ตอนที่ 4 มีเพียงคนโง่ที่จะอยู่ต่อ
ชีวิตจื่อหรานนี่มันจื่อหรานจริง ๆ
ไม่กี่วันของการใช้ชีวิตในร่างนี้ หญิงสาวต้องตื่นแต่เช้าตรู่มาทำกับข้าวให้คนทั้งห้ากิน จากนั้นไปให้อาหารหมู เสร็จแล้วก็ต้อนไก่ลงทุ่งนาก่อนจะตามมาด้วยการขนผ้าไปซักข้างลำธาร แล้วกลับมาช่วยงานในไร่ในสวน ก่อนจะกลับบ้านไปทำกับข้าวกลางวันให้คนทั้งห้า แล้วกลับไปทำงานต่อ ตกเย็นก็ต้องเข้าครัวทำอาหารอีกครั้งทั้งที่เหนื่อยมากไม่ต่างจากคนอื่น
กว่าจะได้รับอนุญาตให้พักก็หลังจากเก็บถ้วยชามไปล้าง
เพียงไม่กี่วันนางก็รู้ซึ่งถึงความเหลื่อมล้ำอย่างมากของบ้านหลังนี้
ลูกมีสี่คน ชายสองหญิงสอง กับคนวัยกลางคนสองคน ทว่างานกับไม่ถูกเฉลี่ยให้ทั้งหกคนเท่ากัน มีเพียงจื่อหรานที่ทำงานหนักกว่าคนอื่น
บุตรชายสองคนทำงานในไร่อย่างเดียว บุตรสาวคนเล็กก็ทำงานในไร่แต่จำนวนงานของนางน้อยกว่าของคนอื่นอยู่มาก สาเหตุเพราะจิ้นจูไม่ต้องการให้บุตรสาวทำงานหนักมากเกินไป นางกลัวผิวพรรณจื่อลี่ไม่งดงาม มือด้าน ?
จื่อหรานค้นเจอสาเหตุนี้ในความทรงจำถึงกับหน้าแห้ง นางก็เป็นสตรีเหมือนจื่อลี่ไม่ใช่หรือยังไง งานที่นางทำจะมากกว่าจื่อลี่ก็ช่างเถิด อย่างไรอายุอีกฝ่ายก็ไม่เท่าใด แต่เหตุใดงานที่ทำถึงได้หนักกว่าน้องชายทั้งสองคน
ส่วนนี้ต่างหากที่ทำให้จื่อหรานงงกับตักกะของพวกเขา
รักลูกไม่เท่ากันยังพอทำเนา แต่ถึงกับลำเอียงอย่างเห็นได้ชัดทำเอาจื่อหรานพูดไม่ออกจริง ๆ
ทำเอาจื่อหรานอดสงสัยไม่ได้ว่า จื่อหรานคนก่อนทนการถูกเอารัดเอาเปรียบเช่นนี้ได้อย่างไร หรือเพราะคำว่าครอบครัวและกตัญญูค้ำคอนางถึงได้เก็บปากเงียบยอมทำตามทุกอย่างที่พวกเขาสั่ง ?
แต่ถึงจะโง่ขนาดไหนก็ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองถูกเอาเปรียบขนาดนี้ไม่ใช่หรือยังไง
“จะรักใครก็ให้มีขอบเขตบ้างเถอะไม่ใช่รักจนลืมมองความเป็นจริง”หญิงสาวพึมพำ มือหนึ่งตักอาหารเทลงไปในราง มือหนึ่งถือถังอาหารหมู นัยน์ตาหงุดหงิดเหลือบมองหมูเกือบสิบตัวก้มหน้ากินอาหารสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน
“พวกแกเนี่ยสบายจังเลยนะ ตื่นเช้ามาก็มีคนยกอาหารมาเสิร์ฟถึงที่ ดูฉันสิทำงานงก ๆ แทบไม่ได้พัก”
ถึงจะไม่เกี่ยงเรื่องงานหนักแต่งานจะหนักเกินไปไหม ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าของร่างป่วยบ่อย เล่นทำงานหนักเกินกว่าสารอาหารที่ได้กินแต่ละวัน ไม่ว่าจะแข็งแรงขนาดไหนคงไม่พ้นป่วยเข้าสักวัน
หลังให้ทำงานในส่วนช่วงเช้าหมดแล้ว หญิงสาวก็เดินไปไล่ไก่เข้าทุ่งเหมือนทุกวัน ก่อนจะทำในสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม
หลังต้อนไก่ลงทุ่งหญิงสาวไม่ได้หันหน้าเข้าไร่ แต่หันมาจัดแจงเสื้อผ้าให้ดูดีมากที่สุดแล้วเดินออกจากบ้าน ใช้ความทรงจำของเจ้าของร่างเดินไปยังทางเข้าหมู่บ้านเพื่อเดินทางเข้าเมือง
“จื่อหรานเจ้าคิดจะไปที่ใดไม่ใช่ว่าเวลานี้เจ้าต้องไปช่วยงานในไร่หรือ ?”
เพื่อนบ้านที่นางจำหน้าไม่ค่อยได้เอ่ยถาม
“พอดีท่านแม่ใช้ให้ข้าเข้าเมืองจึงไม่ได้เข้าไปช่วยงานในไร่เจ้าค่ะ”
“แม่เจ้าใช้เจ้าเข้าไปในเมือง ? เป็นไปได้ด้วยหรือ ปกติข้าเห็นแม่เจ้าเข้าไปในเมืองกับน้องสาวเจ้าสองคน”หญิงแต่งงานแล้วมีสีหน้าประหลาดใจ
คนถูกสงสัยรีบเอ่ยตัดบทออกไปว่า“ท่านน้าข้าต้องขอตัวก่อนแล้ว เกิดกลับบ้านช้าท่านแม่จะโกรธเอา”
นางมองจื่อหรานก่อนพยักหน้าเข้าใจ ด้วยนิสัยจิ้นจูคงไม่ยอมให้ลูกสาวภรรยาเก่าคนนี้สุขสบายมากนัก ที่บอกว่าให้รีบไปรีบกลับก็อาจจะจริง ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมให้เด็กคนนี้เข้าเมืองไปคนเดียว
จื่อหรานแสร้งยิ้มกว้างหันกลับมามองทาง ถอนหายใจโล่งอกมุ่งหน้าเข้าเมือง
ชักช้ากว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่ายังไงนางก็ต้องหาทางออกจากบ้านหลังนี้ให้ได้ !
ถึงจื่อหรานคนก่อนจะยอมให้พวกเขาเอาเปรียบ ทว่านางไม่ใช่ กับครอบครัวที่ไม่แม้แต่จะมีความรักความเห็นใจให้กัน สู้เดินออกมาจะดีกว่า
“จะเข้าเมืองสองอีแปะ”ชายชราเจ้าของรถเทียมลาเอ่ยหลังรู้ว่าจื่อหรานต้องการเข้าเมือง
หญิงสาวหยิบเงินสองอีแปะซึ่งได้จากการแอบขโมยเงินจิ้นจูส่งให้อีกฝ่าย ก้าวขึ้นรถเทียมลา รอให้คนอื่น ๆ ตามขึ้นมาจนครบจำนวนรถเทียมลาถึงออกเดินทาง
ระหว่างทางมีหลายคนหันมาสนใจจื่อหราน แต่คนถูกมองเลือกเมินทุกสายตา แสร้งมองออกไปนอกรถ
“เด็กคนนี้ออกจากบ้านคนเดียวเช่นนี้ได้ด้วยหรือ ? ไม่ใช่ว่าหนีออกจากบ้าน?”
“ใครจะไปรู้เล่า ปกติไม่ใช่ว่าเด็กคนนี้ไม่ค่อยพูดหรือ ? ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกแม่เลี้ยงเอาเปรียบมากขนาดนี้”
“นั้นสิ คนอะไรก็ไม่รู้ยอมให้เอาเปรียบมาตั้งหลายปี แถมยังไม่ค่อยพูดจาใช้ชีวิตอย่างกับคนไม่มีตัวตน”
“เช่นนั้นคงไม่ได้หนีออกจากบ้าน ไม่อย่างนั้นคงนำห่อผ้ามาด้วยไม่ใช่มาแต่ตัว”
“ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรให้หรือ ? เจ้าก็รู้ว่าจิ้นจูปฏิบัติต่อลูกสาวคนโตอย่างไร น้องคนอื่นมักได้ของสวย ๆ งาม ๆ มากมายแต่เด็กคนนี้กับไม่ได้อะไรเลย คิดไปแล้วก็สงสาร แต่ทำยังไงได้เรื่องบ้านคนอื่น ข้าไม่สะดวกใจจะเข้าไปยุ่ง”
รถเทียมลาเคลื่อนตัวไปช้า ๆ มุ่งหน้าสู่ในเมือง ระหว่างเดินทางจื่อหรานได้ยินชาวบ้านหันไปซุบซิบกันเสียงเบาทว่าได้ยินกันทั้งคันรถ ทำเอานางอยากหันกลับไปหาแล้วเอ่ยว่า
ไม่จำเป็นต้องกระซิบก็ได้ข้าได้ยินที่พวกท่านพูดทุกคำ
ทว่าหญิงสาวก็ได้แต่คิด ไม่ได้พูดออกไปจริง ๆ
ผ่านไปราวสองเค่อในที่สุดรถเทียมลาก็หยุดลงเสียที
จื่อหรานก้าวลงจากรถเทียมลาเป็นคนแรก สองขาก้าวยาว มุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่คึกคัก
สายตามุ่งมั่นกวาดตามองหาสถานที่เป้าหมาย ก่อนจะเหลือบไปเห็นป้ายประกาศขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
จื่อหรานก้าวเข้าไปใกล้ด้วยใจคาดหวัง และเมื่อสายตามองเห็นตัวอักษรหนักแน่น กวาดตาอ่านอักษรจีนตัวเต็มครบหนึ่งครั้งถึงได้มั่นใจ
มาถูกที่แล้ว
“ข้าต้องการสมัครด้วย”น้ำเสียงใสกระจ่างเอ่ยถามคนนั่งหน้าจวน อีกฝ่ายเหลือบตามองสีหน้าเฉยชา
“ลงข้อมูลตรงนี้ไม่มีการเขียนให้ ต้องเขียนเองทั้งหมด”
หญิงสาวไม่สนใจท่าทางดูถูกกลาย ๆ ของอีกฝ่าย ถึงอย่างไรสาเหตุหลักที่มาสมัครเพราะต้องการหลุดพ้นจากบ้านจื่ออยู่แล้ว แต่หากไม่สามารถหลุดพ้นได้อย่างน้อยก็ได้เงินไปตั้งตัว ถึงตอนนั้นจะทำยังไงต่อไว้คิดหาทางเอาทีหลังอีกที
เจ้าของมือหยาบกร้านหยิบพู่กันบนโต๊ะขึ้นมา ตวัดปลายพู่กันเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษ สิ่งที่ต้องเขียน มีชื่อ อายุ และที่อยู่อาศัย ท่าทางการตวัดพู่กันแสนลื่นไหลของนางทำชายตรงหน้าตาเบิกโพลงตกตะลึงเล็กน้อย
ไม่คิดว่าหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาจะสามารถเขียนตัวอักษรได้ และยิ่งสายตาเหลือบไปเห็นความแน่นหนักของตัวอักษร ยิ่งทำให้เขาตกใจมากกว่าเดิม
นี่ใช่ตัวอักษรที่หญิงสาวชาวบ้านธรรมดาเขียนขึ้นจริง ๆ หรือ ? ขนาดลูกหลานผู้มีดีฐานะ กระทั่งเหล่าขุนนางบางคนยังไม่สามารถสะท้อนความหนักแน่นเช่นนี้บนตัวอักษรออกมาได้
“เสร็จแล้ว ไม่ทราบว่าคนรับสมัครจะมีจดหมายไปส่งถึงบ้านหรือไม่ ?”
คนถูกถามมัวแต่เหม่อมองตัวอักษรงดงาม ไม่ได้ฟังว่าอีกฝ่ายพูดอะไร
จื่อหรานเลิกคิ้วมองเอ่ยขึ้นมาว่า
“เกี่ยวกับการรับสมัคร”
อีกฝ่ายถึงได้มีสติเข้าใจ ขยับปากเอ่ยอธิบาย ครั้งนี้สีหน้าเขาไม่ได้ดูถูกดูแคลนนางอีกแล้ว
ถึงจะเป็นคนธรรมดาแต่ก็เป็นคนมีความสามารถ อีกอย่างคนธรรมดาที่ไหนจะสามารถสะท้อนความเป็นตัวเองออกมาทางตัวอักษรได้ขนาดนี้
บางทีหญิงสาวตรงหน้าเขาอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่มากกว่าที่คิด
เขาคิดเองเออเองพลางอธิบายว่า
“หลังปิดรับสมัคร ทางจวนแม่ทัพจะส่งจดหมายเรียกสตรีทุกคนมายังจวน จากนั้นการคัดเลือกจะเริ่มขึ้น”
จื่อหรานพยักหน้าเข้าใจ
“ขอบใจท่านมาก ข้าขอตัวก่อน”
พูดจบก็หันหลังเดินออกมา ไม่ได้สนใจมองเข้าไปในจวน
จื่อหรานจึงไม่รู้ว่ามีคนสองคนกำลังให้ความสนใจในการกระทำของนางอยู่
ดูเหมือนพวกเขาจะพบสตรีผู้แตกต่างเข้าให้แล้ว
