ตอนที่ ๕ รวบหัวรวบหาง 2
“ฉันบอกให้ออกไป!”
“ถ้าผมไม่ออกไปแล้วคุณจะทำอะไรได้...ไม่ว่ายังไงคุณก็จะต้องแต่งงานกับผม” พูดจบศศินก็ขยับเข้าใกล้หญิงสาว
“ออกไปนะ! กลับไปหาผู้หญิงของคุณซะ อย่ามาวุ่นวายกับฉัน!”
“อย่าทำเป็นเล่นตัวไปหน่อยเลยพลอย! ผมรู้นะว่าคุณยังรักผมอยู่” ศศินตวาดเสียงกร้าว ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ตั้งท่าจะไล่ต้อนหญิงสาวให้จนมุม
พลอยญาวีคลานลงไปยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียงนอน หัวใจเธอเต้นระรัว ร่างผอมบางสั่นเทิ้มด้วยความตื่นตระหนก ศศินกับเธออยู่ในสถานที่อันล่อแหลม และประมุขของบ้านหลังนี้ก็ได้จากไปแล้ว ถ้าหากชายหนุ่มเกิดทำในสิ่งที่เธอคาดคิดไม่ถึงขึ้นมาจริงๆ คงไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือได้อย่างแน่นอน
ศศินเดินอ้อมมาหาพลอยญาวี แต่เธอรีบคลานขึ้นเตียงหนีไปอีกฝั่ง เตรียมตัวจะวิ่งออกจากห้องนอนไป ศศินอาศัยความแข็งแรงและปราดเปรียวกว่าเข้าประชิดร่างบาง แน่นอนว่าสุดท้ายเธอก็ต้องตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ปล่อยนะ! นี่คุณจะทำอะไรของคุณกันฮะ!” หญิงสาวดิ้นขลุกขลัก ขณะที่ชายหนุ่มยิ้มกว้าง และโน้มใบหน้าลงจุมพิตข้างแก้มนวลฟอดใหญ่
“คนสกปรก! ปล่อยฉัน!”
“ปากดีไปเถอะพลอย ถึงยังไงวันนี้คุณก็ต้องเป็นเมียไอ้สกปรกอย่างผมอยู่ดี!” พูดจบศศินก็เหวี่ยงหญิงสาวเต็มแรงจนเซถลาไปกองบนพื้นห้อง เธอรู้สึกเจ็บจุกไปหมด แต่ก็ยังพยายามหยัดกายถอยหนี
ศศินมองสาวสวยที่หมดหนทางสู้ด้วยแววตาวาวโรจน์ เขาก้าวเท้าตามเธอไปย่างย่ามใจ ระหว่างนั้นก็ยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีครีมออกทีละเม็ด ก่อนกระชากมันออกจากตัวและโยนลงบนพื้น ยิ่งเห็นอาการหวาดหวั่นของหญิงสาว ไฟปรารถนาในกายชายก็ยิ่งคุโชนมากขึ้น
“อย่านะศิน อย่าเข้ามานะ” พลอยญาวีร้องบอกทั้งน้ำตา
“อย่าห่วงไปเลยที่รัก เดี๋ยวผมจะทำให้คุณรู้เองว่าสวรรค์มันเป็นแบบไหน แล้วไม่ต้องกลัวว่าจะเสียตัวให้ผมฟรีนะ เพราะเราจะแต่งงานกันแน่นอน ผมยืนยันว่าผมรักคุณ”
ชายหนุ่มคว้าข้อมือบางไว้ แล้วฉุดกระชากให้ลุกขึ้น พลอยญาวีต้านทานแรงของเขาไม่ไหว สุดท้ายจึงถูกจับไปตรึงไว้บนเตียง ร่างหนาของศศินทาบทับลงบนตัวเธอแน่น ไม่เปิดโอกาสให้ได้ดิ้นรนอีก
“ปล่อยนะ! อย่าทำแบบนี้เลย ฉันขอร้องล่ะ”
“ผมไม่ยอมหรอกพลอย ผมต้องทำให้คุณเป็นของผม เราต้องแต่งงานกัน!”
“นี่หมายความว่าคุณไม่ได้รักฉันเลยใช่ไหม คุณอยากได้ตัวฉัน แต่ไม่เคยสนใจหัวใจของฉันเลยใช่ไหม!” พลอยญาวีเลือกที่จะยื้อเวลาให้นานขึ้น ด้วยการยกเรื่องราวระหว่างเขากับเธอขึ้นมาอ้าง
“พลอย...” ศศินชะงักอย่างที่หญิงสาวคาดไว้ “ผมพูดเป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้วนะว่าผมรักคุณมาก แต่ที่ผมต้องกลายเป็นไอ้บ้ากามอยู่ตอนนี้ ก็เพราะคุณอยากใจร้ายกับผมเอง คุณตอบตกลงแต่งงานกับผมแล้ว แต่จู่ๆ คุณก็มาเปลี่ยนใจเพราะรู้เรื่องผู้หญิงคนนั้น ฟังผมนะ...ผมไม่ได้รักคนอื่นนอกจากคุณ เพียงแต่ผู้หญิงคนนั้นมีประโยชน์กับธุรกิจของผมมาก ผมจำเป็นต้องเก็บเธอเอาไว้” แววตาของเขาหม่นลงเล็กน้อย และยังยึดข้อมือพลอยญาวีไว้แน่น
“ฉันเองก็ไม่เคยคิดจะใจร้ายกับคุณเลยนะคะ แต่ฉันทนไม่ได้จริงๆ ที่เห็นคุณไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่น ฉันรักคุณมากนะศิน มันเป็นธรรมดาที่ฉันจะหึงหวงคุณ ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจฉันบ้าง”
เธอโกหก เพราะหลังจากได้เห็นนิสัยแท้จริงของศศิน เธอก็รู้ว่าเขาไม่มีทางรักเธอด้วยความจริงใจแน่ และถ้าหากเธอตกเป็นของเขาจริงๆ วันข้างหน้าก็อาจถูกเขี่ยทิ้งเหมือนผู้หญิงคนอื่น
“พลอย...คุณพูดจริงๆ ใช่ไหม” ชายหนุ่มถามเสียงแผ่ว
“จริงสิคะ ฉันรักคุณจริงๆ นะ” พลอยญาวีตีหน้าเศร้า “แล้วถ้าคุณอยากสัมผัสฉัน ทำไมถึงไม่เริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไปล่ะ ทำแบบนี้ฉันคงช้ำหมดพอดี ปล่อยฉันก่อนนะคะ”
ศศินมองเธออย่างลังเล รอยยิ้มประหลาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคาย เขากับพลอยญาวีคบหากันมานานหลายปี เรียกได้ว่ารู้ไส้รู้พุงกันเกือบทุกอย่าง แล้วมีหรือที่เขาจะดูไม่ออกว่าเธอกำลังจัดฉากให้ตายใจ จริงอยู่ที่ผู้หญิงมีมารยาร้อยเล่มเกวียน แต่บางครั้งมันก็ใช้ไม่ได้สำหรับผู้ชายบางคน โดยเฉพาะกับศศิน
“คุณโกหกไม่เก่งเลยนะพลอย ปากบอกว่ารักผม แต่แววตาที่มองผมกลับมีแต่ความรังเกียจ ที่สำคัญคนอย่างคุณไม่มีทางยอมให้ผมแตะต้องได้ง่ายๆ หรอก”
“ไม่ใช่นะ ฉัน...” หญิงสาวถึงกับพูดไม่ออก
“ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้มันตบตาผมไม่ได้หรอกพลอยญาวี!” ศศินตะโกนก้อง ก่อนจะก้มหน้าลงบดจูบหญิงสาวอย่างดุดัน
พลอยญาวีเม้มปากแน่นและสะบัดหน้าหนีเขา เมื่อศศินเอื้อมมือมาบีบกรามเล็กไว้ เธอจึงใช้มือข้างที่เป็นอิสระข่วนใบหน้าเขาเต็มแรง ชายหนุ่มร้องลั่น พร้อมถอยออกห่าง พลอยญาวีจึงยกเท้าขึ้นยันอกเขาด้วยอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะรีบคลานลงจากเตียงนอน แล้ววิ่งออกจากห้องไปโดยไม่คิดจะหันกลับมามองอีก
ศศินวิ่งตามหญิงสาวมาติดๆ แต่ความกลัวทำให้พลอยญาวีมีแรงฮึดสู้ เธอรีบตรงไปที่ห้องของนมรุ่ง ภาวนาในใจขอให้ประตูไม่ได้ลงล็อกเอาไว้ ดูเหมือนโชคชะตาจะยังไม่เลวร้ายเกินไปนัก เพราะเมื่อดึงประตูให้เปิดประตูออกได้ เธอก็รีบแทรกตัวเข้าไปข้างใน และปิดประตูลงล็อกทันที
“เปิดประตูนะพลอย! คิดว่าผมจะพังเข้าไปไม่ได้งั้นเหรอ” ศศินทุบประตูโวยวายเสียงดัง แต่พลอยญาวีไม่สนใจ เธอรีบโผเข้าหาอ้อมกอดของนมรุ่ง ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนสุดเสียง
นมรุ่งไม่ได้ถามหญิงสาวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้นางได้ยินเรื่องราวทุกอย่างจากการสนทนาระหว่างคนสนิทของศศินแล้ว ในตอนแรกนมรุ่งอยากจะขึ้นไปช่วยพลอยญาวี แต่คนสนิทของศศินก็เอาแต่กันท่านาง และมีคำสั่งให้เก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอนตลอดเวลา ขืนออกไปเพ่นพ่านข้างนอกอีก ก็จะจัดการขั้นเด็ดขาดเสีย นมรุ่งไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องทนอยู่ในห้องเพื่อหาโอกาสอันเหมาะสม จนกระทั่งท้ายที่สุดพลอยญาวีก็หนีมาหานางที่นี่
“ไอ้คนสารเลวนั่นมันทำร้ายคุณหนูไปแล้วหรือยังคะ? ถ้ามันกล้าทำแบบนั้น นมจะออกไปจัดการกับมันเอง” นมรุ่งถาม ขณะกอดกระชับร่างบางอย่างแนบแน่น
“พลอยหนีมาได้ก่อนค่ะ พลอยกลัวเหลือเกิน ฮือๆๆ พลอยกลัวค่ะนม”
“ใจเย็นก่อนนะคะคุณหนู นมหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว คุณหนูของนมต้องปลอดภัยแน่นอนค่ะ” นมรุ่งไม่ได้บอกพลอยญาวีว่ามีทางออกอย่างไรสำหรับเรื่องนี้ นอกจากผละออกห่างหญิงสาวอย่างนุ่มนวล แล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงประตูห้อง
“กลับไปซะ! ถ้ายังโวยวายอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไปละก็ ฉันจะโทรแจ้งตำรวจมันเดี๋ยวนี้เลย ถึงคุณจะมีอิทธิพลกว้างขวาง แต่อย่างน้อยการแจ้งตำรวจก็ต้องหยุดคุณได้บ้างในระยะหนึ่งนั่นแหละ จริงไหม!”
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับนมนะ! เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ผมจะเข้าไปคุยกับพลอยให้รู้เรื่อง” ศศินยังไม่ยอมแพ้
“ฉันจะนับหนึ่งถึงสามเท่านั้นนะ” นมรุ่งตะโกนผ่านประตูห้องอีกครั้ง คราวนี้คำขู่ของนางคงบังเกิดผล เพราะศศินยอมหยุดอาละวาดลงแต่โดยดี เขาพ่นถ้อยคำผรุสวาทออกมาสองสามคำ ก่อนจะยอมผละออกห่างจากประตูไป
“เฮ้อ! โชคดีนะคะที่นมเป็นคนถือกุญแจของบ้านหลังนี้ไว้เอง ไม่อย่างนั้นพวกคนชั่วคงตามเข้ามารังแกคุณหนูได้แน่ๆ” นมรุ่งหันมาเอ่ยกับหญิงสาว ตอนนี้เธอเริ่มตั้งสติได้แล้ว ทว่าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมถึงต้องพบเจอแต่สิ่งเลวร้าย
“พลอยไม่คิดเลยว่าศินจะเลวร้ายขนาดนี้ เขากล้าทำแบบนี้กับพลอยได้ยังไง!”
“อย่ามัวแต่สนใจเรื่องผู้ชายพรรค์นั้นเลยค่ะ นมว่าคุณหนูรีบออกไปจากบ้านอิศรเดชาก่อนดีกว่า”
“หมายความว่ายังไงคะนม? ทำไมพลอยถึงต้องออกไปจากที่นี่ด้วย” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น ไม่เข้าใจว่าแม่นมของบิดากำลังจะบอกอะไรกันแน่
“คุณศินไม่ยอมหยุดแค่นี้หรอกค่ะ นมรู้จักเขาดี ชื่อเสียงความร้ายกาจของเขาก็เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง คุณหนูอยู่ต่างประเทศก็อาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร นมคิดว่าคุณหนูควรหนีไปตั้งหลักก่อนนะคะ” นมรุ่งอธิบายคร่าวๆ ด้วยเกรงว่าศศินและคนของเขาจะกลับเข้ามาอีกครั้ง
“ไม่ค่ะ! พลอยต้องรออยู่ที่นี่ เผื่อว่าเจ้าหนี้ของคุณพ่อจะมา พลอยตั้งใจจะขอประนอมหนี้กับเขาดูค่ะ”
“เรื่องนั้นอย่าห่วงเลยค่ะ ถ้าเขามานมจะรีบติดต่อไปหาคุณหนูทันที”
“แต่ว่า...”
“รีบไปนะคะคุณหนู นมแอบบอกให้ชาติชายเตรียมรถเอาไว้รอแล้ว” นมรุ่งเร่งเร้า
“แล้วนมจะให้พลอยไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ”
“คุณหนูมีเพื่อนออกจะเยอะแยะ ลองนึกดูสิคะว่ามีใครบ้างที่พอจะช่วยคุณหนูได้ แต่ถ้าจะให้ดีก็ไม่ควรเลือกเพื่อนไฮโซนะคะ นมกลัวว่าคุณศศินจะตามตัวคุณหนูเจอเร็วเกินไป” นมรุ่งเตือนด้วยความหวังดี
“พลอยคิดว่ามีแน่นอนค่ะ ว่าแต่นมจะไม่ไปด้วยกันเหรอคะ พลอยไม่อยากทิ้งนมไว้ที่นี่เลย” หญิงสาวอดห่วงไม่ได้ เมื่อเห็นว่านมรุ่งต้องอยู่ท่ามกลางบ้านหลังใหญ่ที่เงียบเชียบเพียงลำพัง
“นมไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ อย่าลืมสิคะว่านมต้องอยู่ที่นี่ต่อไป เพื่อรอส่งข่าวเรื่องเจ้าหนี้รายใหญ่ให้คุณหนูทราบ คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงนมหรอกนะคะ นมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”
แม้ว่าผู้สูงวัยจะให้คำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่น พลอยญาวีก็ยังทำใจลำบาก แต่ถึงอย่างนั้นก็จำเป็นต้องบอกตัวเองว่าควรทำตามที่นมรุ่งบอก ตอนนี้เธอต้องรีบหนีไปให้ไกลจากศศิน ก่อนที่จะถูกทำร้ายกายใจไปมากกว่านี้
“ถ้าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วพลอยจะรีบกลับมาค่ะ และไม่ว่ายังไงพลอยก็จะต้องเอาชนะศศินให้ได้ นมต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุดนะคะ สัญญานะ”
“นมสัญญาค่ะ”
“ขอบคุณค่ะนม ตอนนี้พลอย...พลอยคงต้องไปแล้ว พลอยลาเลยนะคะ” หญิงสาวก้มกราบนมรุ่งอย่างนอบน้อม และสวมกอดนางไว้แน่นเป็นครั้งสุดท้าย
“ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะคะทูนหัวของนม...นมจะรอวันที่คุณหนูกลับมาค่ะ”
นมรุ่งเองก็ใจหายเหมือนกันที่ต้องปล่อยให้พลอยญาวีจากไป แต่เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งด้วยฝีมือของศศิน ทั้งสองคนจึงไม่มีเวลาให้ได้ร่ำลากันอีก
พลอยญาวีจำต้องปีนออกทางหน้าต่าง ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก เพราะห้องนอนของนมรุ่งอยู่ชั้นล่างสุดติดกับสนามหญ้า
เมื่อพาตัวเองออกมาได้สำเร็จ ก็พบว่าชาติชายยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาส่งกระเป๋าเป้ใบเล็กให้กับหญิงสาว ข้างในนั้นมีเสื้อผ้าเพียงสองสามชุดและกระเป๋าสะพายใบสวย
“นี่มันกระเป๋าของฉันนี่นา...ชายไปเอามาจากไหน”
“ผมเห็นมันวางอยู่ที่ห้องโถงตั้งแต่กลับมาจากวัดแล้วครับ ผมก็เลยเก็บเอาไว้ให้ เพราะตอนนั้นคุณหนูกำลังพักผ่อน ส่วนเสื้อผ้าพวกนี้เป็นของสาวใช้คนเก่าๆ ที่ลาออกไป ผมคิดว่ามันจำเป็นก็เลยแอบไปค้นหามา แต่ได้มาแค่สองสามชุดเองนะครับ เพราะส่วนใหญ่ก็ขนไปด้วยหมดแล้ว” ชาติชายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ได้แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะชาย อย่างน้อยนายก็ทำให้ฉันมีอะไรติดตัวไปบ้าง”
“ผมว่าเรารีบไปกันเถอะครับ ผมเตรียมรถไว้ทางประตูหลังเรียบร้อยแล้ว ตามมาทางนี้ครับคุณหนู” ชาติชายเกรงว่าศศินและคนของเขาจะตามมาทัน จึงรีบพาหญิงสาวเดินลัดผ่านสนามหญ้าตรงไปที่ประตูหลังทันที
พลอยญาวีถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อก้าวขึ้นรถได้อย่างปลอดภัย เธอบอกให้ชาติชายขับรถไปส่งที่บ้านเพื่อนสนิทตามที่คิดไว้ แน่นอนว่าต้องไม่มีใครตามหาเธอเจอแน่ เว้นเสียแต่ชาติชายจะกลายเป็นงูพิษหักหลังเธอขึ้นมาเสียเอง
“นายจะไม่หักหลังฉันใช่ไหมชาย?” หญิงสาวตัดสินใจถามตรงๆ
“โธ่! ไม่มีทางหรอกครับคุณหนู ผมไม่เคยลืมเลยว่าคุณท่านมีบุญคุณกับผมมากแค่ไหน ผมอาจจะเป็นได้ทุกอย่างนะครับ แต่ยกเว้นการเป็นคนเนรคุณ ผมจะไม่ยอมให้ใครตามมาทำร้ายคุณหนูได้แน่นอนครับ สบายใจได้เลย”
“ขอบใจมากนะชาย ฉันจะไม่มีวันลืมเลยว่านายมีบุญคุณกับฉันมากแค่ไหน”
“อย่าคิดว่ามันเป็นบุญเป็นคุณเลยครับคุณหนู ผมทำไปเพื่อความถูกต้องเท่านั้นเอง แล้วถ้าขาดเหลืออะไรก็ติดต่อหาผมได้ตลอดเวลาเลย เบอร์โทรศัพท์ของผม คุณหนูคงยังมีอยู่นะครับ” คนขับรถวัยยี่สิบแปดปีเอ่ยถามขึ้น สายตาจ้องมองไปยังถนนหนทางเบื้องหน้าอย่างแน่วแน่
“ในกระเป๋าของฉันมีโทรศัพท์มือถืออยู่จ้ะ เอาไว้ถ้าขาดเหลืออะไรฉันจะรีบติดต่อหาชายก็แล้วกัน” ชาติชายผงกศีรษะรับรู้ และไม่คิดจะรบกวนนายสาวอีก
พลอยญาวีหลับตาลง กอดกระเป๋าเป้ที่เป็นเหมือนสมบัติเพียงชิ้นเดียวเอาไว้แน่น หนทางข้างหน้ามืดมนเสียเหลือเกิน ผู้หญิงที่เคยใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาตลอด คงต้องมาเผชิญหน้ากับความยากลำบากก็คราวนี้นี่เอง หากบิดาของเธอกำลังเฝ้าดูอยู่ พลอยญาวีเดาไม่ออกเลยว่าท่านจะรู้สึกเสียใจแค่ไหน ที่ทิ้งเธอไปท่ามกลางสถานการณ์เลวร้ายอย่างนี้
