
บทย่อ
ลี่จูสาวออฟฟิต ตื่นขึ้นมาจู่ๆก็อยู่ในร่างของซูเชี่ยว นางร้ายที่ใครๆก็ต่างถอยหนี ลี่หยางที่แสนเย็นชาเมื่อเห็นนางเปลี่ยนไป ไม่รู้ทำไมจู่ๆถึงได้สนใจนางขึ้นมา ทั้งที่ไม่ชอบนางมาโดยตลอด
ตอนที่ 1 พยายามทำตัวให้กลมกลืน
บนเตียงไม้ไม่เก่าไม่ใหม่ขนาดประมาณ 5 ฟุต มีหญิงสาวนอนหลับอย่างสงบด้วยลมหายใจสม่ำเสมอ เวลาผ่านไปไม่เกิน 2 เค่อเสียงบรรเลงกู่เจิงดังมาแต่ไกลตามสายลม ท่วงทำนองไพเราะชวนให้อยากนอนต่อเป็นไหนๆ ในเวลาช่วงยามเหม่า ทำให้หญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงไม้รู้สึกตัว นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นและลุกขึ้นจากเตียงจัดการทำธุระส่วนตัวของตัวเอง
เสียงบรรเลงกู่เจิงที่ได้ยิน เป็นเสียงที่ใช้กันในสำนักเพื่อบอกว่าอีกประมาณครึ่งชั่วยามทุกคนต้องมารวมตัวกันเพื่อทานอาหารเช้า ในกระจกทองเเดงสะท้อนรูปร่างหญิงสาวใบหน้ารูปไข่เรียวสวย เรือนผมดำงามยาวถึงกลางหลัง ครึ่งบนถูกรวบขึ้นเป็นทรงสวย มีเครื่องประดับรูปดอกไม้เล็กๆ ตกแต่งไม่มากจนเกินงาม และมีปิ่นปักผมรูปผีเสื้อเล็กๆ สีครามปักที่เรือนผม คิ้วหนาดำเรียงตัวจัดทรงสวยโดยไม่ต้องขีดเขียนคิ้วเพื่อความสวยงาม ดวงตาสีฟ้าครามอมเขียว ขนตางอนยาวเพิ่มให้ดวงตาดูน่ารักน่าเอ็นดูและน่าทะนุถนอม จมูกโด่งรั้นเล็กน้อยเข้ากับใบหน้า ปากบางกระจับได้รูปสีเเดงระเรื่อดูมีน้ำมีนวล ผิวขาวอมชมพูดูสุขภาพดี สวมชุดสีฟ้าครามสลับสีฟ้าอ่อนที่เป็นสีของสำนัก ยิ่งทำให้ดูสง่างามและหวานไปพร้อมกัน
“เฮ้อออ”
หญิงสาวในกระจกถอนหายใจอย่างหนักหน่วง นี่ก็ผ่านไป 7 วันแล้วที่นางเข้ามาอยู่ในร่างของซูเชี่ยว แค่ชื่อก็สามารถบอกถึงภาพลักษณ์ของหญิงสาวได้ดี ซูเชี่ยว ที่แปลว่า สรวงสวรรค์อันงดงาม แต่นางกลับไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับร่างนี้และโลกใบนี้ที่นางมาอยู่เลยสักนิด ความทรงจำต่างๆ ในร่างนี้ก็ไม่มีเหลืออยู่เลย นางเข้ามาอยู่ได้อย่างไรเป็นสิ่งที่หญิงสาวพยายามหาคำตอบมาโดยตลอด 7 วันที่ผ่านมา ซูเชี่ยวลุกจากเก้าอี้ไม้หน้ากระจกที่นั่งเมื่อสักครูและเตรียมตัวเพื่อเดินไปทานอาหารเช้า
ที่นี่คือดินแดนที่คนเรียกว่าดินแดน 5 มหาธาตุ ซึ่งประกอบไปด้วย 5 สำนักได้แก่ 1.สำนักวารีหยก พลังภายในคือน้ำ 2.สำนักเพลิงอัคคี พลังภายในคือไฟ 3.สำนักวายุทลายสวรรค์ พลังภายในคือลม 4.สำนักพฤกษชาติ พลังภายในคือไม้ 5.สำนักกาลพิภพพลังภายในคือดิน และทั้ง5 สำนักถูกปกครองโดยกษัตริย์แผ่นดิน
สำนักที่นางกำลังอาศัยอยู่เรียกว่าสำนักวารีหยก ในดินแดนแห่งนี้ผู้คนที่นี่มีพลังภายในเป็นของตัวเอง ซึ่งจะถูกปลุกขึ้นเมื่อมีอายุ 7 ขวบขึ้นไป พลังภายในเกิดจากการส่งต่อจากพ่อและแม่ที่มีพลังอยู่ก่อน หากพลังของพ่อและแม่คนใดคนหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าก็มีโอกาสกว่า 80%ที่จะส่งต่อพลังนั้นมาที่ลูก หลังจากถูกปลุกขึ้นแล้วทางครอบครัวก็มักจะส่งลูกหลานไปที่สำนักต่างๆ เพื่อร่ำเรียนในทางที่ตัวเองถนัด แต่ก็มีแค่ 60%ในแผ่นดินนี้ที่เกิดขึ้นเพียงเท่านั้น ที่ทุกคนสามารถมีพลังภายในได้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีพลังในการปลุกพลังภายในตอนอายุ7 ขวบ คนที่สามารถฝึกต่อไปได้ต้องมีพลังระดับปานกลางขึ้นไปเท่านั้นถึงเรียกว่ามีพลังภายใน ที่เหมาะสำหรับฝึกฝนขั้นต่อไป พลังแบ่งออกเป็น ไม่มีพลัง พลังระดับต่ำ พลังระดับปานกลาง พลังระดับสูง และพลังระดับสูงสุด
ซูเชี่ยว เดินมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารรวมของสำนัก โดยคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ราวๆ 170คน มีศิษย์ร่วมสำนักประมาณ 80 คน คนอื่นๆ นอกจากเจ้าสำนักและอาจารย์ที่ช่วยสอนแล้วก็มี บ่าวรับใช้ที่คอยดูแลเรื่องต่างๆ แบ่งออกตามหน้าที่ของตัวเอง ห้องอาหารเป็นห้องโถงกว้างใหญ่ดูหรูหรางดงาม ด้านหน้าสุด และบนสุดเป็นเจ้าสำนักที่นั่งอยู่ไล่ลงมาตามลำดับอำนาจต่างๆ ในที่นี่จัดเรียงเป็นชั้นปี เมื่อศึกษาครบ 5 ปี ก็สามารถจบการศึกษาได้ ชูเชี่ยวอยู่ปีที่ 4 แล้วถึงทำให้หญิงสาวได้นั่งใกล้ด้านหน้า ทันทีที่นางเดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงดังออกมา
“ยังกล้ามาอีกเหรอ หากเป็นข้าเรื่องน่าอายขนาดนั้น ป่านนี้ข้าไม่มีหน้าอยู่ต่อแล้วล่ะ หนีกลับบ้านไปแล้ว”
เสียงเเหลมเล็กแต่ไม่ดังมาจากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง
“นั่นน่ะสิ นั้นสิ ใช่ ใช่”
เสียงสนับสนุนดังออกมาจากคนแล้วคนเล่าช่วยเสริมว่าสิ่งที่หญิงสาวคนนั้นพูดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เสียงฝีเท้าดังออกมาจากด้านหน้าห้องโถง ทำให้เสียงทุกเสียงพลันเงียบลง และทุกคนถอยกลับประจำที่ของตัวเอง ที่นี่ทุกคนจะทานอาหารพร้อมกันทุกเช้า แต่ช่วงเที่ยงและเย็นสามารถเลือกทานได้เอง
“คารวะเจ้าสำนัก”
เสียงของทุกคนกล่าวขึ้นมาพร้อมกัน และทำท่าโดยเอามือประสานกันยกขึ้นด้านหน้าพร้อมโค้งคำนับ
“ทุกคนเริ่มทานได้” เสียงทุ้มเรียบดังออกมาอย่างหนักแน่น
“ขอบคุณเจ้าสำนัก”
ทุกคนกล่าวขอบคุณและนั่งทานอาหาร โดยไม่มีใครพูดคุย
ซูเชี่ยวนั่งทานอย่างไม่สนใจบรรยากาศโดยรอบ เรื่องน่าอายที่ทุกคนพูดเมื่อสักครู่ เป็นเรื่องที่เจ้าของร่างเดิมก่อไว้เมื่อ7วันก่อน ก่อนที่นางจะมาอยู่ร่างนี้ ซูเชี่ยวคนก่อนชอบลี่หยางเจ้าสำนักวารีหยกแห่งนี้ นางตามรังควานผู้หญิงและศิษย์หญิงทุกคนที่พยามเข้าใกล้หรืออยู่ข้างกายเจ้าสำนักลี่หยาง
ด้วยความที่นางเป็นลูกสาวของท่านแม่ทัพ ซึ่งทำให้ทุกคนต้องเกรงใจนาง แถมนางยังมีพี่ชายที่เป็นเพื่อนสนิทกับลี่หยางทั้งที่นางมีพลังภายในอยู่ในระดับที่ต่ำ แต่กลับสามารถเข้ามาเรียนในที่แห่งนี้ได้ ก็เพราะงานเลี้ยงราชสำนักที่นางได้พบกับลี่หยางทำให้หญิงสาวปักใจรัก ถึงขนาดขอบิดามาเรียนที่นี่ให้ได้ด้วยความที่บิดาของหญิงสาวมีอำนาจจึงทำให้เข้ามาเรียนได้ และนั้นก็ยิ่งทำให้นางได้ใจใหญ่ครั้งล่าสุดพอนางรู้ว่าแม่นางฮุ่ยซิ่ว บุตรสาวของเจ้าสำนักพฤกษชาติเข้ามาพบลี่หยางด้วยเรื่องยาสมุนไพร ที่ให้นำมามอบให้เพราะสำนักพฤกษชาติเชี่ยวชาญด้านการรักษาและยาสมุนไพรต่างๆ แต่ซูเชี่ยวกลับคิดว่านางพยายามมาอ่อยลี่หยางชายในดวงใจของตน จึงวางแผนเพื่อทำให้แม่นางฮุ่ยซิ่วผลัดตกน้ำ
โดยการแสร้งทำเป็นว่าเดินหกล้มเข้าไปชน ทำให้แม่นางฮุ่ยซิ่วตกน้ำก่อนที่จะได้เข้าไปพบเจ้าสำนักวารีหยก ซึ่งบริเวณที่นางเลือกและได้วางแผนคือสะพานข้ามสระบัวลึกเป็นทางที่จะเดินข้ามไปจวนเจ้าสำนัก และหญิงสาวได้ใช้น้ำมันที่นางหาได้ใกล้ตัวแอบเทไว้อยู่แล้ว แต่ใครจะคิดว่าอุบัติเหตุที่นางตั้งใจเตรียมไว้อย่างรอบคอบ ในจังหวะที่แม่นางฮุ่ยซิ่วจะตกและหงายหลัง มือไปกลับเกี่ยวกับสร้อยคอที่หญิงสาวสวมใส่ ทำให้นางพลัดตกไปด้วยอีกคน แม่นางฮุ่ยซิ่วว่ายน้ำเป็นจึงทำให้รอดมาได้และไม่เป็นอะไรมาก แต่แม่นางซูเชี่ยวในร่างเก่ากลับว่ายน้ำไม่เป็น ทั้งที่เป็นศิษย์ของสำนักวารีหยก ที่มีพลังภายในคือน้ำ
แต่เหตุผลนี้ทุกคนรวมถึงนางรู้ดีเพราะนางมีพลังภายในระดับต่ำมาก จนไม่สามารถที่จะฝึกฝนในการใช้พลังได้เลย ทำให้ซูเชี่ยวในร่างเก่าสลบไปถึง 3 วันเต็มๆ และด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้ลี่จูเข้ามาอยู่ในร่างนี้ ผ่านไปประมาณ 4 เค่อทุกคนก็ทานอาหารจนเสร็จและเริ่มที่จะทยอยลุกออกไป
“ทุกคนที่ทานอาหารเสร็จแล้วให้แยกย้ายไปฝึกและเรียนตามปกติ ส่วนซูเชี่ยวไปพบข้าที่ห้องผดุงคุณธรรม”
เสียงเข้มกล่าวออกมา และมองมาทางซูเชี่ยว เป็นเสียงของรองเจ้าสำนักเฟยซิ่น หนุ่มวัยกลางคนอายุ 38 ปี หน้าตาดูสุขุมนิสัยเจ้าระเบียบและใจดีมีเมตตา ทำหน้าที่เป็นทั้งมือขวาหรือผู้ช่วยคนสนิทลี่หยางและเป็นรองเจ้าสำนัก
“เจ้าค่ะท่านรองเจ้าสำนัก”
ซูเชี่ยวตอบออกไปเสียงเรียบและย่อกายเล็กน้อย จากนั้นเดินไปรอที่ห้องผดุงคุณธรรม
