ตอนที่ ๙ การตัดสินใจ 2
“ไม่ต้อง! ฉันพอรู้อยู่หรอกว่าคุณไม่ได้โกหก ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว” หญิงสาวไม่อยากได้ยินคำพูดเหล่านั้นอีก เธอปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนจะเดินตรงไปที่ริมหน้าต่าง หยุดยืนหันหลังให้เขา เหมือนต้องการคิดอะไรบางอย่างตามลำพัง
ธีโอยืนกอดอกมองร่างบางที่สวมชุดโชว์เนื้อหนังมังสาด้วยแววตากรุ้มกริ่ม จินตนาการไปพลางว่าหากสาวเจ้าไม่ได้สวมเสื้อผ้าติดกายเลยสักชิ้น ภาพที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าคงไม่ต่างจากรูปปั้นเทพธิดาที่งดงามเกินบรรยาย
นี่ถ้าเธอตกปากรับข้อเสนอของเขา เขาคงดีใจจนเนื้อเต้น ซึ่งลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าความรู้สึกพวกนี้เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อไร มันนานมาแล้วที่คนอย่างธีโอโดโร วาอิมเบิร์ก ไม่เคยยินดียินร้ายต่อสิ่งใด โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่รักเงินและอำนาจของเขามากกว่าสิ่งอื่น ถึงแม้จะพลอยญาวีอาจจะไม่ได้จัดอยู่ในประเภทนั้นก็ตาม
“นั่นคุณมองอะไร” หญิงสาวหันมาเห็นอีกฝ่ายกำลังจ้องเธอตาวาววับ
“มองความสวยของคุณไง” คนพูดตรงกระตุกยิ้ม
“เสียมารยาท!”
“ไม่หรอก ในเมื่ออีกไม่นานนี้คุณก็จะเป็นผู้หญิงของผมแล้ว”
“ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงอะไรเลยนะ” เธอสวนทันควัน
“เพราะผมรู้ไงว่าคุณจะตกลงแน่ คุณได้ใช้หนี้และได้เอาคืนคนรักเก่า คุ้มเกินคุ้มเชียวนะ”
“มันก็ไม่แน่หรอก บางทีฉันอาจจะหวงศักดิ์ศรีของตัวเองมากกว่าสิ่งที่จะได้รับก็ได้”
“อย่างที่บอกว่าผมไม่ได้ทำให้คุณเสียศักดิ์ศรี คิดให้ดีนะคุณผู้หญิง ถ้าคุณตกลง มันก็เท่ากับว่าคุณเป็นผู้ชนะไอ้สารเลวนั่นทุกอย่าง แต่ถ้าปฏิเสธ นอกจากต้องลำบากแล้ว คนรอบข้างคุณก็จะเดือดร้อนด้วย” ธีโอยังใช้ไม้นี้เสมอ
“เลิกพูดได้แล้ว ฉันฟังบ่อยจนท่องจำได้แล้ว!” พลอยญาวีฉุนเฉียวเหลือเกิน
“ผมก็เบื่อที่จะพูดแล้วเหมือนกัน เอาล่ะ...รีบอาบน้ำแล้วลงไปที่ห้องอาหาร ผมมีเวลาให้คุณสิบห้านาทีเท่านั้น ส่วนเรื่องคำตอบ ผมจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเราเดินทางไปถึงที่บ้านอิศรเดชาแล้ว คงรู้นะว่าถ้าคำตอบคือไม่ คุณจะได้เห็นอะไรที่นั่น”
ธีโอคิดว่าตัวเองเสียเวลาตะล่อมเหยื่อสาวแสนสวยคนนี้มานานมากพอแล้ว ฉะนั้นเขาจึงเอ่ยตัดบท แล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนอนทันที
พลอยญาวีถอนหายใจ ขณะมองตามร่างสูงผึ่งผายที่เดินออกไปจนสุดสายตา เธอควรตัดสินใจอย่างไรดี อีกไม่นานก็ต้องให้คำตอบกับเขาแล้ว เธอคิดไม่ออกว่าควรใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ แต่หากให้ถามหัวใจตัวเอง เธอคิดว่ามันคงดีเหมือนกัน หากจะได้ทำให้ศศินรู้ว่าเธอไม่ใช่นกปีกหักที่ไม่มีใครสนใจอย่างที่เขาตราหน้าไว้
โมนิก้าคอยบริการเจ้านายของเธอและพลอยญาวีด้วยความเอาใจใส่ เช้านี้ฟรานไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารด้วย เพราะธีโอมีคำสั่งให้ชายหนุ่มล่วงหน้าไปที่บ้านอิศรเดชาก่อน เหตุผลก็ไม่ได้มีอะไรเป็นสลักสำคัญ ธีโอเพียงแค่ต้องการให้พลอยญาวีตื่นตกใจ และคิดไปเองว่าเขาส่งคนไปรอที่นั่นเพื่อเตรียมจัดการตามที่พูด หากเธอให้คำตอบที่เขาไม่อยากได้ยิน
“ฉันอิ่มแล้วค่ะ จะไปกันเลยไหม” เจ้าของร่างบางเอ่ยหลังจากรวบช้อน และดื่มน้ำเรียบร้อยแล้ว
เช้านี้เธอสวมชุดเดรสแขนกุดสีครีมสวย ขับผิวผ่องให้ดูเนียนนุ่มราวไข่มุกล้ำค่า ผมยาวสลวยที่ดำสนิทถูกรวบขึ้นเป็นพวงหางม้า และถึงแม้จะไม่ได้แต่งหน้าเลย แต่เธอก็สวยใสจนหัวใจสุภาพบรุษในที่นี่เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ รวมทั้งธีโอก็ด้วย
“คุณทานไปแค่ราวๆ สามช้อนโต๊ะเอง ทานเข้าไปอีก” เสียงทรงอำนาจสั่งขึ้น พยายามไม่มองหน้าอีกฝ่ายให้มากนัก เพราะกลัวจะยิ่งสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป
“คุณบังคับคนที่อิ่มให้ทานอาหารเพิ่มไม่ได้หรอกค่ะ เพราะถ้าฉันอาเจียนขึ้นมา คุณคงหมดอารมณ์ทานต่อแน่” หญิงสาวเน้นหนักที่คำว่า ‘อาเจียน’
“แต่ถ้าผมสั่ง คุณต้องทำ...ทานให้หมดจานเดี๋ยวนี้” ธีโอยังไม่ล้มเลิกความต้องการเดิม พลอยญาวีชักสีหน้าหงุดหงิดใส่เขา แต่เมื่อเห็นดวงตาสีสวยจริงจังจนน่ากลัว เธอก็จำเป็นต้องจัดการกับข้าวผัดกุ้งตรงหน้าให้หมด แม้จะฝืนกล้ำกลืนแทบไม่ลงก็ตาม
ธีโอรับประทานอาหารในส่วนของเขาไปเงียบๆ โมนิก้ายืนอยู่ทางด้านหลังไม่ห่างมากนัก เพื่อคอยรับใช้หากเขาและพลอยญาวีต้องการอะไรเพิ่มเติม เวลาผ่านไปชั่วอึดใจเดียว อาหารมื้อเช้าที่แสนอึดอัดก็จบสิ้นลง
“ฉันกับพรรคพวกส่วนหนึ่งจะไปที่บ้านอิศรเดชาเพื่อเคลียร์ธุระสำคัญให้จบ เธอกับพวกที่เหลือรออยู่ที่เซฟเฮาส์นี่แหละ ถ้ามีอะไรด่วน ฉันจะโทรตามเอง” ธีโอหันไปบอกบอดี้การ์ดสาว
“รับทราบค่ะ” โมนิก้ารับคำแข็งขัน
“ส่วนคุณคงพร้อมแล้วใช่ไหม” คราวนี้หนุ่มหล่อหันไปถามคนสวยที่นั่งหน้าบึ้งอยู่
“พร้อมจนไม่รู้จะพร้อมยังไงแล้ว คุณอย่าชักช้าได้ไหม ฉันอยากกลับบ้าน”
“เท่าที่รู้เนี่ย คุณหนีออกจากบ้านมาแค่สองคืนเองนะ ทำไมถึงอยากกลับไปขนาดนั้น”
“เพราะว่าฉันอยากกลับไปหานมรุ่งน่ะสิ ฉันคิดถึงแม่นมของฉัน” แววตาของพลอยญาวีดูสลดลง เมื่อเอ่ยถึงหญิงชราที่เคารพรักดั่งญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“อย่าทำหน้าตาดราม่าไปหน่อยเลย ถ้าพร้อมแล้วก็ตามผมมา” ธีโอตัดบท ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ ก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องอาหาร เขาหยุดพูดอะไรบางอย่างด้วยภาษาสเปนกับคนของเขา และหันมาบอกกับโมนิก้าที่เดินตามมาส่งด้วยอีกคน จากนั้นก็เดินลิ่วออกไปหารถเบนซ์สีน้ำเงินสวยที่จอดคอยอยู่ข้างนอก ไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำว่าคนตัวเล็กจะตามมาทันหรือไม่
พลอยญาวีไม่ได้เดินตามธีโอออกไปในทันที เธอหยุดเดินและหันมาเผชิญหน้ากับโมนิก้าที่อยู่ข้างหลัง อีกฝ่ายยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่คนที่กำลังจะถูกริดรอนอิสรภาพนั้นฝืนยิ้มก็ยังแทบไม่สำเร็จ โมนิก้าเข้าใจความรู้สึกนั้นดี ถึงจะรู้จักธีโอได้ไม่นาน แต่โมนิก้าก็เชื่อว่าเขาเป็นคนดี และทำอะไรจะต้องมีเหตุผลประกอบเสมอ
“ฉันอยากรู้ว่าเมื่อกี้เขาสั่งอะไรคุณ ฉันพอรู้นะคะว่านั่นคือภาษาสเปน แต่ฉันไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร มันเกี่ยวกับเรื่องที่จะฆ่าใครเพื่อใช้หนี้หรือเปล่า เขาบอกคุณอย่างนั้นใช่ไหมคะ” หญิงสาวเพียงแค่กลัวว่าเขาจะคิดไม่ซื่อ และทำร้ายนมรุ่งกับชาติชาย
“คุณธีโอโดโรแค่สั่งให้ฉันกับคนอื่นๆ ดูแลที่นี่ให้ดี ถ้ามีอะไรผิดปกติให้รีบรายงานเท่านั้นเองค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรอย่างที่คุณสงสัยหรอก ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ พวกเราไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณเข้าใจหรอก”
โมนิก้าชี้แจงด้วยความน่าเชื่อถือ รู้สึกอึดอัดเหมือนกันที่ทำตัวตามสบายไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน แต่ก็นั่นแหละ บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่เสียที
“เขา...คุณธีโอโดโรงั้นเหรอคะ?” นับเป็นครั้งแรกที่พลอยญาวีได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผู้ชายหน้าหล่อแต่ตาสวยคนนั้น
“อยากทราบอะไรมากกว่านี้คงต้องให้เจ้าตัวชี้แจงแล้วล่ะค่ะ มันไม่ใช่หน้าที่ของฉัน”
“แต่ว่า...”
“ทางที่ดีรีบไปดีกว่านะคะ อย่าทำให้เขาต้องรอนานเลยค่ะ” โมนิก้ารีบท้วง เพราะรู้มาจากฟรานว่าธีโอเป็นคนที่เกลียดการรอคอยมากที่สุด
พลอยญาวีพยักหน้ารับแทนคำตอบ ก่อนจะรีบเดินออกไปสมทบกับธีโอ โมนิก้าเดาผิดเสียที่ไหน เมื่อมาถึงคนที่นั่งรออยู่ในรถก็หน้าเครียดไปแล้ว เขาตวัดสายตามองพลอยญาวีอย่างขุ่นเคือง ยิ่งเห็นเธอเปิดประตูเข้าไปในรถอย่างอ้อยอิ่ง เขาก็ทำท่าทางฮึดฮัดเหมือนต้องการจะกระชากเธอให้เข้ามานั่งเสียโดยเร็ว
“มัวทำอะไรอยู่!” เขาตะคอก
“เรื่องของฉัน!” เธอเองก็ใช่ย่อย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องพูดจายียวนกวนประสาทกับใครมาก่อน ดูท่าพ่อหนุ่มชาวสเปนคนนี้จะกลายเป็นผู้โชคดีเสียแล้วกระมัง
“อย่ามาพูดจาแบบนี้กับผม!” น้ำเสียงถือดีประกาศชัดเจน ยกมือขึ้นกระชากต้นแขนคนตัวเล็กที่นั่งชิดริมประตูด้วยความไม่ไว้ใจ ให้ถลาเข้ามานั่งใกล้ขึ้น ซ้ำร้ายยังถือดีสอดมือไปโอบรอบเอวบางเอาไว้แน่น
“ปล่อยนะคุณ!” พลอยญาวีถลึงตาใส่เขา พยายามแกะมือที่รัดรอบอยู่บริเวณเอวให้หลุดออก
“นั่งเฉยๆ ถ้าไม่อยากให้มือผมไต่ต่ำลงไปอีก หรือไม่ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ” เขาพูดราวกับว่าภายในรถมีกันเพียงแค่สองคน และคนขับรถที่นั่งประจำตำแหน่งพลขับเป็นเสมือนอากาศธาตุ
“คุณ!” ประโยคที่ได้ยินทำหญิงสาวโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากบ่นพึมพำสาปส่งเข้าเป็นภาษาไทย หยุดดิ้นขัดขืน และรอคอยอย่างจดจ่อว่าเมื่อไรมือที่ยุ่มย่ามอยู่ตรงเอวจะถอยห่างออกไปเสียที ขณะเดียวกันสายตาเธอคอยมองตรงไปยังท้องถนนเบื้องหน้าอย่างรอคอย
ธีโอยิ้มพอใจที่สาวสวยยอมให้กอดเอาไว้ตามที่ต้องการ เขาแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังให้ความสนใจกับเธอเกินเหตุ และเขาไม่เคยคิดอยากจะรู้ด้วย ธีโอเป็นผู้ชายประเภทที่มักจะทำอะไรตามความพอใจของตัวเองเป็นหลัก เขาไม่ใช่คนที่จะมานั่งไตร่ตรองว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น มันเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใดหรือความรู้สึกใดกันแน่
“คุณคงยังไม่ลืมเรื่องที่เราพูดค้างกันไว้ใช่ไหม” จู่ๆ ธีโอก็ทวงถาม
“ฉันรู้ แต่ฉันจะไม่ตอบอะไรจนกว่าจะเห็นว่าคนที่บ้านฉันปลอดภัยดี” พลอยญาวีหันมาสบตากับเขา
“ผมก็ยังไม่ได้คิดจะถามสักหน่อย แค่เกริ่นนำไว้ก่อนก็เท่านั้น” แววตาคนพูดทำเอาหญิงสาวขนลุกชัน ตอนแรกเธอคิดว่าดวงตาสีเขียวอมฟ้าของเขาสวยงามมีเสน่ห์เหลือเกิน แต่หลังจากเห็นมันส่อแววอ่านไม่ออกบ่อยครั้ง เธอก็ชักเริ่มไม่ชอบใจขึ้นมาเสียแล้ว
พลอยญาวีแกะมือหนาออกจากเอวอีกครั้ง ก่อนจะขยับตัวไปนั่งชิดริมประตูตามเดิม คราวนี้ธีโอยอมปล่อยมือจากเธออย่างง่ายดาย เพราะเห็นว่ารถกำลังเลี้ยวเข้าสู่บ้านอิศรเดชาแล้ว หญิงสาวที่มัวแต่นั่งก้มหน้าหลบเขาไม่ทันได้สังเกตเห็นด้วยซ้ำ แต่เมื่อรถจอดสนิทลงที่ลานบริเวณมุขหน้าของบ้านหลังใหญ่ เธอก็เงยหน้าขึ้น
“นมรุ่ง!”สิ่งแรกที่ประจักษ์ชัดต่อสายตาคือภาพที่นมรุ่ง ชาติชาย และคนของผู้มีอิทธิพลหนุ่มยืนรอรับอยู่หน้าบ้าน พลอยญาวีชื่นใจเหลือเกินเมื่อเห็นว่าทุกคนยังปลอดภัยดี และรอยยิ้มที่ดูตื่นเต้นของนมรุ่งก็บอกชัดว่าคนพวกนี้คงไม่ได้สร้างความรำคาญใจอะไรให้นัก
“เดี๋ยว!” ธีโอคว้าข้อมือเล็กไว้ทัน ก่อนที่เธอจะเปิดประตูลงไป
“อะไรของคุณอีก”
“คุณต้องให้คำตอบกับผมก่อน อย่าลืมสิ” ธีโอทวงหาคำตอบที่เขาเฝ้ารออย่างจดจ่อ
“ฉัน...” พลอยญาวีอึกอัก รู้ดีว่าเวลาของเธอหมดลงแล้ว เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะขอเลื่อนเวลาให้คำตอบนี้ออกไป เพราะชายหนุ่มเผด็จการเหลือเกิน
นี่ถ้าเธอปฏิเสธ คนของเขาที่ยืนประกบทั้งนมรุ่งและชาติชายอยู่คงจัดการสิ่งที่ไม่คาดคิดต่อหน้าเธอ แต่ถ้าเธอตอบตกลง ทุกคนจะปลอดภัย และแน่นอนว่าเธอเองก็จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เต็มๆ ในเมื่อส่วนได้มากกว่าส่วนเสีย เธอจะกลัวไปอีกทำไม
“ตกลงคุณจะเอายังไง ผมเกลียดนักเชียวพวกลีลาท่ามากเนี่ย!” ธีโอกระตุกข้อมือบางเสียเต็มแรง เพื่อกระตุ้นให้เธอรีบบอกคำตอบกับเขาเสียที
“ทำไมต้องรุนแรงด้วย มันเจ็บนะ! อีกอย่างคุณน่าจะรู้ดีนี่ว่าฉันไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว”
“นี่ถือเป็นคำตอบใช่ไหม” เขายิ้มเก๋ อารมณ์แปรเปลี่ยนจนหญิงสาวตามไม่ทัน
“ใช่! ฉันจะยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อใช้หนี้ แล้วก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวฉัน คุณได้ยินชัดแล้วหรือยัง พอใจแล้วใช่ไหมที่สุดท้ายฉันก็ต้องเป็นคนแพ้ในเกมของคุณ!” พลอยญาวีเกือบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เธอบิดข้อมือให้หลุดออกจากการเกาะกุม รีบเปิดประตูรถออก แล้ววิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของนมรุ่งทันที
“นม!”
“คุณหนู!” นมรุ่งอ้าแขนรับร่างบางด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจ นางร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แต่ยังนับว่าน้อยมาก หากเทียบกับคนในอ้อมกอด
พลอยญาวีสะอื้นอยู่กับอกนมรุ่ง เมื่อได้กลับมาที่บ้านอันคุ้นเคยและเห็นคนที่รักปลอดภัยดี หัวใจดวงน้อยก็รู้สึกอุ่นวาบ ความหวาดกลัวและสิ่งที่วิตกกังวลมาตลอดเริ่มลดน้อยลง มือที่เริ่มยับย่นขึ้นตามวัยลูบไล้ศีรษะเล็กด้วยความอ่อนโยน มันทำให้พลอยญาวีได้สติ และเริ่มหยุดร้องไห้เพื่อพบว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองเธออยู่ รวมทั้งผู้ชายจอมเผด็จการคนนั้นก็ด้วย
“นมสบายดีใช่ไหมคะ แล้วชาย...ชายไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม” หญิงสาวดูเหมือนคนหวาดกลัวจนขาดสติ นมรุ่งพอเดาออกว่าคนต้นเรื่องคงเป็นหนุ่มหล่อประหารที่กำลังเดินตามพลอยญาวีมา แววตาที่เยือกเย็นไร้ความรู้สึกทำให้นางหวั่นใจ แต่ไม่ได้อยู่ในสถานภาพที่ต่อรองอะไรได้เลย
“ผมกับคุณนมสบายดีครับคุณหนู แต่ว่า...ก็ประหลาดใจนิดหน่อยว่าทำไมคนพวกนี้ถึงมาที่นี่ได้” ชาติชายเป็นคนตอบคำถามนี้แทนนมรุ่ง
“คือว่า...”
“ถ้าพวกเขากำลังสงสัยว่าพวกของผมมาที่นี่ทำไม คุณก็บอกไปสิว่าผมคือเจ้าหนี้ของคุณ” เสียงทุ้มทรงอำนาจชี้แนะแนวทาง แต่กลับได้รับการตอบแทนเป็นสายตาขุ่นเคืองของหญิงสาว
“ไม่ต้องย้ำนักจะได้ไหม! ฉันรู้ดีว่าต้องจัดการยังไง”
“ถ้าคุณตวาดใส่ผมอีกแม้แต่ครั้งเดียว สาบานได้เลยว่าผมจะจูบคุณต่อหน้าทุกคนทันที”
ธีโอเค้นเสียงลอดผ่านไรฟัน แต่สีหน้ายิ้มแย้มผิดวิสัย เพียงเพราะไม่ต้องการให้หญิงชราจับสังเกตได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่สู้จะดีนัก ถึงนางจะคิดไปก่อนแล้วก็ตาม
“เอ่อ คุณหนูคะ ตกลงว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกันคะ” นมรุ่งเห็นสองหนุ่มสาวเอาแต่ปล่อยรังสีอำมหิตใส่กันผ่านทางดวงตา ฉะนั้นในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่ นางจึงเอ่ยถามเสียให้มันรู้ชัดไปเลย
“เขา...เขาเป็น...เป็นเจ้าหนี้ของพลอยค่ะ ผู้ชายคนนี้แหละที่คุณพ่อติดหนี้อยู่ร่วมร้อยล้านบาท” คำตอบของหญิงสาวคราวลูกทำให้นมรุ่งแปลกใจเพียงเล็กน้อย หลังจากนั้นนางก็ยิ้มให้ธีโออย่างเป็นมิตร ชายหนุ่มยิ้มตอบเพียงเล็กน้อยตามมารยาท ก่อนจะพนมมือขึ้นระดับอก แล้วค้อมตัวลงไหว้ทำความเคารพในแบบของชาวไทย
“สวัสดีครับ”
