บท
ตั้งค่า

#####ตอนที่ 4

ในความฝัน ลดาดาวพบตัวเองนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แผ่กิ่งก้านสาขาประหนึ่งร่มคันมหึมาปกคลุมผืนหญ้านุ่มราวพรมกำมะหยี่สีเขียว

เธอตกใจตื่นเพราะเสียงคำรามน่ากลัว พอลืมตาก็ร้องกรี๊ด ตกใจแทบสิ้นสติ

เบื้องหน้าเธอ หมีดำตัวมหึมายืนจังก้า ตาดำทั้งคู่มองมาสบตาเธอราวจะสะกดขณะส่งเสียงคำรามในคอ

เธอรีบหลับตา พนมมือ พยายามนึกถึงมนต์ทุกบทที่เคยท่องก่อนนอนตามที่มารดาสอนแต่เด็ก แต่ก็นึกออกแต่พุทโธๆ มีต่ออีกนิดหน่อย... ‘พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย!’

บทสวดพุทโธคงจะได้ผล เพราะทุกอย่างเงียบกริบ เสียงคำรามเขย่าขวัญสั่นประสาทหายไป

เธอค่อยๆหรี่ตามองข้างหนึ่ง พอสายตาปะทะเข้ากับเจ้าขนดกดำตัวโต ตาและใบหูกลมเล็ก ริมฝีปากยื่นแยกออกจากเหงือก ก็หลับปี๋ลงอีก อกใจเหมือนจะเต้นโครมๆ ด้วยความตระหนกที่ไม่ยอมจาง

แต่แล้วก็แทบลืมตาโพลง เพราะแน่ใจว่าได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ คล้ายจะขบขัน

เป็นเสียงหัวเราะของมนุษย์ ไม่ใช่เสียงหัวเราะของหมี หรือสัตว์ชนิดใด

ทว่า พอเธอลืมตาโพลงเข้าจริงๆ นอกจากต้นไม้ใบหญ้าแล้ว ก็ไม่มีสิ่งชีวิตอื่น กระทั่งเจ้าตัวอันตรายขนดก ก็ไม่หลงเหลือให้เห็น จนคิดว่าตัวเองอาจจะตาฝาดไป

ลดาดาวยันตัวลุกขึ้นในความฝัน...

มันแปลกว่า เธอบอกตัวเองทุกขณะจิตว่านี่เป็นเพียงความฝัน ซึ่งที่เคยฝันแต่ละครั้งที่ผ่านมา เธอไม่เคยสำนึกว่าตัวเองกำลังฝันขณะอยู่ในโลกของความฝัน จนเมื่อตื่นแล้วถึงรู้ และบอกตัวเองว่า อ้อ...ฝันไป

แต่ฝันครั้งนี้มาแปลก เพราะเธอบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า “เราฝัน... เราฝัน นี่เป็นเพียงความฝันเท่านั้น!”

ยิ่งหลังจากกวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้ง กระทั่งพบว่า ห่างออกไปไม่กี่ก้าว มีสระน้ำใหญ่ ลักษณะเป็นบึงธรรมชาติ มีดอกไม้ประหลาด ออกดอกสีเหลือง ขาว ฟ้า น้ำเงิน ม่วง ชูช่อสลอนเต็มไปหมด ความคิดตอกย้ำว่าทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน ยิ่งมีมากขึ้น

ไม่ให้รู้สึกเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อตาทั้งคู่ที่ไม่เคยมองเห็นสิ่งใดมานาน บัดนี้สามารถจับสรรพสิ่งรอบตัวได้ชัดแจ๋ว กระทั่งแยกแยะสีสันของต้นไม้ใบหญ้ารวมถึงดอกไม้ประหลาดที่ออกดอกสะพรั่งกลางบึงใหญ่ ก็เห็นชัดว่ามีสีอะไรบ้าง

เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่คนตาบอด สามารถมองเห็นยามตกอยู่ห้วงของความฝันขณะหลับ

หญิงสาวก้มมองตัวเอง พบว่ายังอยู่ในชุดนอนปาจามาเท้าทั้งคู่เปลือยเปล่า สภาพเมื่อก้าวขึ้นเตียงนอนยังไง ขณะนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น

นี่เธอฝันจริงหรือเปล่า?

คิ้วเรียวได้รูปงามเริ่มมุ่นเขาหากันหลังจากพิจารณาบรรยากาศโดยรอบ

ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงห้าวพูดขึ้นจากที่ใดที่หนึ่ง

“สิ่งใดคือฝัน สิ่งใดคือความจริง เจ้าแน่ใจหรือว่ารู้”

เธอมองลอกแลก พยายามกวาดตาหาที่มาของเสียง

“นั่นใคร?”ตะโกนถามออกไปอย่างลืมตัว ความหวาดกลัวเหมือนจะเพิ่มขึ้น เส้นขนตลอดองคาพยพเหมือนจะพร้อมใจลุกพรึบ

“คนที่รู้จักเจ้าดี”

เสียงห้าวตอบกลับมา

“รู้จักข้าดี อุ๊บ!”รีบยกมือปิดปากตัวเองเมื่อรู้สึกตัวว่าตนใช้คำแทนตัวฟังประหลาดออกไป

มีอย่างหรือแทนตัวเองว่าข้า ปกติถ้าไม่พูดหนู ก็จะใช้ดาว หรือฉัน ไม่ก็ดิฉัน ที่จะพูด ‘ข้า’ นี้เคยเสียที่ไหน

มีเสียงหัวเราะหึๆ ก่อนตามด้วยเสียงห้าวของผู้ชายพูดมาอีกจากที่ใดที่หนึ่ง ที่เธอยังจับที่มาไม่ได้ ราวกับว่าผู้พูดอ่านใจเธอออกว่ากำลังคิด หรือรู้สึกเช่นไร

“กลัวไปไยเล่าเจ้าหากจะใช้ภาษาที่ตัวเองเคยชิน”

“คุณเป็นใครกัน? แน่จริงออกมาให้เห็นตัวหน่อยซิ”ลืมตัวตะโกนออกไปอย่างท้าทาย

“ออกไปจริงข้ากลัวว่าเจ้าจะตกใจตายน่ะสิ”

เสียงมีกังวานขบขันอย่างผู้ใหญ่ใจดีตอบกลับ

เพราะจับตาอยู่ ลดาดาวจึงรู้ที่มาของเสียงได้ว่าดังมาจากหลังพุ่มไม้หนา ประหลาดทั้งรูปทรงและกิ่งใบ สูงประมาณสองเมตรครึ่ง ทางขวามือห่างจากต้นไม้ใหญ่ขนาดสองคนโอบ แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาที่เธอยืนอยู่

“ถ้า... ถ้าคุณไม่ใช่ผี ไม่ใช่อสุรกาย หรือซอมบี้ผีดิบ ข้า เอ๊ย! ฉัน คงไม่ถึงกับตกใจตายหรอก อย่างมากก็คงแค่ช็อกไปชั่วครู่ ก็นี่มัน... แค่ความฝันนี่นะ”ท้ายประโยคพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า

เสียงแสกสากดังขึ้นหลังพุ่มไม้ เรียกความสนใจให้จับตามองเขม็ง กระทั่งลืมนึกถึงความผิดปกติที่อยู่ในความครุ่นคิดไปชั่วครู่

อะไรดำๆ ค่อยเคลื่อนขยับพ้นแนวพุ่มไม้มาปรากฏในม่านตา

“โอย! ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้!”

คิดว่าอุทานอยู่ในใจ ก็เลยถึงกับสะดุ้งเพราะเสียงร้องเปล่งออกมาจริงๆ

“อะไรที่เจ้าคิดว่าไม่จริง อย่าด่วนตัดสินว่าเป็นไปไม่ได้”

ลดาดาวอ้าปากหวอ ตาทั้งคู่ลืมโพลง เมื่อเห็นชัดยิ่งกว่าชัด ว่าพร้อมเสียงพูดที่ได้ยิน ปากหมีดำตัวมหึมาขยับขึ้นๆ ลงๆ

ใจเธออยากวิ่งหนีแต่ขาก้าวไม่ออก จึงได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ

“อะ...อะ...ไม่เชื่อ!” แค่นี้เองที่สามารถเปล่งเป็นคำออกมาได้

ตากลมโตขยายใหญ่อีกหนึ่งเท่า...สองเท่า เมื่อประจักษ์ชัดว่า ร่างหนาใหญ่ มีขนปุกปุยสีดำเดินสี่ขาเข้ามาหาเนิบๆ แม้ทีท่าตลอดจนแววตาที่มองออกมาจากหน้ายาวแหลม มองเห็นรอยนูนของสันจมูกใต้ขนยาว จะไม่ได้เป็นไปในลักษณะคุกคาม

“ทำยังไงเจ้าถึงจะเชื่อ”

เสียงถามมาระคนขัน

“โอย! คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย หมีพูดได้! ตื่น! ยายดาว ตื่นได้แล้ว!”

“เจ้าจะรีบไปไหน ไม่ชอบหรือที่... พอมาอยู่ที่นี่ ตาเจ้ากลับมองเห็น”

“ฝัน...ฉันแค่ฝันไป!”

เสียงเรียกแว่วมาแต่ไกลๆเหมือนจะยืนยัน

“ดาว...ยายหนู ยังไม่ตื่นอีกหรือลูก?”

แม่...

พริบตานั้นเอง ลดาดาวก็รู้สึกเหมือนถูกผลักด้วยแรงมหึมา ตัวปลิวหวือจนหน้ามืด สำนึกสุดท้ายก่อนสติจะดับวับไป คือถูกจับยัดลงในอุโมงค์ลึกมืดและแคบ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel