ตอนที่ 5 ลุงเป็นคนขายจี้หยกนี้ให้ข้า
ณ ตำหนักเมี่ยนเปา
ซูเชี่ยวกำลังทานอาหารเย็นอยู่กับเจียอี่ ก็ได้ยินเสียงศิษย์หญิงดังมาจากโต๊ะข้างๆ
“เมื่อกี้พวกเจ้าเห็นหรือไม่ นางพยายามส่งสายตามองเจ้าสำนัก แต่กลับโดนเจ้าสำนักเมิน พลังก็ไม่มีไม่รู้จักเจียมตัวว่าตัวเองเป็นแค่คนธรรมดา”
เสียงหนึ่งดังเข้ามานั้นคือเสียงของแม่นางเหอซิว
“ข้าว่านางเปลี่ยนไปแล้วนะ”
ศิษย์ชายที่นั่งกับพวกแม่นางเหอซิวอีกคนพูดขึ้น
“เหอะ! เปลี่ยนไปอะไรล่ะ คงเป็นแผนการ มารยาของนางอีกสิไม่ว่า”
เหอซิวตั้งใจพูดเสียงดังให้นางได้ยิน เจียอี่ที่นั่งทานข้าวข้างๆ นางกำลังจะลุกขึ้นและทำท่าจะด่ากลับไป แต่โดนซูเชี่ยวห้ามไว้
“อย่าไปยุ่งกับพวกนางเลย”
ซูเชี่ยวกล่าวกับเจียอี่ และลุกเพราะทานข้าวเสร็จแล้วจากนั้นตั้งใจพูดดังๆ
“เจียอี่หมากัดอย่ากัดตอบ เราไม่ใช่หมา"
ไหนๆ ในร่างก่อนนางก็เป็นนางร้ายในสายตาทุกคนพูดแค่นี้คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง จากนั้นเดินออกมาโดยที่ไม่ได้หันไปใส่ใจอีก
“พรุ่งนี้ข้าจะออกจากสำนักไปทำธุระข้างนอก”
ระหว่างทางที่เดินกลับเจียอี่พูดขึ้น
“ออกไปข้างนอกงั้นเหรอ”
ซูเชี่ยวถามออกมาด้วยสายตาลุกวาว ตั้งแต่นางเข้ามาอยู่ที่นี่ยังไม่ได้ออกไปไหนเลย อยู่แต่ในบริเวณสำนักแห่งนี้
“ใช่ เจ้าจะไปกับข้าด้วยหรือไม่ ข้าจะไปทำธุระเดี๋ยวเดียว เจ้าก็เดินที่ตลาดรอข้าก็ได้”
เจียอี่กล่าวออกมาเมื่อเห็นสายตาของฝ่ายตรงข้าม
“ข้าออกไปได้ด้วยหรือ แล้วข้าต้องทำยังไง”
“เจ้าต้องมีป้ายอนุญาตในการผ่านประตูหน้าสำนักถึงออกไปได้ ศิษย์ในสำนักจะมีทุกคน”
เจียอี่เอาออกมาให้ซูเชี่ยวดูตรงหน้า เป็นป้ายเหล็กและมีชื่อเขียนไว้ว่า สำนักวารีหยก เจียอี่ หญิงสาวคิดว่าป้ายนี้นางไม่มีแน่เพราะนางสำรวจห้องที่อยู่มาหมดแล้ว แต่ไม่เคยเห็นป้ายนี้เลย
“แล้วถ้าข้าไม่มีล่ะ”
ซูเชี่ยวกล่าวออกไปด้วยสีหน้าดูเศร้าสร้อย
“เจ้าไปรับกับท่านรองเจ้าสำนักหรือท่านเจ้าสำนักได้” เจียอี่กล่าวออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของซูเชี่ยว เพราะดูแล้วแต่ก่อนหญิงสาวมีคนคอยดูแล แต่ตอนนี้ไม่มีเป็นไปได้ว่าหญิงสาวคงไม่รู้
“หากพรุ่งนี้เจ้าไปขอป้ายได้แล้วไปหาข้าที่ห้องแล้วกัน เราจะออกไปยามซื่อกัน ข้าต้องขอตัวก่อนข้าจะเอาหนังสือไปคืนที่ตำหนักใฝ่คุณธรรม”
เจียอี่กล่าวเสร็จและเดินออกไป ทิ้งให้ซูเชี่ยวเดินกลับไปคนเดียว นางกำลังคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องไปเจอเจ้าสำนักลี่หยางที่เป็นสิ่งที่นางหลีกเลี่ยงมาตลอด เพราะไม่อยากมีปัญหาก็ถอนหายใจ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องไปเจอรองเจ้าสำนักเฟยซิ่นให้ได้ก่อนหากไม่ได้จริงๆ
ค่อยไปเจอเขา ขณะที่หญิงสาวกำลังคิด ทำให้ไม่ทันระวังไปชนเขากับใครคนหนึ่ง
“ขออภัยเจ้าค่ะ” ซูเชี่ยวกล่าวออกมาอย่างรู้สึกผิด และเงยหน้ามองคนที่นางเดินชน
“ลุง!! ลุงก็ข้ามมาในโลกนี้เหมือนกันเหรอ” ทันทีที่นางเห็นชายตรงหน้าก็จำได้ทันทีว่าคือลุงคนที่แถมจี้หยกให้ตอนที่ซื้อแจกัน และเป็นคนเดียวกับเมื่อ 1 เดือนที่แล้วที่นางถามทางไปตำหนัก ผดุงคุณธรรม ไม่น่าล่ะว่าทำไมนางถึงได้คุ้นหน้าเขามากในตอนนั้น หญิงสาวพยายามตามหาและถามคนอื่นแต่ก็ไม่มีคนเคยเห็นหรือเคยพบ
“อะไรแม่นางหนู ลุงเลิงอะไร ข้าไม่ใช่” ชายตรงหน้ากล่าวออกมาอย่างรำคาญ พร้อมหันหน้าหนีเดินออกไป
“ก็ลุงเป็นคนขายจี้หยกนี้ให้ข้ายังไงล่ะ” ซูเชี่ยวพยายามอธิบายและนำจี้หยกที่ห้อยไว้ที่เอวเอามาให้ดู
“ข้าไม่รู้จัก" ชายตรงหน้าพูดออกมา และเดินหนี
“เดี๋ยวสิลุง ลุง~”
ซูเชี่ยวรีบเดินตามและพยายามเรียก แต่เมื่อชายคนนั้นเดินเข้าไปในประตูอีกทางนางที่เดินตามหลังมาแต่กลับหาไม่เจอแล้ว
“หายไปไหนเร็วขนาดนี้” ซูเชี่ยวบ่นกับตัวเอง พยายามมองหาแต่ไม่เจอ จึงได้ท้อใจและเดินกลับห้องของตัวเอง หลังหญิงสาวจากไปชายคนนั้นโผล่มาจากพุ่มไม้พร้อมถอนหายใจแล้วเดินจากไป
