บทย่อ
“ฉันขอเวลาอีกหน่อยนะคะ...ได้โปรดเถอะ” หญิงสาวอ้อนวอนน่าสงสาร “ผมบอกแล้วว่าไม่! มานี่ ผมไม่ชอบวิ่งไล่จับนักหรอกนะ” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม “ไม่...ฉันยังไม่พร้อม!” “ก็ได้! คุณคงชอบอะไรที่มันตื่นเต้นสินะ” ธีโอยิ้มเจ้าเล่ห์ ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพื่อหยั่งเชิงอีกฝ่าย ทันทีที่เขาตั้งใจจะวิ่งขึ้นเตียงไปคว้าตัวเธอไว้ เธอก็กรีดร้องเสียงดังและรีบวิ่งไปอีกทาง ตั้งใจจะมุ่งหน้าไปที่ประตูห้อง แต่นั่นเป็นกลลวงของธีโอ เพราะจู่ๆ เขาก็เปลี่ยนใจไม่ใช้เตียงเป็นทางผ่าน แต่เคลื่อนตัวด้วยความรวดเร็วมาคว้าเอวบางของคนที่กำลังคิดหนีเอาไว้ได้ทัน “ปล่อยนะ!” พลอยญาวีดิ้นรนเต็มกำลัง แต่มือหนาที่รัดรอบเอวแน่น แล้วดึงตัวเธอเข้าไปแนบชิดทำให้ยากต่อการหลบหลีก ลมหายใจที่เป่ารดอยู่ตรงข้างใบหูเล็กทำให้ร่างทั้งร่างสั่นหนักขึ้น ฉับพลันดวงตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้น เมื่อจู่ๆ ริมฝีปากได้รูปก็แนบลงบนฐานไหล่อย่างแผ่วเบา “คุณหนีผมไม่พ้นหรอก” เสียงที่เคยทุ้มลึกฟังดูแหบพร่า “อย่า...ว้าย!” เธอกำลังจะห้าม แต่เขากลับลดแขนข้างหนึ่งลงสอดใต้เข่า อุ้มร่างบอบบางลอยละลิ่วขึ้น และพากลับไปวางลงบนเตียงอีกครั้ง คราวนี้เธอหมดหนทางเอาตัวรอดอย่างแท้จริง เพราะถูกสองขากำยำของเขากักกันคร่อมทับเอาไว้
ตอนที่ ๑ ก้าวแรกของการสูญเสีย
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของผู้คนมากมาย ส่งผลให้บรรยากาศภายในบริเวณวัดดูหดหู่เศร้าหมองยิ่งขึ้น ตอนนี้สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาบ้างแล้ว ทุกคนจึงรีบพากันต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ และเดินขึ้นเมรุไปวางดอกไม้จันทน์เพื่อร่วมไว้อาลัยให้กับ ‘บุรินทร์ อิศรเดชา’ อดีตนักธุรกิจผู้ร่ำรวยมหาศาลเป็นครั้งสุดท้าย
พลอยญาวี...บุตรสาวเพียงคนเดียวของนายบุรินทร์ ยืนสงบนิ่งอยู่ตรงทางขึ้นบันไดเพื่อคอยต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานศพ ดวงตากลมสวยแดงช้ำ เพราะนับตั้งแต่บิดาเสียชีวิตลง ไม่มีวันใดเลยที่เธอจะไม่ร้องไห้เสียใจ
หลังจากชันสูตรศพ แพทย์ก็ระบุชัดเจนว่าบุรินทร์เสียชีวิตลงเพราะอาการหัวใจล้มเหลว ซึ่งเกิดจากการที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ พลอยญาวีแทบใจสลายเมื่อรู้ข่าวนี้ และรีบทิ้งการเรียนกลับมาจัดการงานศพของบิดาทันที
ทุกคนที่บ้านอิศรเดชาบอกกับเธอว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ธุรกิจของบุรินทร์ประสบกับปัญหาใหญ่ เรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤตเลยทีเดียว เขาพยายามหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แต่มันก็ยังคงไร้ทางออก เมื่อไม่มีทางเลือกจึงต้องขายหุ้นบางส่วนทิ้งในราคาถูกและขาดทุนย่อยยับ เพื่อหาเงินทุนมาประคับประคองบริษัทอื่นในเครืออิศรเดชาไว้
บุรินทร์ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับพลอยญาวี เพราะไม่อยากให้เธอคิดมากจนเสียการเรียน แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ต้องจบลงอย่างไม่สวยงามนัก แม้ว่าเหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่เดือน หญิงสาวก็จะเรียนจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศอังกฤษ แต่ก็จำเป็นต้องทิ้งมันไป เพราะจากนี้เธอไม่ใช่ลูกสาวของมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศไทยอีกต่อไปแล้ว
พลอยญาวีเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น พยายามเลิกคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะนำดอกไม้จันทน์เดินขึ้นไปวางหน้าโลงศพของบิดาเกือบเป็นคนสุดท้าย น้ำตาเอ่อคลอขึ้นเต็มหน่วย ก่อนจะไหลรินรดพวงแก้มขาวซีดไม่ขาดสาย
“หลับให้สบายนะคะคุณพ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงพลอยนะคะ พลอยสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดี…พลอยรักคุณพ่อมากนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็วางดอกไม้จันทน์ลงตรงหน้า มือเล็กบอบบางเอื้อมไปแตะภาพของบิดาด้วยความอาวรณ์ และคงไม่รู้สึกแย่มากถึงเพียงนี้ หากมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันก่อนที่ท่านจะจากไป
พลอยญาวีก้าวลงบันไดไปทีละขั้น ขณะยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากพวงแก้ม ใบหน้าของเธอดูเฉยชาไร้ความรู้สึก ต่างจากหัวใจที่เจ็บปวดแสนสาหัสกับการจากไปของบิดา นับจากนี้ไปหญิงสาวคงต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง เพราะไม่ได้มีญาติมิตรที่ไหนคอยให้ความอุ่นใจอีกต่อไปแล้ว
นับจากมารดาเสียชีวิตไปเมื่อสิบปีก่อน บิดาของเธอก็แต่งงานใหม่มากถึงสี่ครั้ง ด้วยความร่ำรวยและดูภูมิฐานทั้งที่อายุมากแล้ว ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่เวียนกันเข้ามาในชีวิตของบุรินทร์ไม่มีหยุด พลอยญาวีเคยขอร้องให้บุรินทร์ลดความเจ้าชู้ลงบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยทำตามที่เธอร้องขอเลย จนกระทั่งภรรยาคนล่าสุดหนีหน้าหายไป เพราะรู้ว่าบุรินทร์กำลังจะสิ้นเนื้อประดาตัว
“มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้พลอย ฝนปรอยแบบนี้จะทำให้ไม่สบายได้นะ”
เสียงเรียกของ ศศิน ชยันต์วิชัย ทำให้พลอยญาวีหลุดจากความเหม่อลอย เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะสบตากับคู่หมั้นหนุ่มที่จากกันไปนานนับปี ตั้งแต่ที่บิดาส่งเธอไปเรียนปริญญาโทต่อที่ต่างประเทศ
“ทำไมมาเอาป่านนี้ล่ะคะ จวนจะถึงเวลาเผาอยู่แล้ว”
“เอ่อ ผม...ผมติดธุระด่วนก็เลยมาช้าหน่อย ขอโทษทีนะครับ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาชี้แจง
“ทำไมคุณถึงทำเหมือนไม่เคยเห็นพลอยอยู่ในสายตาเลย ตกลงว่าเราสองคนเป็นอะไรกันแน่คะศิน” พลอยญาวีถามถึงสถานภาพของเขาและเธออย่างไม่แน่ใจ
“เราสองคนก็เป็นคู่หมั้นกันน่ะสิพลอย คิดมากไปได้น่า ผมก็แค่ไม่ว่างเท่านั้นเอง”
“ไม่ว่าง?” เธอแค่นยิ้ม “พ่อของคู่หมั้นคุณเสียไปทั้งคน คุณยังให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นได้อีกเหรอคะ...คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าพลอยกำลังต้องการใครสักคน หรือคุณมีผู้หญิงซ่อนเอาไว้อีกเยอะ ก็เลยไม่รู้ว่าความโดดเดี่ยวมันเป็นยังไง” คำพูดต่อมาทำเอาศศินหน้าเสีย แต่ไหนแต่ไรมาพลอยญาวีพูดจาน่ารักเสมอ ต่างจากวันนี้ที่เหน็บแนมเขาอย่างเผ็ดร้อน
“หลีกไป พลอยไม่อยากพูดกับคุณแล้ว” เธอเอ่ยเมื่อเห็นเขานิ่งเงียบอยู่ตรงหน้า
“คุณคิดมากไปนะครับ ผมอาจจะเคยเจ้าชู้ แต่หลังจากที่ผมหมั้นกับคุณ ผมก็เลิกทำตัวแบบนั้นแล้วนะ อีกอย่างวันนี้ผมก็ไม่ได้ตั้งใจมาช้าด้วย ผมขอโทษนะพลอย” ชายหนุ่มยังไม่ยอมแพ้ เขายืนขวางหน้าพลอยญาวีเอาไว้ ไม่ยอมเปิดทางให้เธอได้เดินเลี่ยงไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ
“เวลาที่คุณทำผิด คุณก็มักจะแสดงความรับผิดชอบด้วยคำขอโทษเสมอ...คุณนอกใจพลอยหลายครั้งหลายหน แต่พลอยก็ทำเป็นโง่ ทำเป็นหูหนวกตาบอด เพราะพลอยคิดว่าคุณคงปรับปรุงตัวได้ แต่สุดท้ายคุณก็ยังทำมันอีก!”
“นี่คุณพูดเรื่องอะไรกันน่ะพลอย ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลย” ศศินขมวดคิ้ว แววตาดูมีพิรุธ
“คุณมาที่งานศพคุณพ่อพลอยแค่สองวันแรก แล้วหายหน้าไปอีกหลายวัน ไม่เคยโทรหาพลอย ไม่เคยไปหาพลอยที่บ้าน คุณอ้างแต่เรื่องธุระบ้าบอของคุณมาตลอด! แต่ขอโทษนะศิน บังเอิญว่าพลอยไม่ได้โง่นัก พลอยรู้มาตั้งนานแล้วว่าคุณมีคนอื่น!”
เธอตะคอกเสียงดัง ไม่สนใจผู้คนรอบข้างที่พากันมองมาอย่างสนอกสนใจ
“คุณบ้าไปแล้วนะพลอย! ผมไม่มีใครทั้งนั้นแหละ คุณไปฟังใครมาอีกฮะ!” ท่าทางของคนทำผิดไม่ได้สลดลงเลย
“ถ้าอยากรู้ว่าใครบอกพลอย ก็เชิญไปถามเอากับผู้หญิงของคุณเถอะ...แล้วฝากบอกเธอด้วยนะว่าอย่าโทรมารบกวนพลอยอีก” หญิงสาวระบายความอัดอั้นตันใจออกมาจนหมด และไม่สนใจอีกว่าชายหนุ่มจะรั้งเธอไว้ด้วยวิธีใด
พลอยญาวีผลักอกกว้างเต็มแรงจนเจ้าตัวเซถลาเล็กน้อย ศศินไม่กล้ากวนใจเธออีก จึงทำได้แค่เพียงมองตามร่างบางที่เดินเข้าไปในเต็นท์ผ้าใบกับแขกคนอื่นๆ เพื่อหลบละอองฝน เมื่อนาฬิกาบนข้อมือเธอบอกเวลาเกือบบ่ายสี่โมง เสียงพลุปลงก็ดังสนั่นขึ้นอีกระลอกหนึ่ง หญิงสาวหลับตาลง นึกถึงบิดาเป็นครั้งสุดท้าย
‘อโหสิกรรมให้กับทุกสิ่งที่พลอยเคยทำด้วยนะคะคุณพ่อ ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว พลอยสัญญาว่าจะอยู่ต่อไปให้ได้ พลอยจะเข้มแข็งกว่านี้ เพราะฉะนั้นคุณพ่อหลับให้สบายเถอะนะคะ’
พลอยญาวีลืมตาขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เธอแหงนหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าสีหม่น หยาดน้ำตาไหลรินผ่านทางหางตา เมื่อเห็นควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากปล่องเมรุ ม้วนตัวเป็นเกลียวบางเบา แล้วจางหายไปกับสายลมในที่สุด
ในตอนสายของวันพรุ่งนี้ เธอต้องมาที่วัดอีกครั้งเพื่อจัดการกับเถ้ากระดูก หลังจากนั้นก็ต้องคิดหาทางออกให้กับตัวเอง เงินเก็บก้อนสุดท้ายที่มีอยู่คงช่วยให้เธออยู่ได้อย่างไม่ขัดสนสักระยะหนึ่ง แน่นอนว่าเธอจะต้องหางานทำ เพื่อไม่ให้เงินทองร่อยหรอลงโดยเปล่าประโยชน์
ชาติชายเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่บ้านอิศรเดชาเรียบร้อยแล้ว แต่พลอยญาวียังเอาแต่นั่งนิ่ง ครุ่นคิดถึงเรื่องต่างๆ นานาตามประสาของคนที่ยังปลงไม่ตก และยังคงเศร้าเสียใจกับการจากไปอย่างกะทันหันของบุคคลอันเป็นที่รัก
“เอ่อ คุณหนูครับ คุณหนูไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” ชาติชายร้องเรียกเบาๆ ให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว
“ฉันไม่เป็นไรจ้ะ” หญิงสาวหันมาตอบ ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นพาดไหล่แล้วก้าวลงจากรถ
‘นมรุ่ง’ พาร่างท้วมเดินตรงเข้ามาหาพลอยญาวี ใบหน้าที่แลดูยับย่นขึ้นตามวัยยังเต็มไปด้วยคราบน้ำตา นางโผเข้ากอดหญิงสาวแน่น ทั้งรู้สึกสงสารและเห็นใจเธอยิ่งนักที่ต้องมาสูญเสียบิดาไปโดยไม่คาดคิด อีกทั้งยังต้องพบเจอกับความยากลำบากในอนาคตอีกมากมาย
“คุณหนูขา...ฮือๆๆ คุณหนูของนมช่างน่าสงสารอะไรแบบนี้ นมใจจะขาดอยู่แล้วนะคะ” นมรุ่งร้องไห้คร่ำครวญจนหญิงสาวเริ่มน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาอีกหน
“พลอยไม่เป็นไรหรอกค่ะนม อีกไม่นานพลอยคงทำใจได้ นมอย่าร้องไห้เลยนะคะ พลอยเหลือนมแค่คนเดียวแล้วนะ” พลอยญาวีลูบไหล่ลูบหลังนมรุ่งอย่างปลอบประโลม
“ฮือๆๆ นี่ถ้านมไม่เป็นลมก็คงได้ไปเผาคุณท่านแล้ว นมนี่แย่จริงๆ เลยนะคะ นมมันไม่เอาไหน เลี้ยงคุณท่านมาตั้งแต่แบเบาะ แต่กลับปล่อยให้เธอมาจากนมไปก่อน”
“อย่าพูดแบบนี้สิคะนม ถ้าคุณพ่อรู้อาจจะไม่สบายใจได้นะ อีกอย่างเรื่องที่นมไม่ได้ไปงานวันนี้ก็ช่างมันเถอะค่ะ แต่ถ้านมอยากไปเก็บเถ้ากระดูกคุณพ่อ พรุ่งนี้พลอยจะพาไปนะคะ แล้ววันมะรืนเราค่อยไปโปรยอัฐิกัน”
“จริงเหรอคะคุณหนู คุณหนูจะพานมไปจริงๆ นะคะ” นมรุ่งยอมผละออกจากอ้อมกอดหญิงสาวเป็นครั้งแรก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวัง เพราะที่ผ่านมามักจะถูกขอร้องให้พักผ่อนอยู่ที่บ้านเสมอ
“จริงสิคะ แต่ตอนนี้นมต้องเลิกร้องไห้ แล้วไปพักผ่อนก่อนนะ เราต้องเก็บแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้นะคะนม” พลอยญาวีบอกพร้อมเช็ดน้ำตาให้นมรุ่ง หญิงชราวัยเจ็บสิบปีพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ด้วยกลัวว่าคุณหนูคนสวยจะเปลี่ยนใจเรื่องกำหนดการในวันพรุ่งนี้
เมื่อชาติชายขอตัวนำรถไปจอดที่ลานจอดรถ สองสาวต่างวัยจึงประคับประคองกันเข้าไปในบ้าน หลังจากส่งนมรุ่งจนถึงห้องนอน พลอยญาวีก็เดินเข้ามานั่งเอนกายอยู่ตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น ตอนนี้ภายในบ้านเงียบเหงามาก เพราะบรรดาคนรับใช้ที่เคยมีอยู่ถึงสี่คนพากันลาออกจนหมด เหลือเพียงชาติชายกับนมรุ่งเท่านั้นที่ไม่คิดจะทอดทิ้งหญิงสาวไว้ตามลำพัง
พลอยญาวีถอนหายใจ อีกไม่นานบ้านอิศรเดชาก็จะต้องกลายเป็นของคนอื่น นมรุ่งเล่าให้เธอฟังว่า บุรินทร์ขอกู้เงินจำนวนมากจากนักธุรกิจชาวต่างชาติ หวังจะใช้มันอุดรอยรั่วของบริษัทอิศรเดชา แต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าอีกเช่นเคย ฉะนั้นเมื่อเธอไม่สามารถหาเงินจำนวนหลายสิบล้านบาทมาใช้คืนให้ได้ บ้านหลังนี้จึงต้องกลายเป็นสิ่งที่ใช้ในการชดเชยหนี้สินบางส่วน
‘คุณท่านขายหุ้นของบริษัทอิศรเดชา ขายหุ้นบริษัทในเครือทั้งหมด ขายที่ดิน ขายทุกอย่างที่มีเพื่อใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้รายอื่นหมดแล้วล่ะค่ะ แต่กับนักธุรกิจชาวต่างชาติที่กู้เงินมาเกือบร้อยล้านเนี่ย นมยังไม่รู้เหมือนกันว่า คุณท่านตกลงกับเขาไว้ยังไงบ้าง เพราะบ้านหลังนี้ก็มีราคาแค่ยี่สิบล้านบาทเท่านั้น คงใช้หนี้ได้ไม่หมดหรอกค่ะ’
เมื่อคำพูดของนมรุ่งผุดขึ้นในสมองอีกครั้ง พลอยญาวีก็ยิ่งเครียดหนัก ด้วยมันกำลังย้ำเตือนให้รู้ว่าเธอยังมีปัญหาใหญ่รออยู่ข้างหน้าอีกมากมาย
แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่เคยคิดจะโทษว่ามันเป็นความผิดของบิดา เพราะเรื่องแบบนี้ล้วนแล้วแต่อยู่เหนือความคาดหมาย และควบคุมได้ยากเหมือนเปลวไฟที่ลามเลียไปทั่วทุ่งหญ้า
“ถ้าพลอยขอเจรจาประนอมหนี้...เจ้าหนี้ของเราจะยอมหรือเปล่าคะคุณพ่อ” หญิงสาวเปรยขึ้นเสียงแผ่ว ราวกับกำลังกระซิบถามความเห็นจากบิดา หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้มด้วยความอดสู
เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านทำให้พลอยญาวีรีบเช็ดน้ำตา เธอยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเพื่อรอดูว่าใครมาทำอะไรที่นี่ แต่เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือศศิน ผู้ชายที่ไม่เคยใส่ใจไยดีเธอเลย ร่างบางระหงจึงผุดลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะเดินหนีขึ้นห้องไปเสีย
“เดี๋ยวก่อนพลอย!” ศศินคว้าข้อมือบางไว้ แล้วดึงให้หันกลับมาเผชิญหน้า “เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง”
“พลอยไม่มีอะไรจะพูด กลับไปเถอะค่ะ” เธอเอ่ยเสียงเนือย ตอนนี้เพลียจนแทบจะยืนหลับได้อยู่แล้ว
“ผมจะไม่ไปไหนจนกว่าคุณจะยอมฟังผม” ชายหนุ่มยืนยัน “คุยกันดีๆ นะพลอย ผมไม่สบายใจเลยที่เห็นคุณเป็นแบบนี้”
“เพิ่งมารู้สึกตัวเอาตอนนี้มันไม่สายไปหน่อยเหรอคะ”
“ผมขอโทษจริงๆ สำหรับเรื่องที่ผมไม่ได้ใส่ใจคุณเท่าที่ควร แต่ผมไม่ได้มีเจตนาทำให้คุณเสียใจนะ แล้วผมก็ไม่ได้มีผู้หญิงอื่นด้วย”
“คิดว่าพลอยจะเชื่อคำแก้ตัวของคุณเหรอ ยิ่งเห็นหน้าคุณพลอยก็ยิ่งรู้สึกแย่...ถ้าจะกรุณาก็ออกไปจากบ้านพลอยได้แล้ว!” พลอยญาวีออกปากไล่ด้วยความน้อยใจ แต่ลึกๆ แล้วเธอยังคงรักศศินอยู่
“ทำไมต้องไล่กันแบบนี้ด้วย! เราเป็นคู่หมั้นกันนะพลอย”
“ปล่อยนะ พลอยเจ็บ” พลอยญาวีร้องบอก เมื่อศศินบีบข้อมือเธอแรงขึ้นอีก “แล้วถ้าคุณคิดว่าการเป็นคู่หมั้นจะทำให้พลอยยอมโง่ต่อไป คุณคิดผิดนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็สะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเขาได้สำเร็จ เธอใช้มือขวารูดแหวนเพชรน้ำงามที่สวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายตลอดสองปีออกอย่างช้าๆ ก่อนจะยื่นมันคืนให้กับเจ้าของ
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง เห็นผมเป็นตัวตลกเหรอพลอย คิดจะหมั้นหรือคิดจะเลิกก็ได้งั้นเหรอ!” ศศินเดือดดาล แม้รู้ดีว่าพลอยญาวีไม่ได้ร่ำรวยมหาศาลอย่างเมื่อก่อนแล้ว แต่ความรักที่มีต่อเธอทำให้เขาเลือกที่จะมองข้ามมันไป ฉะนั้นเมื่อถูกคนรักแสดงอาการไร้เยื่อใยถึงเพียงนี้ เขาจึงพานโกรธขึ้นมา
“พลอยไม่เคยเห็นใครเป็นตัวตลกหรอกนะ มีแต่คุณนั่นแหละที่เห็นพลอยกับผู้หญิงทุกคนเป็นตัวตลก” เธอย้อน “เราสองคนจบกันแค่นี้ก็ดีอยู่แล้วนี่ คุณคงไม่ได้จริงจังกับผู้หญิงที่เหลือแต่ตัวหรอก”
“ผมไม่ยอมหรอก” เขาหันหน้าไปทางอื่น ไม่ยอมรับแหวนคืนจากเธอ “สวมแหวนกลับไปซะ ถ้าคุณใจเย็นขึ้นเมื่อไรก็ค่อยคุยกัน”
“พลอยก็ไม่ยอมเหมือนกันค่ะ เพราะพลอยมั่นใจแล้วว่าต้องการแบบนี้ คุณกลับไปหาผู้หญิงของคุณเถอะ”
“บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้มีใคร! ทำไมถึงหาเรื่องกันนัก”
“ถึงตอนนี้แล้วยังจะมาปฏิเสธอีกเหรอคะ...คุณจะบอกว่าผู้หญิงต่างชาติที่โทรหาพลอยเป็นญาติห่างๆ ของคุณหรือไง ถ้าใช่จริงๆ เธอคงไม่ขอให้พลอยคืนคุณให้หรอก” พลอยญาวีจำน้ำเสียงหวานใสที่เอ่ยกับเธอด้วยภาษาอังกฤษสำนวนแปร่งหูได้อย่างชัดเจน ผู้หญิงคนนั้นพูดจากับเธอดีมาก และบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าตอนนี้กำลังอยู่กินกับศศินแบบลับๆ เพื่อรอวันเปิดตัวอย่างสมเกียรติ ฉะนั้นจึงอยากขอร้องให้พลอยญาวียอมปล่อยศศินไปเสีย อย่างน้อยก็ถือเสียว่าเห็นแก่ลูกในท้องที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของชายหนุ่ม ซึ่งตอนนี้พลอยญาวีก็กำลังทำตามคำขอร้องนั้นอยู่
“แล้วคุณยอมเชื่อง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอพลอย คุณไม่คิดจะถามผมเลยใช่ไหม” สีหน้าของศศินดูเคร่งเครียด
“ที่ผ่านมาคุณทำให้พลอยรู้แล้วว่าอะไรที่มันน่าเชื่อถือ หรือว่าไม่น่าเชื่อถือ คุณไม่เคยซื่อสัตย์กับพลอยเลย แล้วทำไมพลอยต้องถามความจริงกับคุณ ทั้งที่รู้ดีว่าคำตอบมันคือการโกหก” หญิงสาวน้ำตาคลอเต็มหน่วย ความเข้มแข็งที่พยายามสร้างขึ้นเริ่มพังทลายลงทีละน้อย
ศศินเสมองไปทางอื่น เม้มริมฝีปากแน่นเพื่อข่มกลั้นความขุ่นเคือง พลอยญาวีกำลังทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก เพราะความจริงแล้วเขาได้ซ่อนผู้หญิงอีกคนเอาไว้จริงๆ แต่ก็นั่นแหละ...เขาจะไม่ยอมให้เรื่องพวกนี้มาพรากพลอยญาวีไปจากเขาแน่
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกค้าคนสำคัญของผม” ชายหนุ่มเริ่มเรียบเรียงคำโกหกที่ฟังดูน่าเชื่อถือ “เธอสนใจผมมาก แต่ผมบอกเธอไปว่าผมมีคู่หมั้นแล้ว และผลจากความซื่อสัตย์ที่ผมพยายามมีต่อคุณก็คือการที่เธอจะไม่ยอมตกลงเรื่องธุรกิจกับผมอีก คุณพ่อไม่อยากพลาดลูกค้ารายนี้ไป ก็เลยขอให้ผมพยายามเอาใจเธอ”
พลอยญาวีนิ่งอึ้ง ตอนนี้ความรู้สึกของเธอตีรวนกันไปหมด คำพูดของศศินไม่ได้เหมือนทุกครั้งที่พยายามปิดบังเธอ แต่มันกลับดูน่าเชื่อถือเสียจนเธออดรู้สึกผิดไม่ได้ที่โวยวายใส่เขาไปอย่างไร้เหตุผล ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวไม่โต้ตอบอะไรจึงถือโอกาสเอ่ยต่อ
“เหตุผลที่ผมไม่ค่อยได้ช่วยเรื่องงานศพของคุณอา แล้วก็ไม่ได้อยู่ปลอบใจคุณก็เพราะเรื่องนี้แหละพลอย แต่ที่คุณบอกว่าผู้หญิงคนนั้นโทรหาคุณ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเธอแอบเอาเบอร์โทรศัพท์ของคุณมาจากไหน” ศศินเล่นละครได้แนบเนียนราวกับมืออาชีพ แล้วมีหรือที่ผู้หญิงหัวอ่อนอย่างพลอยญาวีจะไม่เชื่อเขา
“คุณ...พูดจริงๆ เหรอคะ”
“ผมรักคุณนะพลอย ผมไม่มีทางโกหกคุณหรอก ที่ผ่านมาผมอาจจะทำตัวไม่ดีไปบ้าง แต่หลังจากที่คุณบินไปเรียนที่ต่างประเทศ ผมก็รู้สึกได้เลยว่าผมรักและคิดถึงคุณมากแค่ไหน...มันมากจนผมไม่เคยคิดจะยุ่งเกี่ยวกับใครอีกเลยนะ” พูดจบ ศศินก็ดึงแหวนเพชรน้ำงามไปจากมือเธอ ก่อนจะบรรจงสวมมันลงตามเดิม การที่พลอยญาวีไม่ขัดข้องทำให้เขาใจชื้นขึ้นมาก
“คุณหายโกรธผมแล้วใช่ไหมพลอย”
“พลอย...พลอยขอโทษค่ะที่เอาแต่ต่อว่าคุณ พลอยก็แค่กลัวว่าจะต้องเสียคุณไป” พลอยญาวีน้ำตาไหลอาบแก้ม ก่อนจะโผเข้าสู่อ้อมกอดคู่หมั้นหนุ่มด้วยความโหยหา “คุณพ่อทิ้งพลอยไปคนหนึ่งแล้ว คุณอย่าทิ้งพลอยไปนะคะศิน”
“ไม่แน่นอนครับ ผมไม่มีทางทอดทิ้งคุณแน่” ครั้งนี้ศศินเอ่ยจากใจจริง ไม่มีบทบาทใดแอบแฝงอีก “ผมว่าคุณหยุดร้องไห้ดีกว่านะ ไหนดูซิ...ตาช้ำหมดแล้วหรือยัง” ชายหนุ่มคลายอ้อมกอด ประคองใบหน้ารูปไข่ของหญิงสาวไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“ที่รักของผมดูแย่จัง คุณควรพักผ่อนได้แล้วนะครับ”
“ดีเหมือนกันค่ะ ตอนนี้พลอยเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหวอยู่แล้ว”
“ถ้างั้นพลอยรีบขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะนะ ตอนนี้เพิ่งจะห้าโมงเย็น เอาไว้ตื่นมาตอนค่ำๆ ผมจะมารับไปทานข้าวนอกบ้าน” ศศินลูบไล้แก้มขาวซีดอย่างห่วงใย
“ถ้างั้นเดี๋ยวเราค่อยเจอกันนะคะ” พลอยญาวีเริ่มยิ้มออกบ้างเล็กน้อย
“โอเคครับ”
หนุ่มหล่อโน้มใบหน้าลงจุมพิตบนหน้าผากเนียน ยืนมองตามร่างบางที่เดินจากไปจนกระทั่งลับตา ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากจะทำตัวเป็นคนโกหกหลอกลวงนัก แต่เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องสูญเสียพลอยญาวีไป เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก
ที่ผ่านมาศศินอาจจะยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา และนอกใจหญิงสาวอยู่หลายครั้ง ทว่าในส่วนลึกของหัวใจนั้น เขาไม่เคยต้องการใครมากเท่ากับพลอยญาวี
ความสวย ความฉลาด และการรู้จักวางตัวให้เหมาะสมของเธอ ทำให้เขาหลงรักหมดหัวใจจนถึงขั้นขอหมั้นหมายด้วย หวังว่าในอนาคตคงได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
แม้ว่าตอนนี้พลอยญาวีจะไม่ใช่ทายาทร้อยล้านของตระกูลอิศรเดชาอีกต่อไปแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะศศินเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของ ศักดา ชยันต์วิชัย ผู้มีอิทธิพลกว้างขวางระดับแนวหน้าของเมืองไทยที่ไม่เคยมีใครกล้าลองดีด้วย ซ้ำยังร่ำรวยมหาศาล เขาไม่มีความจำเป็นต้องใส่ใจทรัพย์สินของเธอ มีเพียงตัวและหัวใจของเธอเท่านั้นที่ศศินต้องการ
ส่วนเรื่องผู้หญิงที่ศศินซ่อนเอาไว้เพื่อหาความสำราญนั้นก็ใช่ว่าจะตัดขาดได้ง่าย เพราะเธอเองก็มีคุณสมบัติดีพร้อมไม่จากต่างพลอยญาวีเลย หากเทียบกันในตอนนี้ ดูเหมือนเธอจะได้เปรียบคู่หมั้นของเขาไปเสียทุกอย่างเลยด้วยซ้ำ
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเธอคือได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ซ้ำยังไม่ได้เลิกรากับสามีให้ถูกต้องตามกฎหมายอีก และที่สำคัญคือเขาไม่ได้รักเธอเหมือนที่รักพลอยญาวี สิ่งที่เขารักมีเพียงผลประโยชน์ของเธอเท่านั้น
ถ้าสื่อต่างๆ และสังคมได้รู้ว่าผู้หญิงที่ศศินซ่อนเอาไว้เป็นใคร มันคงเกิดผลดีกับธุรกิจของเขามาก แต่ตอนนี้เขาจะไม่เปิดตัวเธอเด็ดขาด อย่างน้อยก็ต้องรอจนกว่าจะได้พลอยญาวีมาครอบครองในฐานะภรรยาเสียก่อน ส่วนผู้หญิงอีกคนจะอยู่ในฐานะอะไร ศศินจะเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง

