ตอนที่ ๕ รวบหัวรวบหาง 1
หลังจากใช้เวลาอยู่กับริต้าจนสาย และเข้าไปดูงานที่ค้างอยู่ที่บริษัทจนเวลาล่วงเลยผ่านไปจวบจนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืดลง ศศินก็ตัดสินใจไปพบพลอยญาวีที่บ้านอิศรเดชาอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มพาคนสนิทสองคนไปด้วยกัน เพราะรู้ว่าหญิงสาวจะต้องหาทางต่อต้านแน่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจเดิม เพราะได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะใช้วิธีใดจัดการกับเธอ
เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาจอดไม่ได้ทำให้พลอยญาวีหลุดจากภวังค์แต่อย่างใด ใบหน้าสวยซีดเซียวดูเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก เมื่อเช้าเธอ นมรุ่ง รวมทั้งชาติชายได้ไปที่วัดเพื่อจัดการกับเถ้ากระดูกของนายบุรินทร์เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้วันนี้หัวใจเจ็บปวดทรมานจนไม่คิดจะสนใจสิ่งรอบข้างอีก จนกระทั่งนมรุ่งเดินเข้ามาแตะไหล่เบาๆ เพื่อเรียกสติ
“คุณหนูคะ เอ่อ...คุณศินมาขอพบค่ะ” ผู้สูงวัยเอ่ยอย่างไม่มั่นใจนัก
“พลอยไม่อยากพบใครทั้งนั้นค่ะ บอกเขากลับไป แล้วอย่ามาที่นี่อีก” พลอยญาวีเสียงแข็งขึ้นมาทันที แต่ดูเหมือนศศินจะไม่ได้สนใจรอรับคำอนุญาตจากเจ้าของบ้าน เพราะเขาเดินตามหลังนมรุ่งมาตั้งแต่แรกแล้ว
“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าเราสองคนจะคุยกันรู้เรื่อง” ร่างสูงโปร่งยืนสงบนิ่งอยู่ตรงหน้า เหลือบสายตามองคนสนิทแล้วพยักพเยิดไปทางนมรุ่ง
“ผมมีเรื่องต้องคุยกับพลอยครับนม ผมอยากขอเวลาส่วนตัว” แล้วคนของศศินก็เดินเข้าหานมรุ่งด้วยท่าทีคุกคาม ขณะที่ชายหนุ่มอีกคนเดินกลับออกไปข้างนอก เพื่อกันชาติชายไม่ให้เข้ามาวุ่นวายภายในบ้าน ระหว่างที่ศศินต้องการความเป็นส่วนตัวกับพลอยญาวี
“อย่ามาเสียมารยาทในบ้านของฉันนะ!” เจ้าของบ้านตวาดใส่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณหนู เดี๋ยวนมจะเข้าไปอยู่ในห้องของนมก่อน คุณหนูคุยกับคุณศินไปเถอะค่ะ”
“ไม่ต้องค่ะนม พลอยไม่คุยกับคนแปลกหน้า”
“อย่าทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ดีกว่าไหมพลอย” ศศินพูดเป็นเชิงขู่
“คิดว่าฉันกลัวคำขู่ของคุณงั้นสินะ” พลอยญาวีแค่นยิ้ม “เสียใจด้วยที่ฉันไม่ได้แคร์คำขู่ของคุณเลย”
“แต่นมรุ่งแคร์...ใช่ไหมครับนม”
ชายหนุ่มหันไปจ้องหญิงชราด้วยแววตามาดร้าย นมรุ่งลอบถอนหายใจ ก่อนจะยอมเดินเลี่ยงไปพร้อมกับคนของศศินแต่โดยดี ด้วยเห็นว่าในบ้านหลังนี้มีแต่ผู้หญิง คงไม่ใช่เรื่องดีนักถ้าคิดจะต่อกรกับลูกชายคนเดียวของผู้มีอิทธิพล
“นมคะ!”
“เลิกสนใจอย่างอื่นแล้วมาคุยกันดีกว่าพลอย” ศศินคว้าข้อมือบางไว้แน่น เมื่อเธอตั้งท่าจะเดินตามนมรุ่งไปด้วยคน
“ปล่อยฉัน! แล้วก็รีบออกไปจากที่นี่ซะ”
“อย่าคิดว่าคุณมีสิทธิ์ต่อรองสิ ผมมาวันนี้ก็เพื่อจะบอกว่างานแต่งงานของเราจะต้องเกิดขึ้น”
“คุณอยากแต่งกับใครก็เชิญ แต่ที่แน่ๆ ฉันไม่มีทางยอมเป็นภรรยาของผู้ชายอย่างคุณเด็ดขาด!” พลอยญาวีตะโกนใส่หน้าเขา ขณะพยายามบิดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม
“คุณต้องแต่งงานกับผม คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น!”
“คุณบังคับฉันไม่ได้หรอก”
“ได้สิ ผมทำได้ทุกอย่าง ถ้ามันทำให้ผมได้ในสิ่งที่ต้องการ”
“สารเลว!”
“ใช่ ผมเลว และจะเลวยิ่งกว่านี้ถ้าคุณยังดื้อด้านอยู่” ศศินรวบร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด
“ปล่อยฉันนะ!”
“ผมจะปล่อยก็ต่อเมื่อคุณตอบตกลงแต่งงานกับผม”
“ฉันไม่มีทางแต่งงานกับคุณหรอก ฉันยอมตายดีกว่าถ้าจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนเลวๆ แบบคุณ” พลอยญาวีประกาศกร้าว หยาดน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย เมื่อผู้ชายที่ดีแสนดีกลับกลายเป็นคนดิบเถื่อน บีบบังคับให้เธอยอมทำตามความต้องการที่เห็นแก่ตัวของเขาเอง
“อย่าดื้อสิพลอย...ผมรักคุณนะ ผมบอกไปแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นก็แค่ผลประโยชน์ทางธุรกิจ คุณเข้าใจผมบ้างสิ!” ศศินรู้ดีว่าการกระทำในตอนนี้กำลังทำให้หญิงสาวยิ่งแต่เพิ่มความรังเกียจมากขึ้น แต่เขาไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว
“ไม่! ฉันไม่เชื่อ ไม่อยากฟังอะไรอีกแล้ว คุณมันจอมหลอกลวง!”
“ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณจะคิดยังไง จำไว้ว่าคุณต้องแต่งงานกับผม คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น คิดให้ดีนะพลอย ถ้าคุณไม่ยอมรับผม คุณก็จะไม่เหลืออะไรเลย...จำที่ผมพูดเมื่อคืนได้ใช่ไหม”
“ฉันไม่ลืมหรอกว่าคุณพูดจาดูถูกฉันเอาไว้ยังไงบ้าง!”
“ถ้างั้นก็ตอบตกลงแต่งงานกับผมสิ! แล้วผมจะดีกับคุณเหมือนเดิม ผมจะรีบใช้ประโยชน์จากผู้หญิงคนนั้นแล้วก็เลิกยุ่งกับเธอ จากนั้นเราก็จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสันติไงพลอย”
“ไม่มีทาง! ฉันไม่มีทางยอมแต่งงานกับคุณเด็ดขาด!”
“พลอยญาวี!”
“จำเอาไว้นะว่าฉันจะเป็นคนทำให้คุณต้องเสียใจไปตลอดชีวิต สุดท้ายคุณจะต้องไม่เหลืออะไรเหมือนกับฉัน ถึงเวลานั้นคุณจะได้รู้เองว่าความทุกข์ที่แท้จริงมันเป็นยังไง!”
“คุณกำลังทำให้ผมต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำนะพลอย” แววตาที่จ้องมองมาเข้มขึ้นจนดูน่ากลัว
“ปล่อยฉันได้แล้ว!”
“ผมไม่ปล่อย!” ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น “ช่วยไม่ได้จริงๆ ถ้าคุณต้องการแบบนี้ แต่รู้ไว้ด้วยว่าผมต้องได้ตัวคุณ”
“คุณไม่มีทางได้ตัวฉันแน่”
“งั้นก็ต้องลองดูแล้วล่ะ!” พูดจบศศินก็ใช้มือข้างหนึ่งรั้งต้นคอหญิงสาวเอาไว้แน่น แนบริมฝีปากเข้าหาเพื่อบดจูบรุนแรง เลื่อนใบหน้าต่ำลงเพื่อรุกรานบริเวณซอกคอขาวผ่อง ไม่สนใจมือเล็กที่จิกกดและทุบตีลงบนไหล่เป็นพัลวัน
พลอยญาวีพยายามดิ้นรนออกห่างเขา แต่ยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกมาด้วยซ้ำ ร่างกายที่อ่อนเพลียบวกกับความรวดร้าวภายในใจก็ทำให้สติสัมปชัญญะดับวูบลง ศศินรองรับร่างไร้สติเอาไว้ได้ทัน และแน่นอนว่าความบังเอิญนี้ทำให้ชายหนุ่มได้เปรียบเป็นอย่างมาก
คนเจ้าเล่ห์กระตุกยิ้มด้วยความพอใจ ก่อนจะพาร่างบางขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบนทันที
พลอยญาวีหมดสติไปไม่นานนัก และรู้สึกตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งพยายามปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกายเธอ เปลือกตาหนักอึ้งเริ่มหรี่ปรือขึ้นทีละน้อย
แสงสีส้มจางจากโคมไฟตั้งโต๊ะส่องกระทบเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย ความชัดเจนนั้นทำให้สติของหญิงสาวแตกตื่นขึ้นทันที
“ศิน!” พลอยญาวีรีบถอยห่างอย่างตื่นตระหนก
“ขอโทษที่ทำให้ตื่นนะพลอย” ศศินเอ่ยเสียงเรียบ แววตาดูนิ่งสนิท แต่เต็มไปด้วยความปรารถนา
“คุณ...คุณเข้ามาได้ยังไง ออกไปนะ!” เมื่อสายตากวาดมองไปรอบตัว แล้วพบตัวเองนั่งอยู่บนเตียงนอนในห้องส่วนตัว จึงรีบออกปากไล่ศศินด้วยความไม่ไว้ใจ
“อย่าไล่ผมเหมือนหมูเหมือนหมานักเลยน่า ตอนนี้มีแค่เราสองคน ผมว่าเราควรปรองดองกันมากกว่านะพลอย” ศศินยังคงนั่งอยู่ตรงริมเตียงเช่นเดิม ไม่คิดจะคำตามที่หญิงสาวสั่ง
