บท
ตั้งค่า

ตอนที่ ๔ ตัดขาดความสัมพันธ์ 1

ถนนเบื้องหน้าดูยาวไกลเหลือเกินสำหรับเวลานี้ รถราที่สัญจรไปมายังคงมีอยู่ค่อนข้างหนาตา เพราะตอนนี้นาฬิกาบนข้อมือบอกเวลาห้าทุ่มเศษ ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนรักสนุกนิยมออกมาดื่มด่ำกับแสงสีเสียงของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืน และมีผู้คนอีกไม่น้อยเหมือนกันที่อาจจะกำลังเดินทางกลับบ้าน หลังจากใช้เวลาอยู่กับงานที่ตนเองต้องรับผิดชอบอย่างยาวนาน

พลอยญาวีกำพวงมาลัยรถแน่นขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากรูปกระจับเม้มเหยียดเป็นเส้นตรง เมื่อภาพที่พยายามลืมกลับมาวนเวียนหลอกหลอนไม่ยอมจบสิ้น และอีกไม่นานนี้แล้วที่เธอจะได้พบกับความจริง

ความจริงที่จะเป็นตัวตัดสินอนาคตของเธอ รวมทั้งศศินด้วย...

ใช้เวลาขับรถร่วมสิบห้านาที พลอยญาวีก็มาถึงจุดหมาย ขาที่ก้าวลงจากรถสั่นรุนแรงจนต้องจับขอบประตูแน่นเพื่อช่วยยึดตัวเอง

เธอผ่อนลมหายใจออกช้าๆ และสูดอากาศเข้าเต็มปอด ราวกับต้องการใช้มันเป็นเครื่องผลักดันให้กล้าก้าวเดินต่อไปข้างหน้า

พลอยญาวีขึ้นลิฟต์มุ่งหน้าไปยังชั้นหก ซึ่งเป็นชั้นที่ศศินพักอยู่ ความจริงเธอไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเขายังพักอยู่ที่นี่เหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะระหว่างที่เธอไปเรียนต่อต่างประเทศ ศศินอาจจะโยกย้ายเปลี่ยนแปลงที่พักของเขาแล้วก็ได้ แต่ที่เธอมั่นใจที่สุดคือเขาจะไม่มีทางอยู่ที่บ้านเด็ดขาด ศศินชอบอิสระและเกลียดที่จะอยู่ภายใต้การควบคุมของบิดาตัวเองมากที่สุด

หลังจากคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คนที่เดินไม่ค่อยมั่นคงนักก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง ร่างทั้งร่างเกร็งไปหมด แต่เมื่อได้รวบรวมสติพักหนึ่ง พลอยญาวีถึงได้เริ่มมีความกล้ามากขึ้น มือบางเอื้อมมือไปหาปุ่มออดใกล้ประตู ชะงักค้างกลางอากาศเล็กน้อย ก่อนจะกดนิ้วลงบนนั้นด้วยความรวดเร็ว พร้อมเบี่ยงตัวหลบให้พ้นทางกล้อง เพื่อให้คนในห้องมองไม่เห็นภาพผู้ที่กล้ามาเยือนในยามวิกาลเช่นนี้

พลอยญาวีเอื้อมมือไปกดปุ่มออดซ้ำอีกสองครั้ง และมันสร้างความรำคาญใจให้สองหนุ่มสาวที่ยังคงนอนกอดก่ายกันอยู่ในห้องเป็นอย่างมาก ศศินรั้งแขนริต้าให้นอนลงบนเตียงตามเดิม เมื่อเธอตั้งท่าจะลุกออกไปเสียเอง

“ผมจะออกไปดูเอง คุณอยู่บนเตียงไปก่อนนะ ถ้าผมไม่เรียกห้ามออกไปเด็ดขาด เข้าใจนะครับ”

ชายหนุ่มคว้าเสื้อคลุมสีขาวสะอาดมาสวมปิดบังเรือนกายเปลือยเปล่า ก่อนจะหันไปบอกอีกฝ่ายเสียงเข้ม เพราะเดาไม่ออกเลยว่าใครกันที่กล้ามารบกวนเขาในเวลาแบบนี้

“คุณทำเหมือนกำลังซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้นะคะ” ริต้าเหลือบตามองอย่างจับผิด

“ริต้า เราคุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอ”

“แน่นอนค่ะ เราคุยกันแล้วว่าฉันจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณ เชิญเถอะค่ะ...ฉันไม่ออกไปหรอก” ริต้ายิ้มหวาน มองหนุ่มหล่อตรงหน้าด้วยแววตาเย้ายวน ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะขยับเข้ามาจูบเธออย่างดูดดื่มอีกครั้ง

“ถ้าผมกลับมาคุณเจอดีแน่”

“ฉันจะรอนะคะ”

“ได้เลยที่รัก” ศศินไล้มือลงบนทรวงนุ่มหยุ่นเบาๆ ก่อนจะผละออกไปจากห้องนอน

ร่างสูงกำยำเดินดุ่มฝ่าความมืดตรงไปที่ประตูห้อง คิ้วเข้มได้รูปขมวดมุ่นเข้าหากัน เมื่อจอสี่เหลี่ยมข้างประตูที่มักแสดงภาพคนที่มาพบกลับกลายเป็นว่างเปล่า ศศินเกือบจะหันหลังกลับไปอยู่แล้ว หากเสียงออดไม่ดังขึ้นอีกครั้ง

“ใครเล่นตลกกันวะเนี่ย!” ชายหนุ่มพึมพำอย่างไม่ใคร่พอใจนัก แต่ก็ยอมเปิดประตูออกไปเพื่อดูให้รู้แน่ว่าใครกันที่กล้ามารบกวนเขาในเวลานี้ ซ้ำยังอาจหาญไม่ยอมแสดงตัวตนผ่านกล้องหน้าห้องอีกต่างหาก

ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก พลอยญาวีก็ก้าวมาเผชิญหน้าด้วยความรวดเร็ว ใบหน้าของศศินซีดเผือดเมื่อเห็นเธอยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาเบิกกว้างราวกับเห็นผี แต่อาการเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นนานนัก เพราะเมื่อตั้งสติได้ ชายหนุ่มก็รีบปรับสีหน้าให้กลับกลายเป็นปกติ ทั้งที่ความจริงหัวใจหล่นวูบไปกองอยู่ที่ปลายเท้าแล้ว

“พลอย คุณ...คุณเองเหรอเนี่ย ผมแปลกใจจัง” ศศินก้าวออกมาหาเธอ ใช้มือดึงประตูให้ปิดลงตามหลัง

“ศินจะไม่ชวนพลอยเข้าไปในห้องหน่อยเหรอคะ พลอยอยากนั่งพัก พลอยไม่ค่อยสบายค่ะ”

“เอ่อ...” ชายหนุ่มหายใจติดขัด “ผมว่าพลอยน่าจะไปหาหมอนะ ดูสิ หน้าซีดเลย”

“แล้วคุณจะพาพลอยไปหาหมอทั้งที่ใส่เสื้อคลุมตัวเดียวเนี่ยเหรอคะ ยังไงคุณก็ต้องกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พลอยเข้าไปรอข้างในดีกว่าค่ะ” พลอยญาวีเดินผ่านไหล่กำยำตรงไปที่ประตู แต่เขาหันมาคว้าข้อมือเธอไว้แน่น

“พลอย! คือ...รอตรงนี้ก่อนได้ไหม ห้องผมรกมากเลย ผมไม่อยากให้คุณเห็นภาพน่าอายน่ะครับ” ดูเหมือนสิ่งนี้จะเป็นเพียงข้อแก้ตัวเดียวที่ศศินจะคิดออก

“หาข้อแก้ตัวได้แย่มากเลยนะ!” หญิงสาวตวัดสายตามองเขาอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะโยนโทรศัพท์มือถือเข้าที่อกกว้างเต็มแรง และร่วงหล่นลงบนพื้น

“นี่มันอะไรกันพลอย คุณเป็นอะไรของคุณ” ศศินยังไม่เข้าใจ แต่ก็ก้มลงเก็บโทรศัพท์ที่วางนิ่งอยู่ที่ปลายเท้ามาขึ้นมาถือไว้

“เปิดดูเอาเองสิ แล้วคุณจะรู้ว่าฉันมาที่นี่ทำไม!” พลอยญาวีตวาดลั่น

ศศินมองหน้าคู่หมั้นสาวด้วยความไม่เข้าใจกึ่งหวาดกลัว อะไรกันที่จะทำให้เธอสูญเสียการควบคุมได้ถึงเพียงนี้ มันคงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่ ปกติพลอยญาวีจะเป็นพวกโกรธเงียบ แต่คราวนี้แสดงอารมณ์รุนแรงออกมาชัดเจน ดูท่าว่าอะไรบางอย่างที่เธอต้องการให้เขาดูคงจะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากพอสมควร

พลอยญาวีเห็นอีกฝ่ายยืนลังเล เธอจึงแย่งโทรศัพท์ไปจากมือเขา และจัดการกดเปิดคลิปวิดีโอให้เสร็จสรรพ ก่อนจะส่งคืนให้ได้เห็นมันเต็มสายตา เมื่อภาพเคลื่อนไหวที่ชัดทั้งการกระทำและคำพูดดังขึ้น ศศินก็แทบทรุด หัวใจเต้นโครมคราม และรู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้เขาได้สูญเสียพลอยญาวีไปแล้ว

ภาพพวกนี้ชัดเจนเกินกว่าจะสรรหาคำพูดใดมาแก้ตัวได้ แต่ที่เขาอยากรู้มากที่สุดคือวิดีโอคลิปพวกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วใครกันที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ ทั้งที่สถานที่ในคลิปคือห้องส่วนตัวของเขา และมีเพียงเขากับริต้าเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน เหตุใดถึงได้มีสิ่งนี้หลุดลอดไปจนถึงมือพลอยญาวี

ในเมื่อไม่ใช่ทั้งฝีมือของเขาและริต้า แล้วใครกันที่จงใจให้เรื่องนี้เกิดขึ้น...

“คุณคงไม่มีอะไรอธิบายหรอกนะ เพราะแค่นี้มันก็ชัดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยเสียสั่น หยาดน้ำตาร่วงรินไม่ขาดสาย แม้จะพยายามกักกั้นมันอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม

“พลอย...ผม...”

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกศิน พลอยเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว” พลอยญาวีตัดบทเอาง่ายๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องทันที

“พลอย!” ศศินพยายามตามมาห้ามปรามและบอกว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ แต่ดูเหมือนนั่นยิ่งทำให้เขาดูเลวร้ายขึ้นอีก เพราะสุดท้ายพลอยญาวีก็เปิดประตูเข้าไปเห็นริต้านอนเปลือยอยู่บนเตียงของเขา สองสาวสบตากันผ่านความมืด

“คุณคือคนที่โทรไปหาฉันใช่ไหมคะ” พลอยญาวีเอ่ยถามด้วยภาษาอังกฤษที่ฟังดูสุภาพ มองดูหญิงสาวชาวยุโรปกระชับผ้าห่มคลุมกายด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว แม้จะได้เผชิญหน้ากันตรงๆ แต่ก็น่าโมโหที่ความมืดทำให้มองหน้าอีกฝ่ายไม่ค่อยชัดเจนอยู่ดี

“เกรงว่าจะไม่ใช่ฉันนะคะ” ริต้าโกหก “ฉันไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายของฉันรู้จักคุณ”

“เราก็แค่คนเคยรู้จักค่ะ ฉันต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนเวลาส่วนตัว หวังว่าคุณคงจะไม่โกรธนะคะ”

“แน่นอนค่ะ ฉันไม่ได้คนโกรธง่าย แต่มันคงดีกว่านี้ถ้าคุณจะเคาะประตูก่อนเข้ามา” ริต้าเอ่ยอย่างถือดี ศศินจ้องเธอเขม็ง แต่นั่นไม่ได้ช่วยอะไร เพราะริต้าไม่ยอมสบตากับเขาด้วยซ้ำ

“ฉันขอโทษค่ะ รับรองได้เลยว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก” พลอยญาวีปาดน้ำตาออกจากแก้ม หันกลับมามองคู่หมั้นหนุ่มที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง

“พลอย...”

“ออกไปคุยกันหน่อยนะคะ ในนี้คงไม่เหมาะสมเท่าไร” แล้วเจ้าของร่างบางก็เดินกลับออกไปจากห้องนอนด้วยความรวดเร็ว ศศินมองริต้าอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรกับเธอในตอนนี้ รีบตามพลอยญาวีออกไปที่ห้องโถง

“พลอย” เขาเรียกชื่อเธอ ขณะเดินเข้าไปสวมกอดจากทางด้านหลัง

“เอามือสกปรกของคุณออกไป!” พลอยญาวีสะบัดตัวหนีด้วยท่าทีรังเกียจ “อย่ามาแตะต้องตัวฉันอีก เพราะนับจากวันนี้ไป เราสองคนจะเป็นแค่คนเคยรู้จักกันเท่านั้น!” หลังจากพูดจบแหวนเพชรน้ำงามก็ถูกรูดออกจากนิ้วเรียวสวย เธอวางมันลงบนโต๊ะรับแขกด้วยหัวใจที่แตกสลายย่อยยับ

“สวมแหวนกลับไปนะพลอย ผมไม่ยอมหรอก!” ศศินคว้าแหวนมาถือไว้ ปราดเข้าไปคว้ามือบางมายึดไว้แน่น หวังจะสวมแหวนคืนให้เธอ แต่ถูกมือเล็กอีกข้างสะบัดเข้าใส่ที่ข้างแก้มจนชาหนึบ ใบหน้าที่หันตามแรงตบรีบหันกลับมามอง

“สารเลว! คนอย่างคุณนี่คงไม่รู้จักสำนึกผิดเลยสินะ”

“ไม่ว่าผมจะเลวแค่ไหน แต่คนที่ผมรักมากที่สุดก็คือคุณนะพลอย!”

“เลิกพูดได้แล้ว!” คำพูดของเขาทำเอาเธอแทบสติแตก “เลิกพูดเสียทีว่ารักฉัน คุณแค่เห็นฉันเป็นของเล่นที่รอวันเขี่ยทิ้งเหมือนคนอื่นนั่นแหละ ผู้หญิงคนคุณนอนอยู่ในห้องแท้ๆ แต่คุณกลับมาพูดว่ารักฉัน คุณมันเลวได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ นี่ฉันตัดสินใจคบกับคนอย่างคุณได้ยังไงกัน!”

“ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงผมก็ไม่สน คุณต้องแต่งงานกับผม คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น!”

“คนเลว! ฮือๆๆๆ คุณมันสารเลว!” พลอยญาวีตรงเข้าไปทุบตีเขาเป็นพัลวัน เธอร้องไห้ชนิดไม่ลืมหูลืมตา กำปั้นเล็กๆ รัวอยู่บนแผ่นอกกว้างจนกระทั่งหมดแรงล้มลงบนพื้น

“ผมขอโทษพลอย ผมขอโทษ!” ศศินทรุดกายลงกอดเธอแน่น เจ็บปวดราวกับถูกของมีคมเชือดเฉือนลงบนหัวใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าความจริงจะทำร้ายพลอยญาวีขนาดนี้ เขารักเธอมาก และไม่มีทางไหนที่จะปล่อยเธอไปได้เลย มันอาจดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่เขาจะทำทุกอย่างเพื่อเหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้

“ฮือๆๆ”

“ผมจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง แต่คุณต้องรอนะพลอย รอผมหน่อย...ผมมีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนี้ คุณอย่าไปไหนเลยนะ อย่าทิ้งผมไปไหนนะ” มือใหญ่ลูบศีรษะเล็กไปมา และดึงให้ซุกซบอยู่แนบอก

“ฮือๆๆ ฆ่าฉันดีกว่าถ้าคุณจะสั่งให้ฉันทำแบบนี้” พลอยญาวีดันตัวเองถอยห่าง แต่ยังสู้แรงศศินไม่ได้

“ไม่นะพลอย อย่าพูดแบบนั้นได้ไหม”

“มันจบแล้วศศิน ฉันกับคุณไม่ใช่คนรักกันแล้ว เพราะฉันเกลียดคุณมาก...มากจนหาที่เปรียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ปล่อยฉัน...แล้วถอยไปให้ห่าง ฉันไม่อยากให้ความน่ารังเกียจของคุณติดตัวฉันไปมากกว่านี้อีก!” พูดจบเธอก็รวบรวมแรงเท่าที่มีผลักเขาไปให้ห่างจนสำเร็จ

“คุณทำแบบนี้ไม่ได้หรอกพลอย” ถึงตอนนี้ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมแพ้

“แล้วมาดูกันว่าฉันจะไปจากชีวิตคุณได้ไหม”

“คุณอย่ารนหาที่สิ ถ้าคุณไม่มีผม คุณก็ไม่ต่างจากนกที่ไม่มีปีก ลืมไปแล้วเหรอว่าคุณไม่มีทรัพย์สมบัติเงินทองอะไรเหลืออีกแล้วนะ แล้วไหนจะหนี้สินก้อนใหญ่ของคุณอีก ถ้าคุณไม่แต่งงานกับผม คุณจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เพราะนอกจากผมแล้ว ไม่มีผู้ชายหน้าโง่คนไหนในโลกยินดีจะแต่งงานกับคุณหรอก” ศศินรู้ตัวดีว่าคำพูดพวกนี้กำลังดูถูกพลอยญาวี แต่เขาจำเป็นต้องทำเพื่อกดดันให้เธอไม่มีทางเลือก และยอมตกลงแต่งงานกับเขาเหมือนอย่างเดิม

“แล้วฉันจะทำให้คุณเห็นว่าคนอย่างฉันมีค่ากว่าที่คุณคิด” หญิงสาวแค่นยิ้มเจ็บปวด แล้วประคองตัวเองลุกขึ้นยืน “คอยดูแล้วกันคุณศศิน พลอยญาวีคนนี้แหละที่จะทำให้คุณไม่เหลืออะไรเลย”

น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเป็นครั้งสุดท้ายเต็มไปด้วยความแค้นใจ เจ้าของร่างบอบบางก้มลงคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ก่อนจะรีบเดินกึ่งวิ่งกลับออกไปทันที

“สุดท้ายคุณก็ต้องซมซานกลับมาหาผม คอยดูสิพลอยญาวี!” ชายหนุ่มตะโกนไล่หลังไป แต่เธอไม่หันกลับมาอีกจนกระทั่งเสียงประตูปิดลงดังสนั่น

ศศินขบกรามแน่นด้วยความคับแค้นใจ มองแหวนเพชรที่อยู่ในมือตัวเองด้วยความเจ็บปวด แล้วก็พลันนึกถึงเรื่องที่ริต้าบอกว่ามีช่างไฟเข้ามาตรวจสอบในห้องขึ้นมาได้ เพียงแค่นั้นข้อสงสัยทั้งหมดก็กระจ่างทันที ชายหนุ่มรีบเดินกลับเข้าไปในห้องนอน หยุดมองริต้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมาแหงนมองที่กล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ตรงมุมห้องในมุมสูง

“ไม่ว่าแกจะเป็นใคร จำเอาไว้เลยนะว่าแกไม่มีทางตายดีแน่ ไอ้พวกหมาลอบกัด!” พูดจบศศินก็คว้าแจกันที่ตั้งอยู่ตรงใกล้มือขึ้นถือไว้ แล้วเหวี่ยงไปยังกล้องที่ติดตั้งอยู่ ความแม่นยำเพียงครั้งเดียวนั้นทำให้มันร่วงหล่นลงมาบนพื้น และแตกกระจายไม่เป็นชิ้นดี

“เกิดอะไรขึ้นคะ” ริต้ารีบก้าวลงจากเตียง เดินมาหาชายหนุ่มที่ยืนโกรธจัดอยู่ด้วยความไม่เข้าใจ

“มีใครบางคนต้องการลองดีกับผม ภาพทุกอย่างที่เราทำด้วยกันในห้องนี้ถูกแพร่ออกไปทั่วแล้ว”

“อย่าบอกนะคะว่าเป็นฝีมือพวกที่บอกว่าต้องการเข้ามาตรวจสอบวงจรไฟฟ้าในห้องนี้”

“พวกมันปลอมตัวเข้ามา แต่ผมไม่รู้หรอกนะว่าเป็นฝีมือใคร ทำไมต้องส่งคลิปวิดีโอบ้าบอพวกนี้ให้คู่หมั้นของผมด้วย”

“คู่หมั้น?...เหอะ ฉันนึกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่คู่นอนของคุณเสียอีกนะคะ” ริต้าแดกดันเสียงแข็ง

“ไม่เอาน่าริต้า ผมรู้ว่าคุณไม่ได้แคร์หรอก เพราะเรื่องของผมกับเธอจบลงตั้งแต่คืนนี้แล้ว”

“คุณกล้ามากนะคะที่โกหกคนอย่างฉัน คุณทำให้ฉันตายใจ!”

“ผมขอโทษ! โอเคไหมริต้า ผมเสียใจที่โกหก แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอหรอก เราหมั้นหมายกันมานานแล้ว แต่เธอเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แล้วเธอก็คืนแหวนหมั้นให้ผมแล้วด้วย คุณอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องเลือกคุณอยู่ดี...มันก็เหมือนอย่างที่คุณทิ้งธีโอมาหาผมนั่นแหละ แบบเดียวกันเลย!” ศศินยังคงโกหกเรื่องของพลอยญาวีต่อไป หากยอมรับว่ารักเธอและจะไม่มีวันปล่อยเธอไป ริต้ามีหวังได้หนีหายไปอีกคนแน่ ถึงตอนนั้นอนาคตทางธุรกิจของเขาก็ต้องพลอยสั่นคลอนไปด้วย

“เอาเถอะค่ะ ฉันจะลืมมัน แต่อันที่จริงฉันก็รู้มานานแล้วว่าคุณเป็นอะไรกับเธอ”

“ถ้างั้นคงเป็นคุณใช่ไหมที่โทรไปโกหกเธอว่ากำลังท้องกับผม”

“ถ้าใช่แล้วทำไมคะแซม คุณเห็นเธอสำคัญกว่าฉันรึไง” ริต้าจ้องเขาไม่วางตา

“เปล่าหรอกที่รัก ผมแค่ตั้งใจว่าจะบอกเธอเรื่องของเราด้วยตัวเอง แต่ช่างมันเถอะ มันไม่สำคัญแล้วล่ะ” ศศินพยายามสะกดกั้นความโกรธเอาไว้ และแสดงออกกับริต้าราวกับไม่ได้แคร์เรื่องทุกอย่าง ทั้งที่ความจริงอยากตามพลอยญาวีไปใจแทบขาดอยู่แล้ว

“ฉันดีใจ ที่คุณไม่ได้สนใจเธอมากมาย” ริต้าขยับเข้ามาชิดใกล้ “แต่ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าใครทำเรื่องนี้นะคะ”

“คุณรู้เหรอ”

“ต้องเป็นฝีมือธีโอแน่ การใช้วิธีที่ซับซ้อนตัดกำลังของศัตรูคือสิ่งที่เขาถนัดมากที่สุด แต่ฉันไม่เข้าใจเลยว่าอะไรทำให้เขาคิดว่าการทำลายความสัมพันธ์ของคุณกับคู่หมั้นจะเกิดประโยชน์ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ใช้วิธีนี้” คำพูดของริต้าทำให้ศศินไร้ข้อกังขาอีกต่อไป

ธีโอไม่ได้บ้าอย่างที่ริต้าพูด เพราะเขาคงหาข้อมูลมามากจนรู้แล้วว่าพลอยญาวีสำคัญกับศศินแค่ไหน และธีโอคงรู้ว่าการทำลายความสัมพันธ์ของศศินกับเธอจะทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้น จริงอยู่ที่มันไม่เกิดประโยชน์มากมายนัก แต่ก็มากพอที่จะทำให้มีเรื่องรบกวนจิตใจ และถ้าริต้ารู้ว่าความจริงแล้วศศินรักพลอยญาวีมาก คนที่ไม่มีทางยอมตกเป็นรองใครอย่างริต้าจะต้องทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่

ธีโอคงรู้ดีว่าศศินไม่ได้เห็นค่าริต้ามากไปกว่าการตักตวงผลประโยชน์ทางธุรกิจ จึงพุ่งเป้าไปหาผู้หญิงที่ศศินรักโดยตรง คงหวังจะบีบให้ต้องเลือกระหว่างธุรกิจกับผู้หญิงที่รัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel