ตอนที่ ๘ ข้อเสนออัปยศ 2
“คะ?” หญิงสาวไม่เข้าใจ
“ผมไม่รู้หรอกว่าภาระหน้าที่ของคุณนักหนาแค่ไหน แต่ผมช่วยคุณได้ ผมมีเงินทองและอำนาจที่ใช้จนตายก็ไม่มีทางหมด ผมพอใจคุณ อยากให้คุณมาเป็นผู้หญิงของผม เพียงแค่คุณตอบตกลง คุณจะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ” คำพูดของธีโอทำให้พลอยญาวีรู้สึกหน้าชายิ่งกว่าถูกตบเสียอีก ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้ชายที่ดูดี มีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างเขาจะเอ่ยอะไรแบบนี้ออกมา เสียแรงที่เธออุตส่าห์ประทับใจตั้งแต่แรกพบ
“ฉันพูดชัดแล้วนะคะ ว่าฉันจะไม่ทำนอกเหนือหน้าที่”
“แต่ผมมีสิทธิ์เจรจาไม่ใช่เหรอ ผมก็แค่ยื่นข้อเสนอให้คุณ”
“ขอบคุณที่หวังดีนะคะ แต่ฉันขอปฏิเสธทุกข้อเสนอของคุณ ถึงจะจนแต่ฉันก็มีศักดิ์ศรี ฉันไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลกกับเศษเงินของใคร” พลอยญาวีผุดลุกขึ้นยืน มือเล็กกำเข้าหากันแน่นอย่างข่มอารมณ์ พยายามท่องเอาไว้ว่าเขาคือลูกค้าคนสำคัญของที่นี่ หากทำอะไรวู่วามไป เธอต้องตกงานแน่
“ไอ้เศษเงินที่คุณว่าเนี่ย มันจำนวนร้อยล้านเชียวนะพลอยญาวี หนี้สินที่ติดตัวคุณอยู่ตอนนี้มันไม่เหมาะที่จะเรียกว่าเศษเงินหรอก”
ธีโอวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ และลุกขึ้นยืนเต็มความสูงบ้าง ใบหน้าขาวคมมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับอยู่ แววตาของเขาคล้ายกำลังขบขันบางอย่าง แต่สิ่งที่ทำให้พลอยญาวีสนใจมากที่สุด คือเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอมีหนี้สินอยู่เป็นร้อยล้าน แล้วยังเรียกชื่อเธอได้ชัดเจนเสียด้วย
“คุณ...รู้เรื่องของฉันได้ยังไง” หญิงสาวถามเสียงสั่น อะไรบางอย่างกำลังบอกว่าผู้ชายตรงหน้าชักไม่น่าไว้วางใจเสียแล้ว
“ผมต้องรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะผมนี่แหละ...ที่เป็นเจ้าหนี้ของคุณ” สุ้มเสียงหนักแน่นที่ดังขึ้นเปรียบดั่งน้ำเย็นราดรดลงกลางศีรษะของพลอยญาวี ดวงตากลมโตเบิกค้างมองไปที่เขา ที่แท้ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นเลย เขาคือเจ้าหนี้รายใหญ่ที่เธอตั้งใจจะหาโอกาสประนอมหนี้มาโดยตลอดนี่เอง
“คุณ...” หญิงสาวถึงกับทำอะไรไม่ถูก
“ตอนแรกผมประทับใจนะที่คุณยังไม่ลืมเรื่องที่ต้องชดใช้หนี้ผมแทนนายบุรินทร์ แต่พอได้ยินคำว่าเศษเงินจากปากคุณ ผมชัก...ไม่ค่อยพอใจนัก” ธีโอก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง
“ขอโทษทีค่ะ ฉันไม่เคยดูถูกเงินนะคะ แต่ว่า...คุณทำให้ฉันโมโห ฉันก็เลยพูดไปแบบนั้น” ถึงจะไม่รู้ว่าแค่คำพูดนั้นมันทำให้เธอมีความผิดได้อย่างไร แต่พลอยญาวีก็มีสปิริตพอที่จะเอ่ยขอโทษ ธีโอหัวเราะในลำคอ สองมือซุกลงในกระเป๋ากางเกงแสลคสีดำอย่างวางมาด
“เรื่องอื่นช่างมันเถอะ มาพูดเรื่องของเราดีกว่า”
“ค่ะ ฉันเองก็มีเรื่องที่ต้องการคุยกับคุณเหมือนกัน เพียงแต่เพิ่งจะมีโอกาส”
“ถ้างั้นนั่งลงสิ ยืนคุยคงไม่ดีเท่าไรหรอกใช่ไหม” แล้วคนพูดก็ทิ้งตัวลงที่เดิมเต็มแรง คว้าแก้วที่มีน้ำสีอำพันบรรจุอยู่ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด แล้วจัดการรินเพิ่มให้ตัวเองทันที คราวนี้เป็นแอลกอฮอล์ล้วน ไม่มีสิ่งใดช่วยเจือจางเหมือนอย่างที่หญิงสาวจัดการให้
“คุณมาวันนี้เพื่อทวงถามเรื่องหนี้สินใช่ไหมคะ ถ้าใช่ก็เชิญพูดมาได้เลย”
“เลดี้เฟิร์สครับ เชิญคุณว่ามาก่อนเลย” ธีโอยกแก้วเหล้าขึ้นถือไว้ แต่ยังไม่ดื่มในตอนนี้ ความใจเย็นของสาวสวยตรงหน้าทำให้เขาเริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว ความจริงเขาต้องการพาเธอไปจากที่นี่เสียเดี๋ยวนี้เลย เขาต้องการพาเธอไปที่เซฟเฮาส์ของเขา จบลงในห้องของเขาและบนเตียงของเขาด้วย
“แม่นมของฉันบอกว่าบ้านอิศรเดชามีมูลค่าแค่เพียงยี่สิบล้านบาท ถ้าข้อมูลนี้ไม่ผิดพลาด มันก็เท่ากับว่าฉันเป็นหนี้คุณอยู่แปดสิบล้าน ฉันยังไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นหรอกนะคะ เพราะฉะนั้นฉันอยากขอยืดเวลาใช้หนี้ออกไปหน่อย แต่รับรองเลยว่าฉันจะพยายามหาเงินทั้งหมดมาใช้คืนคุณให้ได้” เสียงนุ่มเป็นเสมือนกรงเล็บแหลมคมที่ดึงธีโอกลับมาจากความคิดเห็นแก่ตัว
“ไม่ได้” ชายหนุ่มแทบไม่คิดให้เสียเวลา
“ทำไมล่ะคะ?” พลอยญาวีงงเป็นไก่ตาแตก เพราะอย่างน้อยเขาก็น่าจะไตร่ตรองดูก่อนตอบ
“คุณคิดว่าต้องทำงานหาเงินอีกกี่ร้อยปีกว่าจะสามารถใช้หนี้ผมได้ครบทุกบาท”
“ฉันเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัน แต่อย่างน้อยคุณน่าจะยอมผ่อนผันให้ฉันบ้าง”
“เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ ผมเป็นนักธุรกิจนะ ผมไม่มีเวลามาล้อเล่น”
“แล้วคำพูดคำไหนของฉันที่ดูเหมือนล้อเล่นล่ะคะ”
“ทุกคำนั่นแหละ เพราะเพียงแค่คิดจะต่อรองกับคนอย่างผมก็นับว่าคุณคิดผิดแล้ว”
“ถ้างั้นคุณจะให้ฉันทำยังไง ต้องการชีวิตหรือลมหายใจของฉันเลยหรือเปล่าล่ะ!” ความกดดันบีบให้พลอยญาวีเผลอตวาดใส่หน้าเขา ธีโอขบกรามแน่นเมื่อรู้สึกเหมือนถูกลูบคม ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้ามาใกล้หญิงสาว และบอกบางอย่างที่ทำให้เธอแทบลืมวิธีหายใจ
“ชีวิตกับลมหายใจของคุณ ไม่มีค่าเลยสำหรับผม และที่ผมมาวันนี้ไม่ใช่เพราะต้องการเงินจำนวนหนึ่งร้อยล้านนั่น แต่สิ่งที่ผมต้องการและคิดว่ามันคงช่วยทดแทนเงินจำนวนมหาศาลนั้นได้...ก็คือตัวคุณ”
ชายหนุ่มรู้สึกว่าคำพูดพวกนี้ทำให้เขาดูเลือดเย็นเหลือเกิน แต่ไม่มีอะไรที่ต้องสนใจทั้งนั้น เพราะที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยเป็นคนดีในสายตาของใครหน้าไหนอยู่แล้ว
พลอยญาวีไม่อาจควบคุมความโกรธที่สุมอยู่เต็มอกได้อีกต่อไป หญิงสาวกระชากแก้วเหล้ามาจากเขา แล้วสาดมันใส่หน้าหล่อๆ นั่นจนเปียกชุ่มไปหมด ธีโอหลับตาลงทันเวลา แต่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการกระทำของหญิงสาวได้ มือหนายกขึ้นลูบของเหลวที่ส่งกลิ่นติดจมูกออกจากใบหน้าอย่างใจเย็น ก่อนจะลืมตาขึ้นมองตัวต้นเรื่อง แล้วกระตุกยิ้มเหี้ยม
“กล้ามากนะพลอยญาวี” เสียงทุ้มฟังดูเย็นยะเยือก
“ฉันกล้ายิ่งกว่านี้อีก ถ้าคุณยังพูดจาสกปรกกับฉันต่อไป กลับไปซะ! เอาไว้ถ้าคุณเลิกบ้าเมื่อไรก็ค่อยมาคุยกันอีกครั้ง วันนี้ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว ถึงฉันจะเป็นลูกหนี้ แต่ฉันก็มีศักดิ์ศรี เพราะฉะนั้นกรุณาอย่าดูหมิ่นกันอีก!”
“แล้วถ้าผมจะพูดอีกล่ะ...ว่าตัวคุณมีมูลค่าแปดสิบล้านบาท แค่ยอมนอนกับผมจนกว่าผมจะพอใจ คุณก็จะเป็นอิสระ ไม่มีหนี้สินติดพันให้รำคาญใจอีก เอาเถอะน่าคนสวย...รับรองว่าผมน่ะถึงใจกว่าผู้ชายที่ผ่านมาของคุณแน่ อยากพิสูจน์ตอนนี้ก็ได้นะ ผมยินดีมาก” คนพูดไม่ได้พูดเปล่า แต่กลับผุดลุกขึ้นจากโซฟาตัวหรู สลัดสูทตัวนอกทิ้งไปบนพื้นอย่างรวดเร็ว
“คุณจะทำอะไร! หยุดอยู่ตรงนั้นนะ” พลอยญาวีกำลังจะถอยหนี แต่ช้ากว่าคนตัวสูงที่กระโจนเข้ามาผลักเธอ ให้นอนราบลงบนโซฟาตัวที่อยู่ตรงข้ามกัน ธีโอตวัดลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเพื่อลิ้มรสแอลกอฮอล์ และก้มหน้าลงแนบริมฝีปากเข้าบดจูบกับคนใต้ร่างทันที
พลอยญาวีคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะอาจหาญถึงเพียงนี้ เธอพยายามสะบัดหน้าหนีเขา แต่มือใหญ่ที่ตรึงปลายคางไว้แน่นทำให้ไม่อาจทำได้ดั่งใจคิด ธีโอจูบเธอราวกับสัตว์ป่าที่กำลังหิวกระหายอย่างหนัก ริมฝีปากหยักลึกที่เรียกร้องดูดดื่ม ส่งผลให้เรียวปากบางของผู้ถูกกระทำถึงกับเลือดซึม หยาดน้ำตาของหญิงสาวไหลพรากด้วยความหวาดกลัว เสียงสะอื้นและความคิดที่ว่าเธอคงต้องการอากาศหายใจ ทำให้เขายอมถอนจูบ แต่ก็ยังใช้มือหนาราวคีมเหล็กตรึงไหล่บางไว้แน่น
“รสชาติเหล้าที่คุณสาดใส่หน้าผม มันชวนให้มึนเมาดีใช่ไหมล่ะ” คนถามกระตุกยิ้มเหยียด แล้วก็ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อสายตาปะทะเข้ากับริมฝีปากที่แตกเป็นรอยแยกเล็กๆ และมีเลือดซึมออกมา
“คนบ้า! คนสารเลว! ปล่อยฉันนะ!” พลอยญาวีตวาดลั่น พยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากอุ้งมือมาร แต่ทว่ายิ่งดิ้น แรงที่กดลงมาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนใบหน้าเธอบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวด รับรองได้เลยว่าอีกไม่นานมันต้องเกิดรอยเขียวช้ำขึ้นแน่
“ถ้าอยากได้มากกว่าจูบก็ด่าผมอีกสิ เอาเลย!”
“ปล่อยฉันได้แล้ว!”
“ผมไม่ปล่อยจนกว่าคุณจะยอมรับข้อเสนอของผม”
“ไม่มีทาง! ต่อให้คุณฆ่าฉันให้ตาย ฉันก็จะไม่ยอมขายตัวเด็ดขาด!” พลอยญาวียืนยันหนักแน่น และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ธีโอต้องงัดไม้ตายขึ้นมาบีบบังคับเธอ
“ก็ได้! ถ้าคุณยืนยันแบบนี้ผมก็จะไม่บังคับอีก แต่ขอให้รู้ไว้นะว่าคนที่ต้องชดใช้แทนคุณ คือทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคุณ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสาวคนที่พาคุณมาทำงานที่นี่ หรือแม้กระทั่งหญิงชราที่โดดเดี่ยวอยู่ในบ้านของคุณ คนพวกนั้นจะต้องชดใช้หนี้ทั้งหมดแทนคุณด้วยชีวิต!”
“คนเลว! คุณมันใจร้ายใจดำ ฮือๆ...คุณมันเลือดเย็นไม่มีหัวใจ!” หญิงสาวทั้งร้องไห้คร่ำครวญและตะโกนต่อว่าเขาไปพร้อมกัน
ธีโออยากทำตามที่ขู่ว่าหากเธอยังกล้าด่าเขาอีก เขาจะไม่หยุดแค่จูบ แต่ดูเหมือนสภาพจิตใจของพลอยญาวีจะถูกบีบคั้นมากพอแล้ว ตอนนี้เขายังไม่อยากทำให้เธอรู้สึกเลวร้ายเพิ่มขึ้น ฉะนั้นร่างกำยำจึงพาตัวเองถอยห่าง
“ผมจะบอกให้รู้นะว่าสิ่งที่คุณจะได้รับ ไม่ใช่แค่การได้ใช้หนี้เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่ผมจะให้คุณมากกว่านั้นก็คือศักดิ์ศรี ผมเป็นคนที่จะช่วยให้คุณกู้ศักดิ์ศรีตัวเองคืนมา...ผมไม่ใช่คนที่คิดจะทำลายมันซะเอง!” ธีโอบอกเธอด้วยน้ำเสียงห้วนจัด
“ฮือๆ” ไม่มีการโต้ตอบจากอีกฝ่าย นอกจากเสียงสะอื้นที่บั่นทอนความรู้สึก
“ผมจะเข้าไปล้างหน้า ระหว่างนี้คิดใหม่ซะนะว่าจะไปกับผมแต่โดยดี หรือจะปล่อยให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อน เพราะความดื้อดึงของคุณ!” ชายหนุ่มพูดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินหายเข้าห้องน้ำไปเพื่อล้างตาล้างหน้าตามที่พูด
พลอยญาวีนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ที่เดิม ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองด้วยความรู้สึกมากมาย ความเข้มแข็งที่พยายามสร้างขึ้นเป็นกำบังปกป้องตัวเองพังทลายจนหมดสิ้น นึกเกลียดชังโชคชะตานักที่ทำให้ชีวิตเธอตกต่ำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และต้องเป็นฝ่ายถูกทำร้ายให้เจ็บปวดอยู่เสมอ
นับตั้งแต่บิดาเสียชีวิตไป พลอยญาวีก็เหมือนนกปีกหัก ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะพยุงตัวเองให้โผบินต่อไปได้ ซ้ำร้ายยังถูกคนใจบาปซ้ำเติมจนแทบกระอักเลือด ศศินพยายามปลุกปล้ำทำร้ายเธอ อัมรินทร์ก็อีกคน แล้วเวลานี้ก็ยังมีผู้ชายแปลกหน้าก้าวเข้ามาในชีวิตเธอ ทวงคืนเงินทองมากมายที่เป็นของเขาอย่างชอบธรรม ด้วยการบีบบังคับให้เธอต้องกลายเป็นผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรีที่มีค่าตัวสูงถึงแปดสิบล้านบาท ซ้ำยังกล้าพูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำอีกว่าเขาคือคนที่จะกอบกู้ศักดิ์ศรีให้เธอ เขากล้าพูดประโยคนั้นออกมาได้อย่างไร ในเมื่อทุกถ้อยคำล้วนแล้วแต่เป็นการดูถูกลูกผู้หญิงทั้งสิ้น
อาการเครียดจัดทำให้พลอยญาวีมึนงงไปหมด ภาพเพดานห้องตรงหน้าพร่าเลือน เหมือนมีม่านหมอกบางเบาลอยมาบดบัง หัวใจดวงน้อยที่แตกสลายยับเยินเริ่มเต้นช้าลง เสียงสะอื้นของตัวเองยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท เธอเหนื่อยล้าเหลือเกินในยามนี้ หากเลือกได้เธอคงไม่ขอมีชีวิตอยู่บนโลกอันโหดร้ายนี้ต่อไป แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ เธอก็ควรทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง เธอจะต้องหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ให้ได้ และเธอจะต้องไม่ใช่ฝ่ายเสียเปรียบเพียงอย่างเดียว
‘คุณอย่ารนหาที่สิพลอย ถ้าคุณไม่มีผม คุณก็ไม่ต่างจากนกที่ไม่มีปีก ลืมไปแล้วเหรอว่าคุณไม่มีทรัพย์สมบัติเงินทองอะไรเหลืออีกแล้วนะ แล้วไหนจะหนี้สินก้อนใหญ่ของคุณอีก ถ้าคุณไม่แต่งงานกับผม คุณจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เพราะนอกจากผมแล้ว ไม่มีผู้ชายหน้าโง่คนไหนในโลกยินดีจะแต่งงานกับคุณหรอก’
‘แล้วฉันจะทำให้คุณเห็นว่าคนอย่างฉันมีค่ากว่าที่คุณคิด คอยดูแล้วกันคุณศศิน พลอยญาวีคนนี้แหละที่จะทำให้คุณไม่เหลืออะไรเลย’
ประโยคที่ศศินเคยปรามาสไว้ดังก้องขึ้นในห้วงความคิด พลอยญาวีแค่นยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะปล่อยให้สติทั้งหมดดับวูบลงเพราะความเหนื่อยอ่อน
