บท
ตั้งค่า

ชีวิต4

ได้ยินคำกล่าว คนเป็นพ่อจึงคลายวงแขนของตัวเองออกแล้วยื่นลูกสาวไปให้ลูกชายดูแลตามที่เจ้าตัวบอก ซึ่งขณะที่ยื่นตัวลูกสาวไปให้อีกฝ่าย คนเป็นลูกสาวก็พลันดีดดิ้นรุนแรงขึ้นมามากกว่าเดิม หลังรู้สึกถึงแรงรัดที่คลายลง

“ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปปลุกเธอ” ซันนี่สั่งเสียงดังด้วยภาษาบ้านเกิดดังเดิม พร้อมฮึดฮัดสะบัดตัวออกจากการจับกุมสุดกำลังด้วย เพื่อหวังจะกลับเข้าไปด้านในห้องพักอันเงียบสงบด้านหลังอีกครั้ง

“หยุดโวยวายได้แล้ว แค่นี้ยังวุ่นวายไม่พอหรือไง” ผู้มาใหม่ว่าให้เสียงดัง ทั้งรวบมือคนโวยวายไปไพล่ไว้ยังด้านหลัง ทว่าอีกฝ่ายกลับฝืนสู้แรงมือเขาเสียอย่างนั้น

“ปล่อยฉันสิโว้ย ฮือๆ ฉันบอกให้ปล่อย” ซันนี่ตะโกนด้วยความอัดอั้น น้ำตาก็พลันไหลพรากออกมาด้วยความเจ็บปวดใจ เพราะไม่สามารถสลัดชายผู้มาใหม่ออกได้

เห็นคนโวยวายไม่เหลือสติรับฟังสิ่งใด ผู้มาใหม่จึงยกสันมือขึ้นมาสับลงตรงท้ายทอยของคนตรงหน้าด้วยแรงที่พอจะทำให้คนคลุ้มคลั่งสลบไสลไปได้ทีหนึ่ง

ฉับพลันที่สันมือของคนด้านหลังสับลงยังท้ายทอยที่อ่อนไหว ซันนี่ก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันทีด้วยความตกใจ

ซึ่งขณะที่เบิกตากว้างขึ้นมานั้น ดวงตาพร่ามัวจากม่านน้ำตาของเธอ ก็พลันเห็นว่าพ่อแม่และเพื่อนรักที่มาเรียนอยู่ที่นี่ด้วยกัน กำลังเดินเข้ามาใกล้ จึงร้องเรียก “แม่...”

ทว่าเพิ่งจะอ้าปากเรียกคนเป็นแม่ไป ซันนี่ก็สติดับวูบไปเสียก่อนที่จะเรียกพ่อออกมาได้

“ผมต้องขอโทษกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดด้วยนะครับ นี่คือคุณพ่อคุณแม่ของผม จ้าวฉงซานกับจ้าวเมยเยี่ยนครับ ส่วนนี่ก็คือพ่อกรกับแม่อิง พ่อและแม่ของซันนี่ ส่วนอีกสองคนคือเพื่อนรักของเธอ คุณหนูนาและคุณเคทครับ” คนประคองคนสลบไสลไว้ในอ้อมแขนแนะนำหญิงชายวัยกลางคนให้ผู้มาใหม่ได้รู้จัก โดยมีหญิงสาวเพื่อนของผู้วายชนม์ที่มาเรียนอยู่เมืองนี้ช่วยแปลให้อีกฝ่ายได้รับรู้ โดยไม่ลืมแนะนำญาติของผู้วายชนม์ให้พ่อและแม่ของตัวเองรู้จักด้วย

หลังแนะนำทั้งสองครอบครัวให้รู้จักกันแล้ว ชายหนุ่มก็ขอตัวพาคนสลบไสลขึ้นห้องพักมาทันที โดยทิ้งหน้าที่ส่งร่างผู้วายชนม์ไปยังวัดให้คนเป็นพ่อและแม่รับช่วงต่อ พร้อมกับผู้ช่วยของเจ้าตัว

ด้านคนสลบไสล ขณะที่หมดสติอยู่นั้น เธอก็เห็นร่างของตัวเองปรากฏขึ้นมาตรงหน้า

“ฉันชดใช้ให้คุณ ขอบคุณที่ช่วยเหลือฉัน ฝากทำดีกับพวกเขาแทนฉันด้วยนะคะ” คนตรงหน้าเอ่ย พูดจบก็ส่งยิ้มน้อยๆ ให้ด้วยแววตาเศร้าสร้อย

“ชดใช้เรื่องอะไร ทำไมต้องให้ฉันทำดีกับพวกเขาด้วย แล้วพวกเขาเป็นใคร ทำไมคุณถึงไม่ทำเอง” ซันนี่ขมวดคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องใดกันแน่

แต่กลับไม่มีถ้อยคำใดตอบกลับมา มีเพียงเปลวไฟซึ่งไม่รู้ที่มาลุกพรึ่บขึ้นมาท่วมร่างตรงหน้าเท่านั้น

“อ๊า...ซันนี่ออกมา” ซันนี่ตะโกนเรียกตัวเองในกองไฟให้ออกมาด้วยความตกใจ ทว่าหลังจากตะโกนออกไปแล้ว เธอก็พลันนึกขึ้นได้ว่าคนที่อยู่ในร่างไม่ใช่ตัวเอง จึงตะโกนออกไปใหม่อีกครั้ง “อี้หรานออกมา พาร่างของฉันออกมาเดี๋ยวนี้นะ”

คนเป็นเจ้าของร่างตะโกนสั่งด้วยความร้อนใจ เพราะกลัวว่าร่างของตัวเองจะถูกเผาไหม้ไปเสียก่อน

“ฝากทำดีกับพวกเขาแทนฉันด้วยนะคะ” อี้หรานในร่างของอีกฝ่ายย้ำเสียงแผ่วด้วยแววตาเศร้าสร้อย พูดจบก็ส่งยิ้มน้อยๆ ไปให้คนตรงหน้าอีกหน

“มันใช่เวลามาฝากฝังไหมล่ะเนี่ย ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” ซันนี่บ่นว่าให้ด้วยความร้อนใจทั้งโมโห ที่คนตรงหน้าไม่ยอมออกมาตามที่สั่ง ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ยอมขยับไปไหน เพราะยิ่งเวลาผ่านไป กองไฟก็ยิ่งโหมลุกไหม้รุนแรงขึ้นมา

เห็นดังนี้ซันนี่จึงคิดจะวิ่งฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปดึงร่างของตัวเองออกมา ทว่าเพียงแค่วิ่งเข้าไปใกล้ กองไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ก็พลันโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นมามากกว่าเดิม จนเธอต้องถอยออกห่างด้วยความจำใจ เพราะความร้อนลวกที่พวยพุ่งเข้ามา

“บ้าเอ๊ย ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ออกมา…” คนร้อนใจสั่งด้วยความโมโหหนัก ก่อนจะหันหาสิ่งของมาดับไฟอย่างนึกขึ้นได้

แต่ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็เห็นแต่ความมืดมิดไปหมด เห็นอย่างนี้ ซันนี่จึงได้แต่ยืนมองร่างของตัวเองถูกเผาไหม้ไปต่อหน้าต่อตาเท่านั้น

“ไม่...เอาร่างของฉันคืนมา ฮือๆ เอาร่างของฉันคืนมา ฮือๆ” คนเป็นเจ้าของร่างตะโกนก้องและร้องไห้ฟูมฟายออกมาด้วยความเสียใจ เมื่อเห็นร่างกายของตัวเองค่อยๆ เสื่อมสลายลงไปช้าๆ

“ฉันแค่มาเรียน มาตามรอยซีรีส์ที่ตัวเองหลงใหลเท่านั้นนะ แล้วอย่างนี้ฉันจะกลับไปหาครอบครัวฉันยังไง ฉันจะกลับไปได้ยังไง ฮือๆ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากติดอยู่ในร่างนี้ ฮือๆ” คนฟูมฟายพึมพำด้วยความเสียใจหนัก

ร้องไห้อยู่นาน จนกระทั่งรับรู้ถึงความเปียกชื้นบนใบหน้า คนร้องไห้จึงเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างรู้สึกตัว แล้วหางตาก็เห็นว่าที่โซฟาข้างเตียง มีคนนั่งจับจ้องตัวเองอยู่ จึงค่อยๆ เอียงคอไปมอง เพราะหันไปในคราวเดียวไม่ได้ เนื่องจากรู้สึกเจ็บจี๊ดที่บริเวณท้ายทอยเป็นอย่างมาก

เมื่อเอียงคอหันไปได้ ซันนี่ก็เห็นใบหน้าคมเข้ม หล่อเหลากำลังจับจ้องมาด้วยท่าทางจริงจัง ดั่งคนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ดูน่ากลัวไม่น้อย จึงถามออกมา “คุณเป็นใคร ? ”

คนถามถามเสียงแหบแห้ง ทั้งขมวดคิ้วมองชายแปลกหน้าวัยยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดข้างตัวด้วยความสงสัย ทั้งระแวดระวัง เนื่องจากไม่รู้จักอีกฝ่าย จึงกลัวว่าชายตรงหน้าจะมาทำมิดีมิร้ายกับตัวเอง เพราะเธอไม่รู้ว่าร่างนี้มีศัตรูอยู่ที่ไหนบ้าง ดังนั้นจึงต้องระวังเอาไว้ก่อน

แต่หลังจากถามไปแล้ว ซันนี่ก็เห็นว่าอีกฝ่ายขมวดคิ้วตอบกลับมาด้วยท่าทางงุนงง จึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เลยเปลี่ยนมาถามเป็นภาษาถิ่น “你是谁? ” (คุณเป็นใคร?)

“พี่ชายเธอ” คนถูกถามตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจกับท่าทีระแวดระวังจากคนตรงหน้า และไม่วายจับจ้องอยู่อย่างนั้นตามเดิมตาไม่กะพริบด้วยความประหลาดใจ เพราะอยู่ๆ คนบนเตียงก็จำกันไม่ได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“พี่ชายเหรอ” คนถามขมวดคิ้วทวนคำอย่างไม่วางใจ โดยไม่ลืมเค้นสมองครุ่นคิดไปด้วย ว่าเป็นจริงตามที่อีกฝ่ายบอกไหม

“ใช่” คนเป็นพี่ยืนยันเสียงหนัก

ได้รับคำยืนยัน ซันนี่ก็มีสีหน้าที่ดีขึ้นมา เพราะหลังจากเค้นสมองครุ่นคิดไปสักพัก เธอก็นึกขึ้นได้ว่า เคยได้ยินหญิงวัยกลางคนเอ่ยถึงพี่ชายอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่พวกเธอกำลังจะไปดูศพ

และเมื่อนึกถึงเรื่องศพขึ้นมาแล้ว ซันนี่ก็พลันนึกถึงร่างของตัวเองขึ้นมาได้ด้วย จึงรีบลงจากเตียง เพื่อกลับไปยังห้องนั้นอีกครั้ง

“จะไปไหนน่ะ” คนเป็นพี่รีบถามเสียงเข้ม เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังจะก้าวขาลงจากเตียง

“ฉันจะไปหาร่างของฉันน่ะสิ” คนลงจากเตียงตอบกลับอย่างเร่งร้อน เพราะกลัวว่าร่างของตัวเองจะถูกเผาไปตามที่ฝัน

“ร่างอะไรของเธอ ป่านนี้เขาเผาจนไม่เหลือกระทั่งกระดูกแล้วมั้ง” คนถามตอบกลับด้วยความโมโห เพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะไปก่อความวุ่นวายอีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel