บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 แกล้งเป็นคนรัก

“ฉันชื่ออาโป แล้วคุณล่ะชื่ออะไร?” อาโปแนะนำตัว ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็ควรทำความรู้จักกันหรือแนะนำตัวกันเสียหน่อย

“ผมชื่อธันวา”

“แล้วคุณอยากให้ฉันช่วยอะไรล่ะคะ?”

“ผมอยากให้คุณช่วยแกล้งเป็นคนรักของผมเพื่อล้มเลิกงานแต่งงานนี้” เขาเอ่ยโดยไม่อ้อมค้อม

อาโปครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็แค่แกล้งเป็นแฟนเท่านั้นเองไม่มีปัญหาสำหรับเธอหรอก ในเมื่อเขาช่วยให้เธอหนีงานแต่งงานมาได้สำเร็จ ป่านนี้งานแต่งของเธอก็คงล่มไปแล้ว เธอควรช่วยเขาล้มงานแต่งงานเพื่อเป็นการตอบแทนบ้าง

“ก็ได้ แค่แกล้งเป็นแฟนใช่ไหม?” เธอถามเพื่อยืนยัน

“ใช่” เขาตอบ “งั้นตอนนี้ผมจะพาคุณไปยังสถานที่จัดงานแต่งงาน ผมจะพาคุณไปพบกับผู้หญิงที่จะแต่งงานกับผมและบอกเธอว่าคุณเป็นคนรักของผม และขอให้เธอเข้าใจและยกเลิกงานแต่งงานนี้เอง”

อาโปพยักหน้าอย่างเข้าใจ หลังจากนั้นธันวาก็ขับรถไปยังสถานที่จัดงานแต่งงาน

“สถานที่จัดงานแต่งงานของฉันก็เป็นที่นี่เหมือนกัน” อาโปบอกอย่างกังวล เธอกลัวว่าจะถูกผู้เป็นบิดาเจอเข้าและถูกจับไปแต่งงานให้ได้

“อย่ากังวล หากพวกเขาจับได้คุณก็บอกไปว่าผมเป็นคนรักของคุณ ผมยอมให้อ้างชื่อของผมได้” ธันวาเสนออย่างแมนๆ

อาโปมองหน้าเขาอย่างไม่อยากเชื่อ “เป็นความคิดที่ดี แต่คุณคงไม่ขอให้ฉันตอบแทนอะไรย้อนหลังอีกหลอกนะ?” สายตาของเธอมองเขาอย่างไม่มั่นใจ

“ก็คงต้องดูก่อน” เขาตอบ

“ซิ!” อาโปเบ้ปาก นึกว่าจะช่วยฟรีๆ

ตอนนี้ธันวาก็ขับรถเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของสถานที่จัดงานแล้ว เขากำลังลงจากรถก็ได้ยินเสียงเรียกอย่างรีบร้อน

“ธันวา!”

มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเดินเข้ามาหาธันวาและอาโปอย่างรีบร้อน

ธันวาจ้องมองผู้หญิงที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางที่ประหม่าเล็กน้อย เขารู้ว่าตัวเองจะต้องถูกผู้หญิงคนนี้ด่าแน่นอนที่มาสายแบบนี้

“นายไปไหนมา! รู้ไหมว่าจะเลยฤกษ์มงคลแล้ว รีบเข้าไปข้างในเดี่ยวนี้เลย ทุกคนกำลังรออยู่” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ย

“ไม่ครับพี่ธิดา ผมแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อกับแม่จัดให้ไม่ได้”

“ทำไม? นายอยากให้พ่อกับแม่อับอายขายขี้หน้าหรือยังไง?” ธิดาขมวดคิ้วเอ่ยอย่างกังวล

ธันวาจับมือของอาโปไว้แน่น “พี่ดูเธอสิครับ เธอคือคนรักของผม และผมจะแต่งงานกับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น” เขาชูมือที่จับกับอาโปขึ้น

ธิดามองดูอาโปครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “เอาล่ะ ตอนนี้พวกเธอทั้งสองคนรีบเข้าไปในงานกันก่อนเถอะและค่อยอธิบายทุกอย่างจะดีกว่า”

ธิดาจับมือธันวาและอาโปเพื่อเดินเข้าไปในห้องแต่งงาน แล้วบอกให้เด็กหญิงตัวน้อยเดินตามข้างหลัง แต่ธันวาถือโอกาสนี้ย่อตัวลงแล้วอุ้มหลานสาวตัวน้อยขึ้นมาอย่างรักใคร่

เมื่อเข้ามาในงานอาโปก็ประหลาดใจมากที่เห็นพ่อของเธอและน้ำมนต์อยู่ในงานนี้ด้วย เธอแปลกใจมากที่เห็นน้ำมนต์อยู่ในงานนี้ เขาควรนอนสลบอยู่ไม่ใช่เหรอ เวลาพึ่งผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเลย หรือว่าน้ำมนต์แค่แกล้งสลบเพื่อให้เธอหลบหนีไปอย่างสบายใจหรือเปล่า

อาโปขยี้ตาเพื่อให้มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด พ่อของเธอและน้ำมนต์อยู่ในงานนี้จริงๆ ด้วย ‘ทำไมคุณพ่อกับพี่น้ำมนต์ถึงอยู่ที่นี่?’ อาโปคิดอย่างสับสน

“ตอนนี้นายก็อธิบายให้ฝ่ายเจ้าสาวฟังเถอะว่านายจะเอายังไง” ธิดาเอ่ยพร้อมกลั้นหัวเราะเอาไว้

อาโปรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ

ธันวาจับมืออาโปแล้วเดินไปตรงหน้าเมธีผู้เป็นบิดาของเจ้าสาวด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ

อาโปแทบก้าวขาไม่ออก “ฉันไม่น่ารับปากนายเลย หนีเสือปะจระเข้จริงๆ” เธอบ่นพึมพำ

ในขณะเดียวกัน น้ำมนต์ก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นอาโปมาอยู่ที่นี่

‘ไม่ใช่ว่าหนีไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ยัยเด็กกะโปโลคนนี้นี่ ฉันอุตส่าห์ยอมเจ็บตัวเพื่อให้เธอหนีไปได้ แต่ดันกลับมาพร้อมกับเจ้าบ่าวนี่นะ! โถ่..ต้นคอที่น่าสงสารของฉัน’ น้ำมนต์บ่นในใจจนแทบอยากร้องไห้ที่ต้องเจ็บตัวฟรี

“พ่อไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนเป็นคนรักกัน ถ้ารู้แบบนี้พ่อคงไม่วางแผนจัดงานแต่งงานและบังคับให้ลูกสาวของพ่อต้องแต่งงานแบบนี้หรอก คงรอให้พวกเธอพร้อมแล้วจัดงานแต่งงานกันเองอย่างมีความสุขจะดีกว่า” เมธีมองหน้าลูกสาวและตบไหล่ธันวาอย่างมีความสุข

“พ่อเหรอ?” ธันวาถึงกับอุทานออกมา เขาไม่เข้าใจในคำพูดของชายตรงหน้า ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่สบายใจ อาโปก็ไม่กล้าสบตากลับเขาด้วย

“ใช่ ลุงก็เป็นพ่อของอาโปไง ต่อไปนี้ก็เรียกลุงว่าพ่อเหมือนอาโปแล้วนะ งั้นก็เริ่มทำพิธีกันเถอะ ถึงฤกษ์มงคลพอดีเลย” เมธียิ้มอย่างมีความสุข

ธันวาประหลาดใจเมื่อรู้ว่าอาโปก็คือผู้หญิงที่ครอบครัวของเขาจับคลุมถุงชนให้แต่งงานด้วย

พุดตานและนิธิเดินเข้ามาหาเจ้าบ่าวเจ้าสาว

“ในที่สุดลูกชายของแม่ก็ยอมสละชีวิตโสดแล้ว ในเมื่อลูกบอกว่าจะไม่ยอมแต่งงานกับใครนอกจากหนูอาโป ตอนนี้ลูกชายของแม่สมหวังแล้ว คู่แท้ย่อมไม่แคล้วคลาดจากกัน” พุดตานผู้เป็นมารดาเอ่ยอย่างมีความสุข

“พ่อขอให้แกใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขนะ ตอนแรกก็จับแกคลุมถุงชนจนต้องหนีงานแต่ง พ่อก็คิดว่างานแต่งนี้จะล่มเสียแล้ว ที่ไหนได้แกกลับพาเจ้าสาวเดินเข้างานวิวาห์ด้วยตัวเองเสียได้” นิธิเอ่ยอย่างภูมิใจ

ธันวาแทบจะกินอะไรในงานไม่ลง เขายิ้มไม่ออกเลยสักนิด รอยยิ้มของเขาเหมือนคนจะร้องไห้เสียมากกว่า

จนกระทั่งงานแต่งงานสิ้นสุดลงและห้องหอของทั้งสองคนก็คือคอนโดสุดหรูของธันวา

ระหว่างทางที่ธันวาขับรถกลับคอนโด เขาไม่ได้แสดงท่าทางหรืออารมณ์อะไรออกมาเลย เขาดูนิ่งและสงบมากจนอาโปไม่กล้าเอ่ยอะไรขึ้นมาแม้แต่คำเดียว เธอก็ยังอึ้งอยู่เหมือนกัน

“อ๊าาาาาาาา”

เมื่อมาถึงคอนโดธันวาก็ตะโกนเสียงดังระบายความอัดอั้นที่มีอยู่เต็มอก อาโปที่กำลังอยู่ในห้องน้ำต้องรีบออกมาดูว่าเขาเป็นอะไร

“เกิดอะไรขึ้น? คุณเป็นอะไร?” เธอถามอย่างเป็นห่วง

ธันวาจ้องมองอาโปด้วยสายตาเย็นยะเยือก

“ทำไมเธอถึงไม่บอกตั้งแต่แรกว่าเธอเป็นเจ้าสาวของฉัน?” น้ำเสียงเขาแข็งกระด้าง

“ฉัน..ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่านายเป็นเจ้าบ่าวที่ฉันจะต้องแต่งงานด้วย นายก็เห็นนิว่าฉันหนีงานแต่งออกมา เป็นนายเองไม่ใช่เหรอที่ขอให้ฉันช่วยแกล้งเป็นคนรักของนาย จะมาโทษฉันได้ยังไง” เธอปกป้องตัวเอง

“เธอต้องวางแผนมาตั้งแต่แรกแล้วแน่ๆ” เขายังคงโทษเธอ

“ฉันจะวางแผนทำไม? ฉันไม่ได้อยากแต่งงานเสียหน่อย? ฉันพึ่งเรียนจบและยังอยากใช้ชีวิตอิสระไปอีกนานๆ นะ อีกอย่างฉันก็ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นหน้าตาว่าที่เจ้าบ่าวของฉันมาก่อนด้วย และที่สำคัญฉันก็พึ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อวาน แล้ววันนี้ก็ถูกคุณพ่อหลอกว่าจะจัดงานต้อนรับให้ฉัน และฉันก็พึ่งรู้เมื่อตอนเปลี่ยนชุดนี่เองว่าเป็นงานแต่งงาน ฉันถึงได้หนีออกไปแล้วไปเจอนายไง”

“ฉันไม่มีทางเชื่อคำแก้ตัวของเธอแน่นอน”

“ไม่เชื่อก็แล้วแต่นาย ฉันก็ไม่ได้ชอบผู้ชายแบบนายเลย” เธอไม่อยากอธิบายอะไรอีกแล้ว ถึงพูดต่อไปเขาก็ไม่เชื่ออยู่ดี

“ผู้ชายอย่างฉันมันเป็นยังไง?” เขาบีบคอเธอและจ้องมองเธอด้วยแววตาเพชฌฆาต

‘ผู้ชายแบบเขามันไม่ดีตรงไหน’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel