บทที่ 5 — หมู่บ้านแห่งธารา และรอยเลือดในคืนจันทร์
แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดกระทบยอดไม้กลายเป็นสีทองส้มอ่อน ลำธารเล็กสายหนึ่งไหลผ่านโขดหินเบื้องหน้า น้ำใสสะอาดสะท้อนภาพท้องฟ้าไร้เมฆ
เบื้องหลังแม่น้ำสายเล็กนั้น มีหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ติดเชิงเขา เรียบง่ายแต่อบอุ่น
บ้านเรือนสร้างด้วยไม้ มีสวนผักหลังบ้าน และเสียงเด็ก ๆ วิ่งเล่นกันตามลานดิน
“หมู่บ้านแห่งธารา… มู่เหอ”
หลี่ชุนพึมพำเบา ๆ พร้อมดึงแผ่นไม้ที่ฤๅษีใบไม้ให้ไว้ขึ้นมาดูอีกครั้ง
อักษรโบราณที่สลักไว้บนไม้ชัดเจน แม้เวลาจะผ่านมาหลายวัน
เขาเดินข้ามสะพานไม้เล็ก ๆ เข้าไปยังตัวหมู่บ้าน
สายตาหลายคู่หันมองเขาอย่างสงสัย ด้วยชุดผ้าป่านสีซีดและกระเป๋าเก่า ๆ สะพายไหล่
แม้จะไม่มีท่าทางข่มขู่ แต่ใบหน้าของหลี่ชุนก็ดูไม่ใช่คนในท้องถิ่น
“เจ้าเป็นใคร?” ชายวัยกลางคนผู้ดูเหมือนหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถาม
หลี่ชุนโค้งคำนับอย่างสุภาพ
“ข้าชื่อหลี่ชุน… มาตามคำแนะนำของอาจารย์คนหนึ่ง”
“ข้าไม่ขออะไรมาก เพียงที่พักและโอกาสจะตอบแทนความเมตตา”
หัวหน้าหมู่บ้านนิ่งไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วตบบ่าหลี่ชุนเบา ๆ
“ถ้าเจ้ามีมือนี้…” เขามองฝ่ามือของหลี่ชุน “และมีใจแบบนั้น… เจ้าก็เป็นคนของหมู่บ้านเราแล้ว”
???? วันแรกของการพักพิง
หลี่ชุนได้ที่พักในกระท่อมไม้เล็ก ๆ ริมลำธาร ด้านหลังมีแปลงผักกับต้นไผ่ขึ้นเรียงราย
หญิงชราผู้ใจดีชื่อ “ป้านิ่ม” เป็นเจ้าของบ้าน และมีหลานสาวชื่อ “เสี่ยวฟาง” ที่คอยช่วยดูแล
หลี่ชุนช่วยงานหมู่บ้านทุกวัน ทั้งตัดไม้ แบกน้ำ ซ่อมรั้ว รวมถึงรักษาแผลให้สัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน
แม้ไม่มีปราณในแบบที่คนยุทธภพใช้ แต่ความสามารถในการควบคุมธรรมชาติเล็กน้อยกลับช่วยเขาได้มาก
เขาใช้เถาวัลย์พยุงรั้วที่พัง
เขาเรียกน้ำจากใต้ดินมารดพืชในวันที่ฝนแล้ง
เขาฟังเสียงแมลงใต้ดินเพื่อบอกว่าพื้นที่ไหนควรปลูก
ชื่อของ "หลี่ชุน" เริ่มเป็นที่กล่าวถึงในหมู่บ้าน
เด็ก ๆ วิ่งเล่นมาเรียกเขาว่า “พี่ชายผู้ฟังเสียงดิน”
หญิงชราหลายคนเริ่มเรียกเขาว่า “คนดีจากหุบเขา”
ทุกอย่างดูราวกับจะสงบสุข...
จนกระทั่งคืนจันทร์เต็มดวงมาถึง
???? คืนที่ไม่ควรมีผู้ใดตื่น
คืนหนึ่ง หลี่ชุนสะดุ้งตื่นจากเสียงบางอย่าง
เสียงแผ่วเบา คล้ายมีสิ่งหนักลากไปบนพื้น
เสียงที่ฟังเหมือนลมหายใจของสัตว์ป่าขนาดใหญ่
แต่กลับสอดแทรกด้วยเสียง “ครางเบา ๆ” ของมนุษย์
เขาค่อย ๆ เดินออกจากกระท่อม ลมเย็นปะทะใบหน้า
แสงจันทร์สาดลงบนพื้นดิน เงาต้นไผ่ทอดยาวราวกับมือที่กำลังคว้าอะไรสักอย่าง
ทันใดนั้น…
เขาเห็น คราบเลือด เป็นทางยาวที่นำไปสู่ป่าด้านหลังหมู่บ้าน
หลี่ชุนแตะพื้นด้วยมือ
เสียงเต้นของชีพจรในแผ่นดินรอบ ๆ สับสน ผิดจังหวะ
เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในธรรมชาติ… และธรรมชาติกำลังตื่นตระหนก
เขาวิ่งตามคราบเลือดไปยังป่าด้านหลัง
ผ่านลำธาร ข้ามรั้วไม้ จนไปถึงลานกว้างใต้ต้นไม้เก่าแก่
และที่นั่น เขาพบภาพที่ทำให้ใจเขาเย็นเฉียบ
???? รอยเลือด… และร่างที่นิ่งสนิท
เด็กหนุ่มในหมู่บ้านนอนจมกองเลือด
แขนขาบิดเบี้ยว ร่างมีรอยเล็บยาวข่วนเป็นทางยาว
แต่ไม่ใช่สัตว์ธรรมดาที่ทำเช่นนี้
เพราะบนพื้นมีสัญลักษณ์วงเวทแปลกประหลาดจารึกอยู่ด้วยเลือดสด
และตรงกลางนั้น… มีเศษกระดูกสีดำตั้งอยู่ ราวกับเป็นเสาหลักของพิธีต้องห้าม
“นี่ไม่ใช่ฝีมือสัตว์ป่าแน่…” หลี่ชุนพึมพำ
ขณะกำลังตรวจสอบเสียงกิ่งไม้หักก็ดังมาจากด้านหลัง
เงาร่างหนึ่งพุ่งเข้าใส่เขาด้วยความเร็วเหนือมนุษย์!
...
⚔️ เงาลึกลับจากอีกฟากหนึ่ง
หลี่ชุนกลิ้งหลบแทบไม่ทัน
ในมือเขาคว้ากิ่งไม้จากพื้นแล้วฟาดไปตามสัญชาตญาณ
พื้นดินใต้เท้าสั่นสะเทือน—และเขา “ปลุก” เถาวัลย์จากใต้ดินขึ้นทันที
รากไม้พุ่งขึ้นกั้นตรงหน้า เงาร่างนั้นถูกหยุดไว้ชั่วขณะ
เพียงพอให้แสงจันทร์สาดกระทบใบหน้า…
ชายผู้นั้นมีดวงตาสีแดงสด
ผิวหนังซีดขาวเหมือนศพ
ริมฝีปากเปื้อนเลือดสด
และในมือ… คือกระดูกของเด็กชายที่หายไป
“ข้า…หิว…”