ตอนที่ ๗ บุรุษหนุ่มทรงอำนาจ 1
ธีโอในชุดสูทสีดำเรียบหรูก้าวลงมาจากชั้นบนของเซฟเฮาส์ บอดี้การ์ดที่ยืนสง่าอยู่ตามจุดต่างๆ โค้งคำนับผู้เป็นนายอย่างสุภาพ ไม่มีคำตอบว่าทำไมเช้านี้หนุ่มหล่อนัยน์ตาสวยจึงตื่นเร็วเป็นพิเศษ แน่นอนว่ามีเพียงธีโอเท่านั้นที่รู้ดีว่าอันที่จริงแล้ว เขานอนไม่หลับมาตลอดทั้งคืน ความแค้นและแผนการต่างๆ สุมอยู่เต็มหัวไปหมด หากไม่ได้ระบายออกคงคลั่งเจียนตาย
อาหารมื้อเช้าที่มีหลากหลายประเภทให้เลือกรับประทานได้ตามใจชอบถูกมองข้ามไป ร่างสูงกำยำก้าวอาดๆ ผ่านห้องรับประทานอาหารตรงไปที่ห้องโถงกว้าง ฟรานกำลังคุยกับสายสืบคนหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่เมื่อเห็นธีโอเดินเข้ามา บทสนทนาของสองหนุ่มก็จบสิ้นลงทันที
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณธีโอโดโร” สายสืบชาวเอเชียทักทายยิ้มแย้ม
“อรุณสวัสดิ์” เมื่อธีโอตอบพร้อมด้วยน้ำเสียงราบเรียบค่อนไปทางอิดโรย เขาก็ขอตัวออกไปจากบริเวณห้องโถงทันที เพราะรู้ดีว่าหน้าที่ต่อไปคือสิ่งที่ฟรานต้องรับผิดชอบ
“นี่เพิ่งเจ็ดโมงเช้า นายตื่นเร็วไปนะ” ฟรานท้วงอย่างประหลาดใจ ขณะดีดนิ้วดังเปาะเพื่อเรียกบอดี้การ์ดที่ยืนประจำอยู่ด้านนอกเข้ามาพบ แล้วสั่งให้ไปนำกาแฟร้อนมาเสิร์ฟให้ตัวเขาเองและคนที่เพิ่งตื่น ซึ่งดูแล้วคงยังไม่ได้แตะต้องอาหารเช้า
“ฉันยังไม่ได้นอนต่างหากล่ะ” ธีโอเอ่ยพร้อมเอนศีรษะพิงพนักโซฟา
“นายอยากได้หมอหรือยาคลายเครียดหน่อยไหม”
“ไม่จำเป็นหรอก ฉันแค่มีเรื่องต้องคิด”
“แล้วไม่ได้นอนมาทั้งคืนเนี่ย นายคิดอะไรได้บ้างล่ะ”
“ฉันยังบอกอะไรตอนนี้ไม่ได้ แต่ฉันคิดว่าวันนี้จะไปที่บ้านลูกหนี้เสียหน่อย”
“หมายถึงบ้านคุณบุรินทร์น่ะเหรอ”
“แน่นอน”
“ถ้าจะไปพบลูกสาวคุณบุรินทร์ เห็นทีคงผิดหวังแล้วล่ะ”
“ทำไม?” ประโยคที่ฟรานบอกออกมาทำให้คิ้วสีน้ำตาลเกือบดำย่นเข้าหากันทันที
“เมื้อกี้สายของเรารายงานมาว่า คุณพลอยยาหวีอะไรนั่นหายตัวไป เท่าที่สืบได้เหมือนจะเป็นลักษณะการหนีออกจากบ้านนะ” ฟรานหงุดหงิดเล็กน้อยที่ยังเอ่ยชื่อหญิงสาวได้ไม่ชัดเจนนัก
“หนีหนี้ฉันงั้นสินะ” ธีโอยิ้มเหยียดที่มุมปาก
“ฉันคิดว่าไม่ใช่แน่ สายของเราบังเอิญได้ยินคนขับรถบ้านนั้นคุยกับหญิงแก่ว่าเธอหนีไป เพราะนายศศินคิดจะทำร้าย ประมาณว่าหนีไปตั้งหลักน่ะ” ฟรานอธิบายตามที่ได้รับข้อมูลมาอีกทอดหนึ่ง
“ทำร้าย?...อืม ฉันพอเข้าใจแล้วล่ะ” ธีโอเดาออกเกือบจะทันทีว่าการ ‘ทำร้าย’ ที่ผู้ชายอย่างศศินคิดจะทำกับพลอยญาวีเป็นอย่างไร แต่จะว่าไปแล้วมันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลก เพราะความสัมพันธ์ของศศินและพลอยญาวีคงจะเตลิดไปถึงไหนต่อไหนมาตั้งนานแล้ว
“เอายังไงต่อล่ะ”
“สืบให้ได้ภายในเย็นนี้ว่าเธอหนีไปอยู่ที่ไหน”
“ถ้ารู้แล้วนายจะทำอะไร”
“ก็เจรจาเรื่องหนี้สินน่ะสิ ถามแปลกๆ นะ”
“นายรู้ดีที่สุดว่าเธอไม่มีเงินพอที่จะใช้หนี้แน่”
“เพราะฉันรู้ไงถึงได้เตรียมทางออกไว้ให้เธอแล้ว รับรองเลยว่าเธอจะต้องยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข ยิ่งได้แก้แค้นไอ้ศศินนั่นด้วย เธอคงรู้สึกขอบคุณฉันไปตลอดชีวิตเลยล่ะ”
“ยังไง? พูดให้เคลียร์หน่อยสิเพื่อน” ฟรานแบมือและยักไหล่ สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง
“คำพูดจาดูถูกหัวใจที่ไอ้คนชั่วนั่นพูดกับเธอ ฉันรู้ว่าเธอไม่มีทางลืมแน่ ฉันจะใช้ความเกลียดชังของเธอนำพาให้เราเข้าถึงเป้าหมาย นายเองก็ดูออกว่าไอ้ศศินยังรักพลอยญาวีมากแค่ไหน คิดดูสิว่าถ้าผู้หญิงที่มันรักนักหนาต้องกลายเป็นของฉัน มันจะรู้สึกยังไง”
“นี่นายหมายความว่า...”
“ฉันต้องทำให้พลอยญาวียอมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเกมนี้ให้ได้ และถึงเธอจะไม่ยอม ฉันก็มีวิธีบีบบังคับให้เธอยอมจนได้นั่นแหละ”
“นายคิดดีแล้วเหรอ”
“นายก็รู้ว่าถ้าฉันพูดอะไรออกมาแล้ว มันจะไม่เปลี่ยนแปลง จำเอาไว้นะฟราน ไอ้ศศินกับนังทรยศนั่นต่างหากที่ต้องเป็นคนเจ็บปวด...ไม่ใช่ฉัน” ดวงตาสีมรกตแข็งกร้าวขึ้นทันที ฟรานไม่ได้พูดขัดอะไรขึ้นมาอีก เพราะเขารู้ดีว่าหากธีโอเลือกแล้ว คงป่วยการที่จะขอให้ไตร่ตรองใหม่อีกครั้ง
“อ้อ มีอีกเรื่องที่ฉันอยากให้นายจัดการให้” ธีโอรีบเอ่ยก่อนที่ฟรานจะขอตัวไปทำตามหน้าที่
“ได้ ว่ามาสิ”
“ทำยังไงก็ได้ให้ล่ามผู้หญิงคนนั้นมาเป็นพวกเดียวกับเรา ชีวิตของเธอทำให้ฉันรู้สึกว่ามันมองข้ามได้ยาก...ไม่รู้สิ ฉันไม่ใช่พวกเศรษฐีใจใหญ่ชอบอุปการะใครหรอกนะ แต่เด็กคนนั้นมีความสามารถ มันคงดีกว่าถ้าจะช่วยสนับสนุนให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น” คำสั่งของธีโอทำเอาฟรานอ้าปากเหวอ
“เด็กนั่นเนี่ยนะ! เฮ้ อย่าดีกว่าน่า เธอจะสร้างปัญหาให้เรานะ”
“ฉันรู้ว่านายควบคุมได้ จัดการเปลี่ยนเธอซะ ทำยังไงก็ได้ให้ดูเหมาะสมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา และนี่ไม่ใช่การขอร้องนะ แต่มันเป็นคำสั่ง”
“โอเค ถึงจะฝืนใจ แต่ฉันจะทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน” ฟรานถึงกับอ่อนแรง เพียงแค่คิดถึงสีหน้าท่าทางกวนประสาทของมัทยา เขาก็หงุดหงิดใจเสียแล้ว นี่ถ้าต้องมาเจอหน้ากันทุกวัน ระบบประสาทของเขาต้องทำงานหนักจนระเบิดเป็นเสี่ยงแน่
แต่มันก็จริงอย่างที่ธีโอพูดนั่นแหละ คนมีความสามารถควรได้รับการสนับสนุน สรุปแล้วฟรานไม่ได้มีตัวเลือกอะไรเลย หลังจากดื่มกาแฟที่เพิ่งนำมาเสิร์ฟจนหมดแก้ว เขาก็ต้องรีบออกไปทำภารกิจของตัวเองทันที ส่วนธีโอนั้นก็ตัดสินใจกลับขึ้นไปพักผ่อนต่อบนห้อง ในเมื่อความตั้งใจที่จะไปพบพลอยญาวีพังลงไม่เป็นท่าเสียแล้ว
ร่างเล็กบอบบางที่กำลังเดินแกร่วอยู่ท่ามกลางฝูงชนรู้สึกเบื่อหน่ายสุดจะบรรยาย นับตั้งแต่ถูกนำตัวไปเป็นล่ามให้หนุ่มหล่อเชื้อสายสเปนคนนั้นแล้ว ยังไม่มีใครติดต่อขอจ้างวานเธออีกเลย จริงอยู่ที่เงินจากธีโอยังมีไว้ให้ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยไปอีกสักพักใหญ่ แต่มัทยาเป็นคนชอบคิดอะไรล่วงหน้า และพบว่าหากเธอยังไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งอย่างนี้ต่อไป สักวันคงเข้าตาจน
มัทยาถอนหายใจ มือข้างหนึ่งซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนขาสั้นระดับต้นขา มืออีกข้างกวัดแกว่งถุงลูกชิ้นปิ้งไปมา เดินมุ่งหน้าออกจากตลาดตรงไปยังซอยใกล้ๆ ซึ่งเป็นที่พักโกโรโกโสของเธอ คิดแล้วก็นึกถึงสีหน้าของฟรานขึ้นมาได้ เขาทำราวกับที่ที่เธอเรียกว่า ‘บ้าน’ เป็นเหมือนรังของตัวอะไรสักอย่าง แต่จะว่าไปมันก็ไม่แปลกหรอก ห้องเล็กๆ แคบๆ ที่ไม่มีสิ่งของอำนวยความสะดวกอะไรเลย สมควรแล้วที่จะถูกคนอื่นมองด้วยความสมเพช
มัทยานึกถึงคืนที่ฟรานมาส่งถึงบ้านแล้วก็อดหน้าแดงไม่ได้ ที่จำได้คือเขากล่าวหาว่าเธอเป็นสายสืบบ้าบอของใครสักคน แต่หลังจากได้อธิบายจนเข้าใจกันดีแล้ว เขาก็พาเธอมาส่งที่บ้านตามคำสั่งเจ้านาย เมื่อรู้ตัวอีกครั้งเธอก็ลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าวันใหม่ บนที่นอนยับย่นของตัวเองแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าฟรานถือวิสาสะอุ้มเธอมาส่งให้จนถึงที่
‘ไอ้บ้าเอ๊ย! แอบลวนลามฉันหรือเปล่าก็ไม่รู้’
คนสวยแอบต่อว่าค่อนขอดอยู่ในใจ ก่อนจะดึงลูกชิ้นปิ้งจากถุงพลาสติกออกมาส่งเข้าปาก เท้าเรียวเล็กภายใต้รองเท้าผ้าใบเก่าๆ เดินอ้อยอิ่งจนกระทั่งถึงปากทางเข้าบ้าน ดวงตากลมโตหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะเบิกกว้างขึ้น เมื่อเห็นชัดว่าผู้ชายตัวโตที่ยืนพิงรถคันหรูอยู่ในซอยคือใคร
“เฮ้ย!” เสียงอุทานดังลั่นทำให้อีกฝ่ายหันมามอง
“กลับมาแล้วเหรอ หายไปไหนนานจัง” ฟรานเอ่ยขณะยืดตัวยืนตรงเต็มความสูง
“คุณมายืนเก๊กอยู่แถวนี้ทำไมเนี่ย คงไม่ได้มาหาฉันหรอก...ใช่ไหม?” มัทยาถาม ก่อนจะเก็บลูกชิ้นที่ยังเหลืออยู่ในมือลงถุงตามเดิม รีบก้าวตรงไปหาชายหนุ่มเพื่อรอฟังคำตอบ
“ถ้าไม่ใช่เพราะต้องมาหาเธอ ฉันจะมายืนสูดกลิ่นน้ำเน่าสกปรกอยู่แบบนี้เหรอ” ฟรานรู้สึกว่าระบบหายใจของเขาคงมีเชื้อแบคทีเรียเข้ามาปะปนนับร้อยชนิดแล้วกระมัง
“หมายความว่าคุณมาหาฉัน” มัทยาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ใช่ ฉันมีธุระต้องคุยกับเธอ เจ้านายฉันสั่งมา”
“ธุระอะไร?”
“กรุณาเข้าไปคุยกันในรถได้ไหม ฉันทนกลิ่นพวกนี้ไม่ไหวแล้วนะ” ชายหนุ่มว่าพลางยกมือขึ้นอุดจมูกตัวเอง มัทยาส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็เข้าใจดีว่าชาวต่างชาติอย่างเขาคงไม่คุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังทำใจให้ชินได้ลำบากไม่น้อย นี่ถ้าไม่ใช่เพราะค่าเช่าถูกแสนถูก เธอคงไม่เลือกมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน
มัทยาพยักหน้า และยอมเดินอ้อมไปอีกด้านเพื่อเข้าไปในรถคันหรู เมื่อฟรานเข้าประจำตำแหน่งพลขับแล้ว ชายหนุ่มก็จัดการสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมกับเปิดแอร์ให้ภายในรถเย็นฉ่ำทันที เขาสูดกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของสเปรย์ปรับอากาศเข้าจนเต็มปอด ก่อนจะหันมาเริ่มพูดธุระสำคัญกับหญิงสาวด้วยภาษาสากล
“เจ้านายฉันอยากให้เธอไปทำงานด้วย หมายถึงงานประจำนะ ไม่ใช่แค่ล่ามชั่วคราวอีก”
“นี่คุณล้อเล่นหรือเปล่า จะจ้างฉันเนี่ยนะไปทำงานประจำ” มัทยาถึงกับหน้าเหวอ
“ฉันไม่มีเวลามาล้อเล่นกับเธอหรอกนะ”
“ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ ฉันไม่มีอะไรเข้าท่าสักอย่างเลยนะ”
“ใช่เลย เธอไม่มีอะไรดีสักอย่าง นอกจากความสามารถด้านภาษา แล้วก็ศิลปะการต่อสู้นิดหน่อย ธีโอคิดว่าผู้หญิงอย่างเธอควรได้รับการสนับสนุน เขาก็เลยอยากให้เธอไปทำงานด้วย ตกลงเธอจะว่ายังไง ยินดีที่จะตอบตกลงหรือเปล่า” ฟรานอธิบาย และทวงถามคำตอบ
“เป็นงานประจำเหรอ แล้ว...มีการฆ่าปิดปากหลังเลิกจ้างไหม”
“เลิกบ้าได้แล้ว พวกฉันไม่ใช่อาชญากรนะ” ฟรานดุเสียงเข้ม
“ใครจะไปรู้เล่า! พวกคุณชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ นี่นา”
“อย่านอกเรื่องได้ไหม ตกลงเธอจะว่ายังไง รีบพูดมาดีกว่า”
“ฉันขอคิดดูก่อนไม่ได้เหรอ” ถึงใจจะตอบตกลงไปแล้ว แต่มัทยาก็ยังอยากเล่นตัวบ้าง
“แค่มองตาก็รู้แล้วว่าเธออยากได้งานทำแค่ไหน เพราะฉะนั้นอย่าพยายามเล่นตัวเลย ตอบมาเถอะว่าตกลง ฉันจะได้ทำหน้าที่ของฉันต่อให้จบๆ ไปภายในวันเดียวเลย” ฟรานรู้ทัน ฉะนั้นจึงป่วยการที่มัทยาจะทำเป็นถ่วงเวลาอีก
“โอเคๆ ฉันตกลงก็ได้ ว่าแต่เรื่องเงินเดือนกับที่อยู่...”
“เธอต้องไปอยู่กับพวกฉัน ไม่ว่าพวกฉันจะเดินทางไปที่ไหน เธอจะต้องไปด้วย ความลับของพวกฉันก็คือลมหายใจเธอ ถ้าเธอทรยศหักหลัง นั่นหมายความว่าต้องชดใช้ด้วยลมหายใจ ส่วนเรื่องเงินเดือนไม่ต้องห่วง มันมากมายจนทำให้เธอตาค้างไปได้แรมปีเลยล่ะ”
สิ่งที่ฟรานบอกทำเอามัทยาลอบกลืนน้ำลายอย่างหวาดๆ แต่เมื่อท้ายประโยคระบุถึงค่าตอบแทนอันมหาศาล ความคิดที่อยากจะไตร่ตรองใหม่ก็มลายหายไปจนหมด เธอไม่มีอะไรต้องกลัวเสียหน่อย เพราะถ้าหากได้กลายเป็นคนของผู้มีอิทธิพลพวกนี้ไปแล้วจริงๆ เธอมั่นใจว่าจะไม่มีการทรยศหักหลังแน่
“ตกลง ฉันยินดีรับข้อเสนอทุกอย่าง” มัทยาตอบเมื่อคิดถี่ถ้วนแล้ว
“ดีมาก ถ้างั้นไปกันได้เลย” ฟรานยิ้มอย่างยินดี ไม่ใช่เพราะเธอตอบตกลง แต่เป็นเพราะงานที่ได้รับมอบหมายมาผ่านไปได้ด้วยดีต่างหาก
“เฮ้ย! ไปไหน ฉันยังไม่ได้เก็บข้าวของเลยนะ” หญิงสาวร้องท้วง เมื่อฟรานเริ่มถอยรถออกจากซอยไป
“ของพวกนั้นทิ้งไปให้หมด เพราะนับตั้งแต่วันนี้ไป เธอจะไม่ใช่คนเดิมอีก”
“หมายความว่ายังไงเนี่ย”
“อีกไม่นานเธอจะได้คำตอบเอง” แล้วฟรานก็ไม่พูดอะไรอีกเลย เขาปล่อยให้มัทยาบ่นพึมพำอยู่คนเดียว เมื่อรำคาญหนักเข้าก็จัดการเปิดเพลงทำนองเบาสบายกลบเสียงเธอเสีย คนตัวเล็กเห็นอย่างนั้นก็ยอมเงียบลง พยายามท่องไว้ว่าอีกไม่นานเธอก็จะได้คำตอบอย่างที่เขาบอกนั่นแหละ
