตัวเเน่ๆ ชายทั้ง 5 คนเริ่มเข้ามาหาหญิงสาวเรื่อยๆ
“เงินก็ไม่มี สวยๆ แบบนี้คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนพวกข้าหน่อยก็แล้วกัน"
ซูเชี่ยวตอนนี้นางรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากได้แต่ถอยหนีจนล้มลงไปกับพื้น นางหยิบไม้ที่หาได้ใกล้ตัวชูขึ้นเพื่อป้องกันตัว แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ตรงหน้ากลับหัวเราะและก้าวเข้ามาใกล้ จังหวะที่พวกนั้นยื่นมือหวังจะจับหน้าหญิงสาว ดวงอาทิตย์ที่ก่อนหน้านี้ถูกบังด้วยเมฆหนาได้โผล่พ้นออกมา แสงอาทิตย์ส่องกระทบกับหยกที่ห้อยอยู่ที่ข้างเอวหญิงสาวเกิดเเสงสะท้อน และจู่ๆก็มีหลุมน้ำวนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เมตรที่หน้าหญิงสาวทำให้ชายฉกรรจ์ 5 คนกระเด็นออกไปคนละทิศละทาง
“ลูกพี่มันมีพลังภายในธาตุน้ำ เอาไงต่อดี” 1 ในชายฉกรรจ์พูดขึ้น “แค่ผู้หญิงนางเดียวพวกเรามีถึง 5 คนจะกลัวอะไรวะ จับนาง” ชายฉกรรจ์ที่คาดว่าเป็นหัวหน้าสั่งเสียงเข้ม แต่ก่อนที่พวกชายฉกรรจ์จะได้ก้าวเท้าเข้าไปกลับมีพัดสีแดงรูปมังกรติดปีก ด้ามสีดำกระแทกพวกชายฉกรรจ์ทั้ง5 พร้อมกันจนทำให้พวกมันที่พึ่งลุกขึ้นได้ล้มไปอีกที การกระแทกครั้งนี้แรงกว่าพลังจากน้ำวนเมื่อสักครู่มาก
“ใครว่ามีนางคนเดียวมีข้าอีกคนต่างหาก” เสียงนั้นพูดขึ้นมาพร้อมกับการปรากฏตัวของชายผมสีน้ำเงินเข้มยาวแต่ดวงตากลับเป็นสีดำเทาใบหน้าคมคาย ดูหล่อเหลา สวมชุดสีขาวร่างกายสูงสง่าอย่างกับเทพเซียน ทันทีที่เขาย่างกรายถึงพื้นดินใบพัดเมื่อสักครู่ก็กลับมาอยู่ที่มือของเขา ชายฉกรรจ์พวกนั้นต่างพากันถอยหนี ชายหนุ่มที่พึ่งปรากฏตัวเดินไปก้มเก็บถุงเงินของซูเชี่ยวที่พวกนั้นทำตกไว้ และเดินมาตรงหน้านาง
“ขอบคุณคุณชายเป็นอย่างมากที่ช่วยข้าเมื่อครู่นี้” ซูเชี่ยวที่มัวแต่ตะลึงอยู่ได้สติและลูกขึ้นกล่าวขอบคุณ
“ไม่ทราบว่าเเม่นางเจ็บตรงไหนหรือไม่” เสียงทุ้มกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ” หญิงสาวยิ้มและตอบออกไปตามความจริง
“ไม่ทราบว่าเเม่นางจะไปที่ใดให้ข้าไปส่งหรือไม่”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พวกนั้นคงไม่กล้ามาแล้วข้ามีนัดกับเพื่อน นี้ก็ใกล้เวลาแล้วขอเสียมารยาทไป และขอบคุณคุณชายอีกครั้งเจ้าค่ะ” ซูเชี่ยวกล่าวออกไปอย่างจริงใจ
“ไม่เป็นไร เชิญแม่นาง” ซูเชี่ยวเพียงยิ้มตอบและเดินออกมา
ชายหนุ่มที่เหลือบตาไปเห็นป้ายที่เขียนว่าสำนักวารีหยกซูเชี่ยว ที่ทำตกไว้แต่ก็ไม่ทันได้บอก นางก็เดินออกมาจนไม่เห็นเงาหลังแล้ว
