ตอนที่ 6 เจ้าเข้าไปขอกับเจ้าสำนักเองเถิด
วันรุ่งขึ้น
ณ ตำหนักหยกขาว
“เจ้าสำนักคิดว่าเป็นฝีมือของสำนักเพลิงอัคคี อย่างที่คนร้ายบอกหรือไม่” เฟยซิ่นถามออกมาเมื่อพวกเขาอยู่กันแค่ 2 คนในตำหนัก
“เจ้าคิดว่าอย่างไร” เสียงเข้มถามออกมา พลางรินน้ำชาให้ตัวเองและเฟยซิ่น
“ข้าคิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะสำนักเพลิงอัคคีเราไม่เคยแว้งกัดพวกเดียวกันเอง" เฟยซิ่นกล่าวอย่างใช้ความคิด เจ้าสำนักเพลิงอัคคีมีนามว่าเย่วซือเป็นสหายสนิทของลี่หยาง พวกเขาสนิทสนมกันมาก เติบโตมาด้วยกันและมีอาจารย์คนเดียวกันไม่มีทางที่จะส่งคนเข้ามาเเน่นอน
“ใกล้จะถึงการคัดเลือกผู้นำทั้ง 5 สำนักแล้ว คงมีสำนักใดที่หมายปองแล้วพยายามเข้ามาก่อความวุ่นวายและโยนความผิดในสำนักเพลิงอัคคี”
ลี่หยางกล่าวออกมาและยกชาขึ้นดื่มอย่างสุขุม การคัดเลือกผู้นำเจ้าสำนักจะจัดขึ้นทุกๆ 5 ปี โดยการให้ศิษย์ของในแต่ละสำนักประลองฝีมือกัน หากศิษย์สำนักใครชนะเจ้าสำนักนั้นจะได้เป็นผู้นำสำนักทั้ง 5 และที่ให้ศิษย์ประลองกันเเทนที่จะเป็นการประลองของเจ้าสำนักเองเพราะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งส่วนตัวของเจ้าสำนักซึ่งอาจส่งผลต่อไปในอนาคต จึงให้ศิษย์ในสำนักส่งตัวแทนเข้าประลองแทน เเละเพื่อวัดการอบรมสั่งสอนให้แก่ศิษย์ด้วยว่าสำนักไหนมีศักยภาพมากกว่า
“จริงด้วยขอรับ คนร้ายที่ทางเราจับได้ไม่ยอมกัดยาพิษฆ่าตัวตายตั้งแต่แรก เพราะต้องการให้เราจับเขามาสอบสวนเพื่อที่จะได้โยนความผิดให้สำนักเพลิงอัคคีนี่เอง” เฟยซิ่นพูดออกมาอย่างที่คิดได้ และพูดต่อว่า
“ให้ทางเราส่งจดหมายไปบอกเรื่องนี้ที่สำนักเพลิงอัคคีหรือไม่ขอรับ”
“ไม่ต้อง วันนี้ข้าจะไปพบเขาเองฝากเจ้าจัดหาศิษย์ที่มีฝีมือเพื่อเตรียมพร้อมที่จะเข้าร่วมการคัดเลือกผู้นำเจ้าสำนักด้วย เรื่องนี้สำคัญมากฝากเจ้าตรวจตราอย่างดี” ลี่หยางพูดพลางยกชาดื่มอีกรอบ
“ขอรับ” เฟยซิ่นตอบรับและเดินออกไป
ทางด้านซูเชี่ยววันนี้นางตั้งใจมาขอป้ายในการออกไปข้างนอก นางถามจางหมิงผู้ช่วยของเฟยซิ่นรองเจ้าสำนักแล้ว แต่พบว่าเฟยซิ่นกำลังคุยธุระกับลี่หยางอยู่ที่ตำหนักหยกขาว จึงตั้งใจมารอเขาที่นี่เพราะใกล้ถึงเวลาที่นัดกับเจียอี่แล้ว นางรอประมาณ 1 เค่อ ก็เห็นเฟยซิ่นเดินออกมา
“คารวะรองเจ้าสำนัก” ขณะที่เฟยซิ่นเห็นหญิงสาวและยิ้มให้ นางจึงทำท่าคารวะและพูดออกไป
“อ่าว ซูเชี่ยวมาหาท่านเจ้าสำนักหรือ” เฟยซิ่นถามออกไปเพราะก่อนเกิดเรื่องหญิงสาวมักจะมาตามติดลี่หยางเป็นประจำ และครั้งนี้เฟยซิ่นก็คิดเช่นนั้น
“เปล่าเจ้าค่ะ ข้ามารอพบท่าน” ซูเชี่ยวตอบออกไปเสียงเรียบ
“รอพบข้าด้วยเรื่องอันใด” เฟยซิ่นถามด้วยความสงสัย เพราะผิดจากการคาดเดาของเขาที่คิดว่าซูเชี่ยวจะมาหาลี่หยางซะอีก
“ข้ามาขอป้ายออกนอกสำนักเจ้าค่ะ” หญิงสาวบอกจุดหมายที่นางมารอเขาออกไป
“เจ้าเข้าไปขอกับเจ้าสำนักได้เลย วันนี้ข้ามีธุระด่วน” เฟยซิ่นพูดแล้วยิ้มให้หญิงสาว จากนั้นเดินผ่านหน้านางออกไปโดยที่ไม่ได้ดูสีหน้าหญิงสาวสักนิด
ทางด้านลี่หยาง ที่นั่งอยู่ด้านในได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเขาที่มีพลังขั้นสูงสุดแล้ว เสียงในบริเวณนี้ไม่มีทางรอดพ้นการได้ยินของเขาได้ เขาเห็นหญิงสาวที่ทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าตำหนักมาครึ่งเค่อแล้วไม่เข้ามาสักที ก็รู้สึกหงุดหงิดนี่ไม่ใช่นิสัยของนางเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงรีบเข้ามายิ้มหน้าบานแล้ว
“ใครอยู่ข้างนอกน่ะ เข้ามา” เขาพูดออกไปเพราะเห็นว่าหญิงสาวไม่เข้ามาสักที ซูเชี่ยวเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจและเดินเข้าไป โดยไม่เงยหน้ามองข้างหน้าแต่กลับก้มมองที่เท้าแทน
“คารวะเจ้าสำนัก” ซูเชี่ยวพูดขณะที่โค้งคารวะ
“เจ้ามาที่นี่มีเรื่องอะไร” ลี่หยางพูดขึ้นพลางปิดหนังสือที่อ่าน และเงยหน้ามองซูเชี่ยวที่เอาแต่ก้มหน้ามองเท้าตัวเอง แต่ก่อนนางจะต้องเงยหน้ายิ้มและส่งสายตาให้เขาแล้วสิ
“ข้ามาขอป้ายออกนอกสำนักเจ้าค่ะ” หญิงสาวพูดจุดมุ่งหมายที่นางมาที่นี่ออกไป
ลี่หยางเงียบไปสักพักเพราะเขานึกได้ว่าได้ยึดป้ายเข้าออกของซูเชี่ยวกลับมาตอนที่นางทำผิด และได้ไล่บ่าวรับใช้ที่ติดตามนางมากลับไปจนหมด เขาลุกจากโต๊ะหนังสือที่นั่งอยู่ จากนั้นเดินไปเปิดลิ้นชักหาอยู่สักครู่ก็นำออกมา เขาเดินไปหยุดที่หน้านางและยืนหน้าหน้าหญิงสาว ซูเชี่ยวที่เอาแต่ก้มมองเท้าได้กลิ่นหอมสะอาดจางๆ ใกล้เข้ามาและหยุดที่ตรงหน้าตนพร้อมกับป้ายที่ยื่นมาให้
“ขอบคุณเจ้าสำนัก” หญิงสาวพูดออกมาโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง และยื่นมือ 2 ข้างออกไปรับ เมื่อมือจับที่ป้ายนางใช้แรงดึงแต่กลับดึงไม่ออก
“จะออกไปไหน” เสียงทุ้มกล่าวออกมาเสียงเรียบ ทำให้หญิงสาวชักมือกลับมา
“ข้าจะออกไปตลาดข้างนอกกับเจียอี่เจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบออกไปเสียงเบาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“คุยกับข้าใยต้องเอาแต่ก้มหน้า เงยหน้าขึ้น” เขาขึ้นเสียงเล็กน้อยเป็นการสั่ง ซูเชี่ยวสะดุ้งจากนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ทันทีที่สบตากับลี่หยางนางและเขาทั้งคู่ชะงักไปชั่วขณะ ทำให้หญิงสาวหัวใจเต้นรัววันนั้นที่มองไกลๆ ว่าเขาหล่อแล้วนะ พอมองใกล้ๆ แล้วนางจะเป็นลมเพราะหน้าตาหล่อเหลาของเขา แต่ถึงอย่างไรก็ยังรู้สึกหวาดกลัวเขาอยู่จากนั้นทำทีแสร้งมองไปทางอื่น ส่วนลี่หยางมองลึกเข้าไปในตาของนางแต่กลับไม่พบสายที่เหมือนแต่ก่อนที่เอาแต่หลงใหลเขา พบแค่สายตาตกตะลึงและมีความหวาดกลัว นี่นางกลัวเขาอย่างนั้นหรือ เขาส่งเสียงไอออกมา 1 ครั้งและพูดขึ้นว่า
“ระวังตัวด้วย” เขายื่นป้ายให้นางและกลับเข้ามานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือเหมือนตอนแรก
“ขอบคุณเจ้าสำนัก” ซูเชี่ยวรับป้ายมาและกล่าวขอบคุณเจ้าสำนักจากนั้นรีบเดินออกมา หลังซูเชี่ยวออกมาแล้วลี่หยางจับไปที่หน้าอกตัวเองที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ พลางคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ตอนที่สบสายตานางเมื่อสักครู่
