บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 หมาหวงก้าง

เมื่อธันวาและชานนท์มาถึงคอนโด ทั้งสองก็เปิดประตูเข้าไปเลย ธันวายังคิดว่าห้องต้องสกปรกหรือไม่สะอาดเรียบร้อยเหมือนที่คิดเอาไว้แน่

“พี่ ไหนพี่บอกว่าพี่สะใภ้ต้องทำให้บ้านสกปรกและไม่เรียบร้อยไง นี่มันไม่เห็นมีฝุ่นเกาะเลยแม้แต่เม็ดเดียวเลยนะครับ” ชานนท์ถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“ฉันก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน เมื่อเช้าก่อนที่ฉันจะออกจากห้อง ห้องนั่งเล่นยังสกปรกและมีเศษขนมของเธอตกพื้นเต็มไปหมดอยู่เลย” ธันวาประหลาดใจมาก

“กลับมาแล้วเหรอ?” เสียงอาโปเอ่ยถาม จนธันวาและชานนท์ต้องหันไปตามเสียง

ธันวาเห็นอาโปเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมใส่ผ้ากันเปื้อน

“เธอทำความสะอาดห้องทั้งหมดนี้เองเหรอ?” เขาถามอย่างสงสัย

“ใช่ ก็นายเป็นคนสั่งให้ฉันทำเองไม่ใช่เหรอ?” เธอขมวดคิ้วถาม

“สุดยอดเลยครับ พี่สะใภ้ทำความสะอาดบ้านได้อย่างมืออาชีพมากเลยครับ” ชานนท์เอ่ย

“นายคือ…...”

“ผมชื่อชานนท์ครับ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่ธันวาครับ เรียกผมว่านนท์ก็ได้” ชานนท์แนะนำตัว

อาโปยิ้มรับ “ไม่ต้องเรียกฉันว่าพี่ก็ได้ค่ะ เรียกอาโปเฉยๆ ก็ได้ ฉันอาจจะอายุน้อยกว่าคุณก็ได้”

“พี่สะใภ้อายุเท่าไหร่ล่ะครับ”

“21 ค่ะ”

“ผมก็ 21 เหมือนกัน ผมเกิดเดือนธันวาคม”

“ฉันเกิดเดือนสิงหาคม”

“ก็รุ่นเดียวกัน แต่เธอก็ยังเกิดก่อนฉันอยู่ดี เรียกพี่สะใภ้ก็ไม่ผิดหรอก” ชานนท์ยิ้มอย่างเป็นมิตร เปลี่ยนคำเรียกอาโปจากคุณเป็นเธออย่างสนิทสนม

“จะคุยกันอีกนานไหม? จะกินไหมข้าวน่ะ” ธันวาเอ่ยอย่างรำคาญ

“ผมก็แค่ทำความรู้จักกับพี่สะใภ้คนสวยของผมเท่านั้นเอง ไม่ได้คุยกันนานสักหน่อย”

“พรุ่งนี้ไปตรวจวัดสายตาใหม่ด้วยล่ะ” ธันวาบอกด้วยสีหน้าขุ่นมัว รู้สึกขัดใจ

“วัดสายตา? วัดสายตาทำไม? สายตาของผมก็ปกติดี ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย”

“สายตาของแกต้องมีปัญหาแน่นอน ไม่งั้นคงไม่มองว่าผู้หญิงคนนี้สวยหรอก”

อาโปมองธันวาอย่างไม่พอใจ “นายนั่นแหละที่ต้องไปตรวจวัดสายตา”

“หรือไม่จริง ผู้หญิงอย่างเธอทั้งเตี้ยทั้งแบนแบบนี้ มองหาความสวยไม่ได้เลย ปากก็เล็ก จมูกก็สั้น ตาก็แทบมองไม่เห็นอยู่แล้ว”

“นี่! นาย..ไอ้ผู้ชายปากปีจอ” อาโปโมโหจนแทบพูดไม่ออก “ผู้หญิงตัวเล็กอย่างฉันเขาเรียกว่าคนสวยสไตล์อาหมวยย่ะ ปากนิดจมูกหน่อย ตาตี๋ๆ สเปกผู้ชายด้วยซ้ำ มีแต่นายนั่นแหละที่ตาไม่ถึง” เธอเท้าเอวต่อว่าเขาอย่างโมโห

“ใช่ครับ ถึงแม้พี่จะว่าผมสายตาไม่ดีก็ช่างเถอะ แต่สำหรับผมแล้วพี่สะใภ้คนนี้ทั้งสวยและน่ารักมากครับ” ชานนท์เอ่ยด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ

อาโปหน้าแดงเพราะเขินอายจากคำชม ก่อนจะหันไปต่อว่าธันวาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

“ก็มีแต่นายนั่นแหละที่ตาไม่มีแวว ผู้ชายคนอื่นก็ชมว่าฉันตัวเล็กน่ารักกันทั้งนั้น”

ธันวาถอนหายใจ “หึ สวยกับผีน่ะสิ ตาบอดกันทั้งนั้น” เขาบ่นพึมพำ

อาโปอ้าปากค้างจ้องหน้าธันวา เธออยากจะเถียงเขาให้ถึงที่สุดจริงๆ แต่ก็กลัวว่าเขาจะเอาเรื่องหย่ามาขู่อีก เลยปล่อยไปก่อน ใครใช้ให้เธอยอมเป็นเบี้ยล่างเขาล่ะ

“ไปทานอาหารกันเถอะค่ะ ฉันทำอาหารไว้เยอะมากเลย” อาโปเอ่ยด้วยการมองหน้าชานนท์แค่คนเดียว

ชานนท์พยักหน้าอย่างเร็ว

“ฉันก็อยากชิมฝีมือของพี่สะใภ้เหมือนกัน หิวมากเลยตอนนี้” เขาลูบท้อง

ธันวาขมวดคิ้ว “เธอบอกว่าทำอาหารไม่เป็นไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่! แต่ฉันจะฝึกทำไม่ได้หรือไง? แค่ดูวิธีทำในยูทูบนิดหน่อยก็ทำได้แล้ว ไม่เห็นจะยาก” เธอเอ่ยอย่างมั่นใจ

‘ถึงแม้อาหารมื้อนี้พี่น้ำมนต์จะเป็นคนทำ แต่นายก็ไม่ได้เห็นนิ ฉันจะอ้างว่าฉันเป็นคนทำแล้วนายจะเอาอะไรมาเถียง ฉันไม่ยอมให้นายกลับมาแล้วว่าฉันทำอะไรไม่เป็นเด็ดขาด’ เธอคิดในใจ

“อย่าเถียงกันเลยครับ ไปกินอาหารกันเถอะ ผมหิวจะแย่แล้ว” ชานนท์เอ่ยพร้อมลากแขนทั้งสองคนไปที่โต๊ะอาหาร

ธันวารู้สึกหงุดหงิดที่เห็นอาโปกับชานนท์ดูเข้ากันได้เร็วขนาดนี้

“โห! อาหารเต็มโต๊ะเลย หน้าตาน่ากินทั้งนั้นเลยครับพี่สะใภ้” ชานนท์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ก็ลองทำดูหลายๆ เมนู ไม่รู้ว่าพี่ชายนายจะชอบแบบไหน” อาโปเขินเล็กน้อยที่ถูกชานนท์ชมไม่หยุด

“ถ้าได้มากินอาหารที่นี่ทุกวันก็คงจะดี เพราะฉันเป็นคนชอบกินและชอบลองชิมอาหารมากด้วย”

“เหมือนว่าเราจะเข้ากันได้นะ ฉันเป็นคนทำ นายเป็นคนชอบกิน”

“และเหมือนว่าเราจะเข้ากันได้ด้วยนะ เธอสวย และฉันก็หล่อ” ชานนท์พูดหยอกล้อสไตล์นิสัยผู้ชายเจ้าชู้ที่เป็นอยู่

ธันวาเริ่มทนไม่ไหว เขากระอักกระอ่วนใจมากที่เห็นทั้งสองคนพูดหยอกล้อกันไปมา

‘ฉันหล่อกว่าไอ้นนท์ตั้งเยอะ’ เขาบ่นในใจ

ธันวาเดินแทรกทั้งสองคนแล้วนั่งลง “จะกินข้าวหรือจะคุยเล่นกัน!”

ชานนท์และอาโปหัวเราะให้กันก่อนจะนั่งลง ธันวาก็นั่งทำหน้าบูดบึ้งเมื่อเห็นอาโปยิ้มอย่างอ่อนหวานให้ชานนท์ แต่ไม่เคยยิ้มแบบนี้ให้เขาเลย

“นายลองทานเนื้อนี่ดูสิ ตุ๋นนานมากเลยนะ” อาโปตักกระดูกเนื้อเล้งให้ชานนท์

ธันวามองอย่างไม่พอใจ เขาเป็นเจ้าบ้านและเป็นสามีของเธอนะ เธอควรตักให้เขาและเอาใจใส่เขามากกว่าคนอื่นไม่ใช่เหรอ?

“นี่! เธอไม่ตักให้ฉันชิมก่อนล่ะ” เขามองเธออย่างไม่พอใจ

“มือก็มี ไม่ตักกินเองล่ะ” อาโปว่า

“หึม….” เขาใช้สายตาข่มขู่ “ลืมข้อตกลงไปแล้วเหรอ?”

มือของอาโปที่ตักเนื้อเล้งกำลังจะเอาไปใส่จานให้ชานนท์ถึงกับค้างกลางอากาศ สุดท้ายก็เปลี่ยนไปวางที่จานเขาแทน

‘ไอ้สารเลว ไอ้คนเฮงซวย ทำไมฉันถึงต้องมาเจอกับผู้ชายแบบนายด้วยนะ คอยดูเถอะ หากครบสามเดือนเมื่อไหร่ฉันจะเอาคืนนายแน่’ เธอกัดฟันบ่นในใจ

ธันวายิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ

ชานนท์หัวเราะ “ทั้งสองคนเหมือนงูกับพังพอนเลย ระวังตกหลุมรักกันขึ้นมาล่ะ”

“ไม่มีทาง!” ธันวาและอาโปพูดพร้อมกัน

“แฮ่ๆ เขาแค่พูดหยอกเล่นเอง” ชานนท์ทำหน้าติงต๊อง

ระหว่างทานอาหาร ไม่ว่าธันวาต้องการอะไรหรือให้เธอตักอะไรให้ เธอก็จะยอมทำตามทุกอย่าง

“จะให้ฉันป้อนใส่ปากนายเลยดีมั้ย” อาโปเริ่มทนไม่ไหวที่เขาทำแบบนี้

หากเธอจะตักอาหารอะไรให้ชานนท์หรือแนะนำอาหารอะไร เขาก็จะขัดขวางแล้วให้เธอตักให้เขาทุกครั้ง

ชานนท์อดหัวเราะไม่ได้ “รู้ไหมว่าพี่กำลังทำตัวเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจเลยนะ”

“หากแกยังพูดอีก ฉันจะไล่แกออกไปเดี่ยวนี้แหละ!” ธันวาใช้น้ำเสียงเข้ม

ชานนท์รีบหุบปากแล้วตั้งใจกินอาหารต่อทันที ตอนนี้เขาหิวมากและอาหารบนโต๊ะก็อร่อยทุกอย่างเลย

เมื่อทานอาหารเสร็จธันวาก็รีบไล่ชานนท์ให้กลับบ้านทันที

“อาหารที่พี่สะใภ้ทำอร่อยมาก พรุ่งนี้ขอมาฝากท้องอีกนะ”

อาโปพยักหน้า “ด-”

“ไม่ได้!” ธันวารีบพูด ทั้งๆ ที่อาโปยังไม่ทันจะได้เอ่ย

“ทำไมล่ะครับ” ชานนท์ถามอย่างน้อยใจ

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ จะให้บ้านฉันเลี้ยงอาหารนายทุกวันหรือไง” ธันวาตอบแบบลวกๆ

ชานนท์ทำได้แค่ยอมแพ้ เขาไม่เคยเถียงธันวาชนะเลยสักครั้ง อีกอย่างสถานการณ์ของคู่สามีภรรยาตอนนี้ก็ดูจะไม่ปลอดภัยกับเขาสักเท่าไหร่ด้วย รีบกลับบ้านไปก่อนจะดีกว่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel