บทที่ 8 ผู้หญิงไม่สมประกอบ
หลังจากทำงานบ้านเสร็จหมดแล้วอาโปก็เปิดตู้เย็นเอาน้ำมาดื่มอย่างกระหาย กว่าจะทำงานเสร็จก็ปาไปเกือบบ่ายโมงแล้ว เล่นเอาเธอทั้งเหนื่อยทั้งหิวจนท้องร้อง
อาโปตั้งใจจะไปนั่งพักที่โซฟาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นน้ำมนต์นอนหลับอยู่ตรงนั้นแล้วยังทิ้งห่อขนมมากมายกองบนโต๊ะ
“พี่น้ำมนต์!” เธอตะโกนเสียงดัง
น้ำมนต์ตกใจเสียงตะโกนของอาโปก็รีบดีดตัวลุกขึ้นมานั่งอย่างสะลึมสะลือ
“เกิดอะไรขึ้น!” น้ำมนต์ถามอย่างงัวเงีย เสียงตะโกนของเธอทำเอาแก้วหูเขาแทบแตก
“รู้ไหมว่าพี่ทำอะไรลงไป?” เธอชี้ไปที่โต๊ะด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ฉันอุตส่าห์ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว แต่พี่กลับทำสกปรกอีกเนี่ยนะ ทำไมพี่กินแล้วไม่เก็บไปทิ้งที่ถังขยะแล้วเอาผ้ามาเช็ดตรงที่ทำเลอะด้วยล่ะ ฉันเหนื่อยแล้วนะ”
น้ำมนต์แอบหัวเราะเบาๆ พึ่งรู้ตัวเหรอว่ากินเสร็จแล้วต้องเอาขยะไปทิ้งด้วยน่ะ ปกติเธอเองก็ทำแบบนี้แล้วให้เขาหรือแม่บ้านมาคอยตามเก็บให้ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้รู้ถึงความเหนื่อยแล้วสินะ
“คร๊าบบบบ ขอโทษคร๊าบบบบ พี่จะเก็บไปทิ้งแล้วเอาผ้ามาเช็ดเดี่ยวนี้เลยคร๊าบบบ” น้ำมนต์ใช้น้ำเสียงหยอกล้อ
“ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าแค่ทำงานบ้านมันจะเหนื่อยและใช้เวลามากขนาดนี้ หากฉันต้องทำงานบ้านแบบนี้ทุกวัน คงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะ” เธอบ่น
“แม่บ้านคนอื่นเขายังไม่บ่นเลย” น้ำมนต์เย้ย
“นี่แค่ทำงานบ้านนะ ไหนจะต้องออกไปซื้อของเพื่อมาทำอาหารอีก แค่ออกไปซื้อของก็กินเวลาไปเป็นชั่วโมงแล้ว ต้องกลับมาทำอาหารไว้รอหมอนั่นอีก” อาโปคิดแล้วก็เหนื่อยใจ
“เดี๋ยวก็ชินกับมันเอง” น้ำมนต์แอบยิ้ม
อาโปหันไปจ้องน้ำมนต์ด้วยแววตาน่าสงสาร “แทนที่พี่จะปกป้องฉันแล้วช่วยเหลือฉันเหมือนทุกครั้ง แต่พี่กลับยอมตกลงทำตามคำสั่งของไอ้หมอนั่นอีก คนทรยศ”
ระหว่างนี้เสียงท้องของอาโปก็ร้องโครกคราก
น้ำมนต์หัวเราะอีกครั้ง “หิวแล้วใช่ไหม?”
อาโปพยักหน้าอย่างอิดโรย “หิวมากเลย” เธอทำตาปริบๆ พร้อมกับใช้น้ำเสียงแผ่วเบา เชื่อว่าท่าทางนี้ของเธอต้องทำให้น้ำมนต์เอ็นดูและเห็นใจเธอแน่
“โอเค เห็นว่าเธอทำงานมาเหนื่อยๆ หรอกนะ มื้อนี้พี่จะทำอาหารให้เอง” สุดท้ายก็ใจอ่อนอยู่ดี
อาโปยิ้มอย่างดีใจ เธอรู้ดีว่าน้ำมนต์ต้องแพ้ให้กับความน่าสงสารของเธอเป็นแน่ การแสดงของเธอยังใช้ได้ผลกับคนคนนี้อยู่เสมอ
น้ำมนต์เข้าห้องครัวและทำอาหารอย่างมืออาชีพ อาโปยืนมองแล้วก็อดทึ่งไม่ได้ ก่อนหน้านี้น้ำมนต์ก็ทำอาหารให้เธอทานอยู่บ่อยๆ แต่เธอไม่เคยเข้ามาดูเขาลงมือทำแบบนี้เลย พอมาเห็นแบบนี้ก็อดปรบมือชื่นชมเขาไม่ได้จริงๆ
“ว๊าว พี่น้ำมนต์ทำอาหารเก่งขนาดนี้เลยเหรอ? ดูชำนาญเหมือนเชฟมืออาชีพที่ฉันเห็นในโทรทัศน์เลย” อาโปชื่นชม “ทำไมพี่ไม่สอนฉันทำอาหารด้วยเลยล่ะ”
น้ำมนต์ขมวดคิ้วอย่างตะลึง “เธออยากเรียนทำอาหารจริงๆ เหรอ?”
อาโปพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เงื่อนไขที่เธอตกลงกับธันวานั้นก็คือต้องทำอาหารให้เขาด้วย เธอก็แค่ยอมเหนื่อยเพียงสามเดือนเท่านั้น หลังจากนั้นก็สามารถใช้ชีวิตอิสระได้อย่างเต็มที่แล้ว
น้ำมนต์อ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ “สามีของเธอนี่สุดยอดจริงๆ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีคนที่ทำให้คุณหนูอาโปต้องยอมสยบและทำตามคำสั่งของคนอื่นได้แบบนี้ หากพ่อของเธอรู้ต้องดีใจมากแน่”
อาโปอายเล็กน้อย “หากเขาไม่เอาเรื่องหย่ามาข่มขู่ฉัน ฉันไม่มีวันยอมทำตามคำสั่งของเขาหรอก ก็แค่สามเดือนเท่านั้นแหละ” เธอทำหน้ามุ่ย
“ฮ่าฮ่าฮ่า” น้ำมนต์อดหัวเราะไม่ได้ “ในที่สุดก็มีคนทำให้คุณหนูอาโปกลัวแล้ว”
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว อาโปก็ขอให้น้ำมนต์พาไปซื้ออาหารมาตุนไว้
ธันวาเครียดจนไม่เป็นอันทำงาน เขานั่งนวดขมับตัวเองแล้วจินตนาการถึงโชคชะตาอันโหดร้ายของตัวเองที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงอย่างอาโป
“พี่ธันวา ผมเอาเอกสารสรุปรายงานยอดค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อวานมาให้ครับ” ชานนท์เอ่ย
“......” ธันวาเงียบ
“พี่ธันวาครับ” ชานนท์เรียกเขาอีกครั้ง
“.....” ธันวายังเงียบเหมือนเดิม เขายังอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่รู้ตัวว่ามีคนเข้ามาในห้องด้วยซ้ำ
ปัง!
“พี่ธันวา! พี่กำลังคิดอะไรอยู่” ชานนท์ตบโต๊ะเพื่อเรียกสติเขา
ธันวาสะดุ้งตกใจ “ไอ้ห่านนท์ เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อนวะ แล้วมึงจะตบโต๊ะเสียงดังทำไม!” เขาตะคอกอย่างหงุดหงิด
“ก็ผมเรียกพี่ตั้งหลายครั้งแต่พี่ก็ไม่ตอบ พี่เป็นอะไร? คิดถึงพี่สะใภ้เหรอ?” ชานนท์แอบหยอกล้อ
“ไอ้ห่านี่ เดียวก็ถีบแม่งเลย คนกำลังหงุดหงิดอยู่” เขาเอ่ยอย่างหัวเสีย
“ทำไมเหรอ? เมื่อคืนพี่สะใภ้ทำให้พี่ไม่พอใจเหรอ?” เขายิ้มมุมปาก
“อย่าเอาเรื่องนี้มาเล่นกับฉันนะไอ้นนท์ ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะผู้หญิงคนนั้นแหละ หงุดหงิดฉิบหายเลย”
ชานนท์อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ระวังนะครับพี่ เกลียดเธอมากๆ ระวังตกหลุมรักเธอล่ะ”
“ไม่มีทาง ผู้หญิงที่เหมือนไม้กระดานไม่สมประกอบแบบนั้นน่ะเหรอ หึ ไม่ใช่สเปกฉันเลยสักนิด” เขาตอบอย่างมั่นใจ
“ผมอยากเห็นพี่สะใภ้จริงๆ ว่าจะเป็นเหมือนที่พี่พูดหรือเปล่า เอาไว้วันหลังฉันต้องหาโอกาสไปหาพี่ที่คอนโดบ้างแล้วล่ะ”
“เธอจะมีอะไรให้แกสนใจ ขนาดฉันอยู่กับเธอไม่ถึงวันก็แทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว ฉันเครียดเรื่องผู้หญิงคนนั้นทั้งวันจนผมของฉันจะหงอกเต็มหัวแล้วมั้ง” ธันวาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งพี่” ชานนท์ไม่อยากจะเชื่อ
จากคำพูดของธันวาที่เอ่ยถึงอาโป มันทำให้ชานนท์คิดไปไกลมาก เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่จนไม่น่ามอง และหุ่นก็เหมือนไม้กระดานสั้นๆ ที่เอามาใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย
“ถ้าแกเจอแล้วจะรู้เอง มันจะกลายเป็นฝันร้ายของแกจนแกไม่อยากเข้าใกล้หรืออยากรู้จักกับเธออีกเลย” ธันวาเตือน
ชานนท์ขมวดคิ้วแล้วเริ่มคิดและจินตนาการถึงอาโปมากขึ้นไปอีก
“ยังไง? แกยังอยากจะไปเจอผู้หญิงคนนั้นอยู่อีกไหม” ธันวาถามเผื่อว่าเขาจะเปลี่ยนใจ
“แน่นอนว่าผมต้องไปให้ได้ ผมอยากรู้ว่าพี่สะใภ้จะเป็นเหมือนที่พี่เล่าไว้หรือเปล่า ผมอยากรู้ว่าเธอจะสวยเหมือนนาราคนที่พี่รักมากหรือไม่”
“แกหยุดเลยนะ! อย่าคิดเอานาราไปเทียบกับผู้หญิงเจ้าเล่ห์แบบนั้นเด็ดขาด เธอเทียบกับนาราไม่ได้เลยแม้แต่น้อย” ธันวาตะคอกอย่างไม่พอใจ
“โธ่พี่ อย่าโกรธผมเลยน่า ดูสิ ผมดำของพี่เริ่มขาวขึ้นอีกแล้วนั่น” ชานนท์หัวเราะอย่างสนุกที่ได้แกล้งธันวาแบบนี้ เพราะปกติแล้วมีแต่เขาที่ถูกธันวาแกล้งตลอด
“ไอ้นี่….” ธันวาทำท่าจะเอามือตบหัวชานนท์ แต่เขาหลบได้อย่างรู้ทัน
“ไม่เล่นแล้วครับ ตอนนี้ก็ได้เวลาเลิกงานแล้ว งั้นเย็นนี้ผมขอไปกินข้าวที่คอนโดของพี่นะ”
“อย่าเสียใจภายหลังล่ะ” ธันวาเตือนอีกครั้ง
“จะเสียใจหรือไม่ก็ต้องไปดูก่อนสิครับ ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่าผมจะเสียใจเหมือนที่พี่เตือนไว้หรือเปล่า”
