บทที่ 6 บอดี้การ์ดส่วนตัว
ธันวาเห็นการกระทำของอาโปแล้วก็รับไม่ได้ ‘นี่เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนที่กล้านอนกับผู้ชายแบบนี้ ไม่ระวังตัวหรือรักนวลสงวนตัวเอาเสียเลย’
ธันวาแอบคิดว่าอาโปนั้นไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยพบเจอ เธอมักจะมีความพยายามที่จะเอาชนะเขาตลอด ปกติผู้หญิงที่เคยพบเจอก็มีแต่คนที่เกรงกลัวเขาทั้งนั้น จากที่เขาเป็นคนเคร่งขรึมและพูดน้อย แต่แค่อยู่กับเธอยังไม่พ้นหนึ่งคืนก็ทำให้เขากลายเป็นผู้ชายที่อารมณ์ร้อนหรือขี้โมโหไปเสียแล้ว
“นี่! ลงไปจากเตียงของฉันเลยนะ!” ธันวาดึงผ้าห่มกลับมา แต่อาโปก็ดึงกลับไป
“ไม่! ยังไงฉันก็จะนอนเตียงนี้ นายนั่นและลงไป” อาโปไม่ยอม
ธันวาปล่อยมือจากผ้าห่ม “ได้ ฉันให้เธอนอนเตียงนี้ก็ได้ แต่….”
“แต่อะไร?” เธอลุ้นคำตอบ ‘ไอ้หมอนี่จะเอาเงื่อนไขอะไรมาทรมานฉันอีกไหมนะ’ เธอคิดในใจ
ธันวาเอาหมอนข้างมาวางไว้ตรงกลาง “เธอนอนฝั่งนั้น ฉันนอนฝั่งนี้ หากเธอข้ามมาฝั่งฉันเธอได้เจอดีแน่” เขาขู่
“ได้ ฉันเป็นคนที่นอนเรียบร้อยมาก ไม่ดิ้นข้ามไปฝั่งนายแน่นอน” เธอยืนยัน
“ให้มันแน่เถอะ” เขาแสยะยิ้ม
จนทั้งสองผล็อยหลับไป ธันวาก็ดึงหมอนข้างที่เอากั้นกลางไว้มากอดอย่างไม่รู้ตัวแล้วนอนหันหลังให้อาโป ส่วนอาโปก็ติดนิสัยที่ต้องนอนกอดหมอนข้างนอนทุกคืน เธอจึงนึกว่าหนุ่มร่างหนาเป็นหมอนข้างเลยนอนกอดเขานอนอย่างสบายใจ
ธันวาก็พลิกตัวแล้วก็เผลอกอดอาโปนอนอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน จนกระทั่งถึงรุ่งเช้า
“อ๊าาาาาาาา” อาโปกรีดร้องแล้วเท้าก็เผลอถีบธันวาจนตกเตียงอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ธันวาถูกถีบตกเตียงทั้งที่ยังนอนอยู่แบบไม่ทันได้ตั้งตัว
“ทำบ้าอะไรของเธอ! กล้าดียังไงมาถีบฉัน! สองครั้งแล้วนะที่เธอทำร้ายฉัน อย่าให้มีครั้งที่สามล่ะ ไม่งั้น….” เขาเอ่ยอย่างหัวเสีย
“แล้วนายมานอนกอดฉันทำไม? เมื่อคืนนายทำอะไรฉันไปบ้างเนี่ย” อาโปรีบสำรวจร่างกาย
“ฉันจะทำอะไรเธอ?” เขาหงุดหงิด “เมื่อคืนฉันไม่น่าใจอ่อนยอมให้เธอนอนเตียงเดียวกับฉันเลย” เขารู้สึกเสียใจภายหลังแล้ว
“ทำไม? ก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นไม่ใช่เหรอ ก็แค่กอดกันเท่านั้นเอง นายเป็นโรคกลัวผู้หญิงหรือไง? ทำเหมือนไม่เคยแตะต้องผู้หญิงงั้นแหละ” อาโปเยาะเย้ย ‘นอนเตียงเดียวกับฉันแล้วยังไง ก็ไม่ได้มีซัมติงกันเสียหน่อย ทำเป็นโวยวายอยู่ได้’
“กล้าพูดนะ เป็นเธอเองไม่ใช่เหรอที่มานอนกอดฉันน่ะ ไม่งั้นแขนฉันไม่ปวดแบบนี้หรอก”
“ใช่….ใช่ที่ไหนกัน” เธอพูดกระตุกกระตัก
ธันวารู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าเธอข้ามเขตแดนแล้วกอดเขานอนอย่างสบายใจ เขาผลักเธอออกหลายครั้งแต่เธอก็ยังขยับเข้ามากอดเขาอีก จนครั้งสุดท้ายเธอถึงขั้นปีนขึ้นมานอนบนตัวเขา เลยจำต้องปล่อยให้เธอนอนอยู่แบบนั้น เพราะไม่รู้ว่าถ้าผลักเธอออกอีกครั้งแล้วเธอจะนอนท่าไหนบนตัวของเขาอีก
“จะบอกให้นะ ผู้ชายอย่างฉันมีผู้หญิงมากมายที่รูปร่างเซ็กซี่อยากจะนอนด้วย และไม่ใช่ว่าฉันไม่กล้าแตะต้องผู้หญิง มีแค่เธอเท่านั้นแหละที่ฉันแตะต้องไม่ลง”
“นี่! นาย….นายมันหน้าไม่อาย ไอ้….ไอ้ผู้ชายไม่มีมารยาท ไอ้..ไอ้ปากปีจอ” อาโปโมโหจนพูดไม่เป็นคำ ที่ถูกเขาพูดดูถูกขนาดนี้
ธันวาแสยะยิ้มอย่างพอใจที่เอาชนะเธอได้ในครั้งนี้ ยิ่งเห็นเธอโมโหจนพูดไม่ออกเขายิ่งมีความสุข
“ในเมื่อตื่นแล้วก็รีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อย งานบ้านยังรอเธออยู่” เขาสั่งแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ
ผ่านไปสักพัก หลังจากที่อาโปจัดการธุระตัวเองในห้องน้ำเสร็จก็เตรียมตัวเข้าครัว แต่ระหว่างนี้ก็มีคนมากดกริ่งที่หน้าประตู
ธันวาเดินไปเปิดประตูก็เห็นคนคนหนึ่งที่แต่งตัวเป็นผู้ชาย แต่ก็ดูไม่เหมือนผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์
“คุณเป็นใคร?” ธันวาถามอย่างมีมารยาท
“ผมชื่อน้ำมนต์ ได้รับคำสั่งจากคุณเมธีให้มาดูแลอาโปครับ” น้ำมนต์ตอบอย่างสุภาพ
เมื่ออาโปได้ยินชื่อของน้ำมนต์ก็รีบวิ่งออกจากห้องครัวมา เธอจะกระโดดกอดเขาอยู่แล้วแต่ก็ถูกห้ามเอาไว้ก่อน
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลย!” น้ำมนต์ยกมือห้ามแล้วถอยไปข้างหลังสองก้าว
อาโปแทบจะเบรกเท้าตัวเองไม่อยู่ เธอทำหน้ามุ่ย “ก็ฉันคิดถึงพี่นี่นา”
ธันวามองดูความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ‘หรือว่ายัยคนนี้จะชอบไม้ป่าเดียวกัน มิน่าล่ะ ถึงบอกว่าฉันไม่ใช่สเปกของเธอ ที่แท้ก็ชอบตีฉิ่งนี่เอง’ เขาคิดในใจ
“คอพี่ยังไม่หายเจ็บเลยนะ” น้ำมนต์บอก เพราะรู้ว่าเธอต้องกระโดดกอดเขาเหมือนทุกครั้งแน่นอน
น้ำมนต์ยังจำไม่ลืมที่เมื่อวานได้ช่วยให้เธอหนีงานแต่งงาน อุตส่าห์ลงทุนให้ตัวเองเจ็บ แต่มันกลับไร้ประโยชน์ สุดท้ายดันกลับมาพร้อมว่าที่เจ้าบ่าวตัวเอง ‘เสียใจยิ่งนัก’ เขาคิดแล้วส่ายหัว
อาโปยิ้มแหย “ขอโทษค่ะพี่ แค่ดีใจมากไปหน่อย” เธอดีใจมากจริงๆ ที่ได้เจอเขา อย่างน้อยก็ช่วยลดความอึดอัดที่มีระหว่างเธอกับธันวาไปได้บ้าง
“พวกเธอสองคนเป็นอะไรกัน?” ธันวาขมวดคิ้วถาม
“ผมเป็นผู้ช่วยคนสนิทของอาโปครับ รวมถึงเป็นคนที่คอยปกป้องเธอด้วย” น้ำมนต์ตอบ
“พี่น้ำมนต์เป็นคนที่คอยดูแลฉันมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ทุกที่ที่มีฉันอยู่จะต้องมีพี่น้ำมนต์อยู่ด้วย เพียงแต่..ไม่คิดว่าพอฉันแต่งงานแล้วคุณพ่อจะยังให้พี่น้ำมนต์มาตามดูแลฉันอีก” อาโปอธิบาย
“ตามเป็นบอดี้การ์ดเหรอ?” เขาถามอย่างสงสัย แค่นี้ก็ต้องมีบอดี้การ์ดส่วนตัวด้วยเหรอ? แล้วยังติดตามกันตั้งแต่เด็กอีก
“จะเรียกแบบนั้นก็ได้ค่ะ พี่น้ำมนต์เป็นลูกของป้าแม่บ้าน คุณพ่อเลยให้พี่น้ำมนต์ช่วยเล่นเป็นเพื่อนฉันตั้งแต่เด็กแล้ว และก็ให้คอยติดตามฉันด้วย”
ยังไงก็ตาม ธันวาคิดว่าพ่อตาของเขาส่งน้ำมนต์มาคอยช่วยดูแลอาโปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอมากนัก และไม่ต้องคอยเป็นห่วงหรือตามดูแลเธอด้วย เพราะศัตรูของเขาก็มีไม่น้อย ไม่รู้ว่าจะมาเล่นงานเธอเพราะเขาด้วยหรือเปล่า
“อืม คอนโดนี้ฉันซื้อไว้ติดกันสองห้อง พักอีกห้องแล้วกัน”
“ครับ”
อาโปดีใจมากที่รู้ว่าน้ำมนต์จะมาอยู่ใกล้ๆ เธอแทบอดไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องของสามีที่น่ากลัวและอารมณ์ร้ายอย่างธันวาให้เขาฟัง เธอจะหลุดพูดออกมาแล้วว่า ‘เมื่อคืนฉันเกือบถูกเขาบีบคอตายไปแล้ว’
เมื่อทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ธันวาก็ชวนให้น้ำมนต์เข้ามาข้างในและขอคุยกันแบบส่วนตัว แต่ก็ไม่ลืมหันไปสั่งคนตัวเล็กให้ไปทำอาหาร
“ไปทำงานของเธอเถอะ ฉันจะขอคุยกับเขาก่อน” ธันวาบอก
“.....” อาโปทำหน้างอนแล้วเดินไปห้องครัวอย่างไม่สบอารมณ์
