ตอนที่ ๖ ก้าวแรกในสังคมใหม่ 2
“ส่วนนี่เป็นเอกสารว่าจ้าง ระบุไว้ว่าคุณต้องทำงานให้ซีซาร์ผับขั้นต่ำเป็นเวลาสามเดือน ได้รับเงินเดือนขั้นต้นจำนวนหนึ่งหมื่นบาท ไม่รวมทิปจากแขก และสามารถลางานได้ไม่เกินเดือนล่ะห้าครั้ง และถ้าลาออกจากงานก่อนครบสามเดือน คุณต้องถูกปรับเป็นเงินตามจำนวนสามหมื่นบาท ซึ่งหมายถึงเงินเดือนทั้งสามเดือนของคุณนั่นแหละครับ มาตรการนี้เราทำขึ้นเพื่อไม่ให้พนักงานลาออกส่งเดช เพราะถ้าแขกติดใจแล้วพนักงานลาออก ผับเราจะเสียความไว้วางใจน่ะครับ” อัมรินทร์ชี้แจง
“ตกลงค่ะ” พลอยญาวีไม่สนใจถามรายละเอียดอะไรทั้งนั้น เธอรับซองเอกสารมาเปิดอ่านคร่าวๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ควรคัดค้าน หญิงสาวก็จรดปลายปากกาลงบนกระดาษ เซ็นชื่อด้วยตัวอักษรสวยงามชัดเจน ก่อนจะยื่นเอกสารส่งคืนให้กับผู้จัดการหนุ่มหล่อ
“จากนี้ไปคุณคือส่วนหนึ่งของที่นี่แล้วนะครับ ขอให้ทำงานอย่างเต็มที่นะ” มือขาวสะอาดยื่นมาตรงหน้าพลอยญาวี เธอลังเลเพียงครู่เดียว แล้วก็ยอมยื่นมือไปสัมผัสกับอัมรินทร์แนบแน่น แววตาที่อีกฝ่ายใช้จ้องมองเปิดเผยชัดเจนว่ารู้สึกประทับใจ อรรัมภาที่แอบมีใจให้อัมรินทร์มานานเห็นอย่างนั้นก็อดใจหายไม่ได้
“ถ้างั้นพลอยรีบเอากระเป๋าไปไว้ที่ห้องเลยดีไหม จะได้อาบน้ำแต่งตัวด้วย”
“ดีเหมือนกันจ้ะ พลอยทำอรเสียเวลางานมาเยอะแล้ว”
“อืม ถ้างั้นฝากด้วยนะอร มีอะไรขาดเหลือบอกผมได้เลยนะ” อัมรินทร์ยอมปล่อยมือจากพลอยญาวี ขณะหันมาบอกกับอรรัมภาเสียงนุ่ม สาวเสิร์ฟคนสวยที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเล่นชิ้นโปรดของเขาไม่ได้โต้ตอบอะไร นอกจากพยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็รีบฉุดมือพลอยญาวีให้ออกจากห้องรับรอง เดินตรงออกไปในส่วนของห้องพักเพื่อส่งให้ถึงที่
“ห้องนี้ล่ะที่เป็นของพลอย รีบเข้าไปอาบน้ำก่อนนะ เรื่องชุดไม่ต้องห่วง ถึงพลอยจะผอมไปหน่อยแต่น่าจะใส่ชุดอรได้ เดี๋ยวอรจะไปหยิบมาให้เอง” อรรัมภายิ้มเป็นมิตร กำลังจะผละจากไป แต่พลอยญาวีรั้งมือเอาไว้ก่อน
“เอ่อ...ช่วยเลือกชุดที่โป๊น้อยที่สุดให้หน่อยนะอร พลอยไม่ค่อยชินน่ะจ้ะ”
“ได้สิ พลอยอย่ากังวลเลย ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวเถอะนะ” มือของอรรัมภากุมทับบนมือเล็กบางของเพื่อนสาวเหมือนต้องการให้กำลังใจ ก่อนจะผละจากไปที่ห้องของตัวเองเพื่อเตรียมเสื้อผ้าที่จำเป็นต้องใช้ ส่วนพลอยญาวีก็นำกระเป๋าเป้เข้าห้องพักไป
ชีวิตใหม่ของเธอกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว...
เสียงเพลงสากลทำนองเบาสบายชวนฝัน ทำให้ร่างสูงระหงในชุดเดรสสั้นเพียงต้นขาประหม่าน้อยลง หญิงสาวขยับคอเสื้อที่ร่นลงจนเห็นเนินอกอิ่มให้สูงขึ้น แต่ด้วยดีไซน์ของชุดทำให้มันเปล่าประโยชน์ที่จะทำอย่างนั้น อรรัมภาแยกตัวไปทำงานที่ห้องวีไอพีห้องแรก เพราะลูกค้าประจำของเจ้าหล่อนเรียกหาตัว ฉะนั้นอัมรินทร์จึงไม่แปลกใจนักที่เห็นสาวเสิร์ฟคนใหม่ยืนเคว้งอยู่ในมุมมืดตามลำพัง
“ทำไมไม่ต้องไปต้อนรับลูกค้าล่ะครับ”
มือหนาที่ถือวิสาสะโอบรอบไหล่บางทำให้พลอยญาวีสะดุ้งสุดตัว หญิงสาวเบี่ยงหลบอย่างมีมารยาท
“ฉัน...ฉันทำตัวไม่ค่อยถูกน่ะค่ะ”
คนสวยตอบตามตรง พยายามไม่สบตากับชายหนุ่มที่จ้องมองเธอราวกับจะกลืนกินไปเสียทั้งตัว อัมรินทร์แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างมาดร้าย เมื่อเห็นร่างอรชรในชุดเดรสสีน้ำตาลทองชัดเต็มสายตา
ถึงพลอยญาวีจะมีรูปร่างที่ค่อนข้างผอมบาง แต่สัดส่วนโค้งเว้ากลับดูอวบเต็มได้รูปดึงดูดจนยากที่จะมองผ่าน
ใบหน้าสวยหวานราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบแต่งแต้มด้วยสีสันงดงาม ดวงตาสีดำสนิทเด่นขึ้นเมื่อใช้อายไลน์เนอร์เน้นที่ขอบตา แผงขนตางอนยาวเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องเสริมแต่งอย่างผู้หญิงบางคน ริมฝีปากอวบอิ่มยั่วยวนฉาบเคลือบด้วยลิปสติกที่ส้มอ่อน แม้จะเป็นการแต่งหน้าที่ดูเป็นธรรมชาติต่างสไตล์กับสาวเสิร์ฟคนอื่น แต่เธอก็ดูสวยมากจนทำเอาหัวใจคนเห็นแทบจะหยุดเต้น
นี่ถ้าหากลูกค้าวีไอพีระดับนักธุรกิจเห็นเธอเข้า ดูท่าว่าจะต้องถูกอกถูกใจยิ่งนัก จริงอยู่ที่ดูแล้วพลอยญาวียังไม่กล้าพอที่จะกางปีกรับสิ่งที่กำลังจะตามมา แต่อัมรินทร์เชื่อว่ากลิ่นเงินและอำนาจจะเปลี่ยนแปลงตัวตนของหญิงสาวได้ เหมือนอย่างที่ผู้หญิงหลายคนเคยเป็นมาก่อน
“ไม่มีอะไรต้องกังวลนี่นา แค่เดินไปทักทายแขกตามโต๊ะต่างๆ ใครเรียกให้คุณคอยนั่งบริการข้างกายก็ถือว่าโชคดีไป คนส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่นี่กระเป๋าหนักกันทั้งนั้นแหละครับ แต่เอาเถอะ...คุณยังใหม่สำหรับที่นี่มาก ที่สำคัญผมเห็นว่าคุณเป็นเพื่อนของอรด้วย ถ้ายังไม่อยากทำงานคืนนี้ เขาไปนั่งคุยกับผมที่ห้องรับรองก่อนดีไหม” อัมรินทร์ยกมือขึ้นแตะไหล่บาง แต่เธอก็ถอยหนีเช่นเคย
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากทำตัวแปลกแยกจากพนักงานคนอื่น”
“ไม่บ่อยหรอกนะครับที่ผมจะให้อภิสิทธิ์กับพนักงาน ผมว่าคุณยังไม่พร้อมที่จะทำงานหรอก เดี๋ยวผมจะช่วยแนะนำหน้าที่ที่ต้องทำให้เอง เชิญที่ห้องรับรองเถอะนะครับ แต่ถ้าคุณพร้อมที่จะออกไปต้อนรับแขกแล้วก็ไม่เป็นไร” อัมรินทร์หยั่งเชิง เพราะเห็นหญิงสาวกำลังคิดหนัก
พลอยญาวีอาจจะถูกส่งไปเรียนถึงต่างประเทศ ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตตามลำพังและพบเจอผู้คนมากมายหลายรูปแบบ เป็นธรรมดาหากคนอื่นจะมองว่าเธอคงรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมคน และไม่ใช่ผู้หญิงหัวอ่อนที่ใครจะมาหลอกได้ง่าย แต่นั่นไม่ใช่มุมมองที่ถูกต้องเสมอไป หากไม่ใช่เพราะการมองโลกในแง่ดีและเชื่อคนง่าย เธอคงไม่ถูกศศินหลอกให้เจ็บช้ำปางตายอย่างที่ผ่านมาหรอก
“ก็ได้ค่ะ ฉันมีอะไรต้องการถามคุณอ้นอีกเยอะเหมือนกัน”
“ถ้างั้นเชิญไปรอที่ห้องรับรองเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะเอาเครื่องดื่มกับของว่างง่ายๆ ตามไป เราจะได้คุยกันแบบไม่น่าเบื่อนัก ว่าแต่พลอยจะดื่มอะไรดีล่ะ ผมจะได้จัดให้ถูก” หัวใจของอัมรินทร์พองโตคับอก เมื่อเหยื่อสาวแสนสวยหลงกลเข้าให้แล้ว
“อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ค่ะ”
“ได้ครับ ไปรอที่ห้องก่อนเลยนะ เดี๋ยวผมตามไป” คนพูดแสร้งยิ้มจริงใจ คล้อยหลังหญิงสาวแววตาของเขาก็วาววับเจ้าเล่ห์
ตอนแรกตั้งใจว่าจะรอให้พลอยญาวีเสนอตัวให้เขาเหมือนคนอื่น แต่ความสาวความสวยของเธอทำให้อัมรินทร์รอช้าไม่ได้ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเธอบริสุทธิ์และไร้เดียงสาแค่ไหน หากโง่ปล่อยให้ชายอื่นตัดหน้าพาเธอไปครอบครองก่อน เขาคงเสียดายไปตลอดชีวิต
พลอยญาวีเอนหลังพิงโซฟาตัวหรูอยู่ภายในห้องรับรอง นิ้วเรียวยกขึ้นคลึงขมับเบาๆ หวังจะช่วยคลายความตึงเครียดให้ตัวเอง จนถึงตอนนี้หญิงสาวชักไม่แน่ใจแล้วว่า การตัดสินใจทำงานที่นี่นั้นถูกหรือผิดกันแน่ ซันซาร์ผับดูล่อแหลมและอันตรายกว่าที่คิด แต่ยังโชคดีที่อัมรินทร์ไม่ใช่ผู้จัดการที่เข้มงวดนัก เธอถึงมีโอกาสเลือกที่จะยังไม่เริ่มงานในคืนนี้
เสียงประตูที่เปิดออกและปิดลงดึงสายตาของพลอยญาวีให้เบนไปยังจุดหมาย อัมรินทร์ก้าวเข้ามาพร้อมถาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวจานเล็ก หญิงสาวเกรงใจไม่น้อยที่ทำตัวเป็นภาระให้กับเขา และยอมรับว่านึกไม่ถึงเลยว่าอัมรินทร์จะทำตัวราวกับเป็นพนักงานเสียเอง อันที่จริงเขาน่าจะใช้สาวเสิร์ฟยกของพวกนี้มาให้ก็ได้
“ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ยุ่งยาก” หญิงสาวยิ้มบาง
“ไม่ยุ่งยากอะไรหรอกครับ ถือเสียว่ามันเป็นสวัสดิการจากนายจ้างก็แล้วกัน” ชายหนุ่มปฏิเสธทันควัน ก่อนจะนำถาดใบย่อมวางลงบนโต๊ะรับแขก หยิบแก้วน้ำส้มคั้นเย็นเฉียบส่งให้พลอยญาวี แล้วยกแก้วไวน์แดงของตัวเองขึ้นจิบน้อยๆ
“ไหนคุณบอกว่ามีอะไรจะถามผมไม่ใช่เหรอ ถามมาได้เลยนะครับ” อัมรินทร์ชวนคุย สายตาที่มองไปยังแก้วน้ำส้มในมือพลอยญาวีดูคล้ายกับมีเงื่อนงำบางอย่างซุกซ่อนเอาไว้ แต่คนที่ยกน้ำส้มขึ้นจิบกลับไม่ทันได้สังเกตเห็น
“ฉันขอถามตรงๆ เลยนะคะ คือว่า...ที่นี่มีหลักการทำงานยังไงคะ ทำไมบางครั้งฉันถึงรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่ผับธรรมดา” เธอหมายความว่าซันซาร์ผับคือสถานบันเทิงของบรรดานักท่องราตรีธรรมดาทั่วไป หรือมีสถานภาพอื่นอยู่เบื้องหลังกันแน่
“ถามได้ตรงไปตรงมาดีครับ” อัมรินทร์ยกไวน์ขึ้นจิบอีกครั้ง “ที่นี่ก็เป็นผับธรรมดาทั่วไปนั่นแหละนะ เพียงแต่ว่าบางครั้งก็มีสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้เกิดขึ้น พูดง่ายๆ คือมันอยู่ที่ความพอใจของลูกค้าและตัวสาวเสิร์ฟเองน่ะครับ คุณคงเข้าใจใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดตามความจริง การที่สาวเสิร์ฟคนไหนจะออกไปต่อกับแขกข้างนอกผับ มันไม่ได้อยู่ในการควบคุมดูแลของเขา ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นการสมัครใจของแต่ล่ะฝ่ายทั้งสิ้น
“เข้าใจค่ะ แต่ว่าถ้าพนักงานคนไหนไม่เต็มใจ มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธใช่ไหมคะ”
“แน่นอนครับ ที่นี่เคารพสิทธิส่วนบุคคลอย่างเต็มที่ ไม่มีการบังคับขู่เข็ญกันแน่นอน แต่ถ้าจะพูดจริงๆ ไม่ค่อยมีพนักงานคนไหนปฏิเสธน้ำใจจากแขกหรอกนะครับ ทุกคนที่นี่ต่างก็ทำงานเพื่อเงินเพื่อความอยู่รอดกันทั้งนั้น” อัมรินทร์จ้องหน้าหญิงสาว อยากรู้นักว่าเธอจะมีมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างไร
“ฉันไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคนอื่นหรอกค่ะ แต่สำหรับตัวฉันเอง ฉันขอยืนยันได้เลยว่าจะไม่รับข้อเสนออะไรจากลูกค้าของผับนี้เด็ดขาด เงินเดือนที่คุณอ้นระบุไว้ในสัญญาไม่ทำให้ฉันขัดสนหรอกค่ะ ที่พักก็มีให้อยู่ฟรีด้วย” คำยืนยันที่หนักแน่นของพลอยญาวี ทำให้ชายหนุ่มยิ่งแต่ประทับใจในตัวเธอมากขึ้น ผู้หญิงเด็ดเดี่ยวแบบนี้แหละที่เขาตามหามานาน และอีกเพียงครู่เดียวเขาก็จะได้พิสูจน์แล้วว่าสาวเจ้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนอย่างที่แสดงออกหรือเปล่า
พลอยญาวียกน้ำส้มขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ดวงตาที่เคยชัดเจนแจ่มแจ้งเริ่มพร่าเลือน รู้สึกวูบโหวงในศีรษะเหมือนสติกำลังจะหลุดลอยออกไป หญิงสาวหอบหายใจแรง เลือดในกายร้อนฉ่าพาให้ร่างกายอ่อนปวกเปียกจนต้องเอนพิงพนักโซฟาไว้ เธอกะพริบตาถี่ๆ สองสามครั้งเผื่อจะดีขึ้น แต่แล้วความมืดมิดก็แย่งชิงแสงสว่างจากดวงตาคู่สวยไปจนหมด
อัมรินทร์ยิ้มร้ายกาจ ยกแก้วไวน์ขึ้นจรดกับริมฝีปากแล้วดื่มรวดเดียวหมด หลังจากนั้นเขาก็ตรงเข้าช้อนร่างไร้สติของพลอยญาวีไว้ในอ้อมแขน พาเธอเดินหายตรงไปยังประตูที่ทะลุออกไปหาห้องนอนชั่วคราวที่หรูหรากว้างขวางสมฐานะ อัมรินทร์วางร่างบางลงบนเตียงนุ่ม ยกมือขาวเนียนขึ้นจุมพิตจับจอง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาติดต่อหาผู้ช่วยที่ตอนนี้คงควบคุมงานต่างๆ อยู่ในข้างในผับ
“คืนนี้ฉันไม่ออกไปแล้วนะ อยากพักผ่อนเร็วหน่อย นายช่วยดูแลแทนด้วยล่ะกัน” ผู้จัดการหนุ่มหล่อส่งต่อคำสั่งไปยังผู้ช่วยคนสนิท เมื่ออีกฝ่ายรับคำด้วยความเต็มใจ เขาก็กดวางสาย เดินไปคว้าผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนราวใกล้กับตู้เสื้อผ้าหายเข้าห้องน้ำไปทันที
พลอยญาวีที่น่าสงสาร...โชคร้ายจะซ้ำเติมเธอไปถึงไหน
อรรัมภาบังเอิญได้ยินวาทินคุยโทรศัพท์กับอัมรินทร์เข้าพอดี เรื่องที่เขาตัดสินใจจะพักผ่อนก่อนเวลาอันควร ตอนแรกเธอก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรยังไง แต่เมื่อเดินตามหาพลอยญาวีจนทั่วผับ รวมทั้งถามหาจากสาวเสิร์ฟคนอื่นๆ แล้ว ปรากฏว่าคืนนี้เพื่อนสาวของเธอยังไม่ได้เริ่มงานเลยด้วยซ้ำ ความเป็นห่วงทำให้อรรัมภารีบไปที่ห้องพักของหญิงสาว แต่ก็ไม่พบ
อรรัมภากระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก หากพลอยญาวีโชคร้ายได้พบเจอกับเรื่องไม่ดี เธอคงไม่ยอมให้อภัยตัวเองไปทั้งชีวิต ในฐานะที่เป็นคนนำพาเพื่อนรักมาที่นี่ หลังจากพยายามเดินตามหาอีกฝ่ายอีกครั้ง เธอก็นึกถึงอัมรินทร์ขึ้นมาได้ ร่างอวบอัดในชุดเซ็กซี่ยั่วยวนรีบเดินไปหาผู้ช่วยผู้จัดการนามว่าวาทินด้วยความรวดเร็ว
“คุณทินคะ เห็นคุณอ้นบ้างไหม” เธอถามทั้งที่พอรู้อยู่ก่อนแล้ว
“อ๋อ คุณอ้นโทรมาบอกว่าคืนนี้จะไม่เข้ามาแล้ว เห็นว่าอยากพักผ่อนน่ะ มีอะไรด่วนหรือเปล่าอร”
“เปล่าค่ะเปล่า แล้วคุณทินพอจะทราบไหมคะว่าคุณอ้นค้างที่ผับหรือกลับบ้าน”
“ผมไม่เห็นตอนคุณอ้นออกไปนะ คิดว่าน่าจะค้างที่นี่แหละ”
“ขอบคุณนะคะ” แล้วหญิงสาวก็รีบเดินจากไป ทิ้งให้วาทินมองตามด้วยความไม่เข้าใจ
อรรัมภาก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปที่ห้องรับรองทันที บางทีพลอยญาวีอาจจะอยู่กับอัมรินทร์ที่นั่น ประตูที่เปิดเข้าไปสู่ห้องรับร้องแขกไม่ได้ลงล็อกไว้อย่างที่คิด หญิงสาวรีบเดินผ่านเข้าไปในส่วนที่รู้ดีว่าเป็นห้องพักส่วนตัวของผู้จัดการหนุ่ม มือบางชะงักเมื่อพบว่าประตูห้องนอนถูกล็อกเอาไว้
อรรัมภาเงื้อมือขึ้นหวังจะเคาะประตู แต่แล้วก็เปลี่ยนใจวิ่งกลับไปหาวาทินอีกครั้ง เธอจำเป็นต้องสร้างเรื่องโกหกโดยที่ไม่ได้อยากทำเลยแม้แต่น้อย
“คุณทินคะ”
“ว่าไงครับ” วาทินที่กำลังส่งยิ้มทักทายแขกผู้ใหญ่หันมาหาอรรัมภา
“ขอโทษที่รบกวนเวลางานนะคะ แต่พอดีว่าเมื่อกี้อรเจอคุณอ้นที่ห้องรับรอง คุณอ้นบอกว่าจู่ๆ ประตูห้องนอนก็ล็อกเอง เลยให้อรมาขอกุญแจสำรองที่คุณทินน่ะค่ะ คุณอ้นลืมกุญแจไว้ในห้องค่ะ” อรรัมภาพยายามทำสีหน้าให้ราบเรียบที่สุด แน่นอนว่าวาทินไม่ได้สงสัยอะไรเลย ข้อแรกเป็นเพราะเขาแอบชอบอรรัมภาอยู่ด้วยความจริงใจ ข้อที่สองคือเธอไม่น่าจะมีเหตุผลที่ต้องมาโกหกเขา
“ถ้าใช้เสร็จแล้วเอามาคืนให้ผมด้วยนะ กุญแจสำรองพวงนี้สำคัญมาก” วาทินยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนสีดำ เพื่อหยิบยื่นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการให้จนถึงมือ อรรัมภาไม่ได้กล่าวขอบคุณเขา เธอเพียงแค่พยักหน้าเร็วๆ แล้วรีบมุ่งหน้าไปยังจุดหมายเดิมอีกครั้ง
ร่างอวบอัดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอน แต่เมื่อตระหนักดีว่าทุกวินาทีมีค่าต่อพลอยญาวีมากแค่ไหน อรรัมภาจึงตัดความกลัวทิ้งไป รีบเสียบกุญแจดอกที่วาทินบอกเข้าที่ลูกบิดประตู แล้วเปิดเข้าไปในห้องทันที
สิ่งที่เธอเห็นอยู่เบื้องหน้าคือร่างไร้สติของเพื่อนสาว โชคดีที่ตอนนี้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับอัมรินทร์โดยตรง ทว่าเสียงน้ำไหลในห้องน้ำที่เริ่มแผ่วลงบ่งบอกว่าอีกไม่นานเขากำลังจะกลับออกมาแล้ว
อรรัมภาตรงเข้าไปหาพลอยญาวี พยายามใช้มือตบเบาๆ ที่ข้างแก้มและกระซิบเรียก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหลับลึกจนผิดสังเกต เวลาที่เหลือน้อยลงทุกขณะทำให้อรรัมภาต้องตัดสินใจ ในเมื่อพลอยญาวีไม่ยอมตื่น เธอก็ต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีประคองตัวคนที่อ่อนปวกเปียกขึ้น พยายามพากันออกไปจากห้องนอนอย่างทุลักทุเล ไม่ลืมดึงพวงกุญแจออกจากประตูและปิดมันลงตามเดิมให้เรียบร้อย อัมรินทร์ต้องคาดไม่ถึงแน่ว่ามีใครสักคนมาพาพลอยญาวีออกไป และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
“เฮ้ย! หายไปไหนวะเนี่ย” ชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำอุทานดังลั่น เมื่อพบว่าบนเตียงกว้างไร้ซึ่งร่างงดงาม เขาลองเดินไปตรวจตราที่ประตูก็พบว่าทุกอย่างปกติดี แต่มันจะเป็นไปได้หรือที่พลอยญาวีจะเป็นคนเดินออกไปจากที่นี่เอง ในเมื่อยานอนหลับที่เขาใส่ในเครื่องดื่มของเธอ รุนแรงพอที่จะทำให้หลับไปนานหลายชั่วโมงเลยทีเดียว
อัมรินทร์ขบกรามแน่น แค้นใจนักที่เหยื่อสาวหลุดรอดไปได้ แต่ช่างปะไร วันพระไม่ได้มีหนเดียว ตราบใดที่เธอยังทำงานอยู่ที่ซันซาร์ผับ นั่นก็หมายความว่าโอกาสของเขายังไม่ได้หมดลงเพียงแค่คืนนี้ สักวันหนึ่งเขาจะต้องทำให้สาวสวยไร้เดียงสาคนนั้นมานอนครางอยู่ใต้ร่างให้สำเร็จ
