บท
ตั้งค่า

ตอนที่ ๓ ลักลอบเป็นชู้

ธีโอที่เอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวภายในเซฟเฮาส์ส่วนตัว วางแก้วเครื่องดื่มที่บรรจุน้ำสีอำพันลงบนโต๊ะ ขยับกายนั่งตัวตรงและเหลือบสายตามองฟรานเล็กน้อย ก่อนกระตุกยิ้มน่ากลัวท่ามกลางความมืด มือเรียวสวยตามแบบผู้ชายสอดประสานกันแน่น

“ฉันต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นปฏิเสธการแต่งงาน อยากรู้นักว่าจะสำเร็จทันเวลาไหม” น้ำเสียงทุ้มนุ่มฟังดูกระด้างเล็กน้อย ทว่าบนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่ไม่ขาด

“อีกไม่นานนักหรอก ไม่ว่านายต้องการอะไร สิ่งนั้นก็มักจะเป็นของนายเสมอนี่นา ก็แค่อดใจรอหน่อยเดียวเท่านั้น”

ฟรานทิ้งตัวนั่งลงตรงกันข้าม สองหนุ่มสบตากันผ่านแสงสว่างเล็กน้อยที่ส่องลอดเข้ามาทางบานหน้าต่าง

ธีโอมักจะเก็บตัวอยู่ในที่มืดเสมอ เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้ความคิดอย่างหนัก หรือมีเรื่องบางอย่างรบกวนจิตใจ คนที่จะสามารถเข้าหาเขาได้ทุกเมื่อมีเพียงฟรานเท่านั้น เพราะฟรานคือคนที่รู้ใจธีโอมากที่สุด และรู้ว่าควรทำตัวอย่างไรในสถานการณ์ต่างๆ

“ฉันเกลียดการรอคอยจริงๆ เลย” ธีโอว่าพลางหัวเราะในลำคอ

“บางทีการรอคอยก็คุ้มค่าดีนะ”

“แล้วถ้าไม่สำเร็จล่ะฟราน นายจะทำยังไง”

“ไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะฉันมั่นใจว่ามันต้องสำเร็จแน่” ฟรานยิ้มอย่างมั่นใจ

“ฉันชอบนายก็เพราะแบบนี้แหละ”

ธีโอเอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย ดวงตาสีเขียวอมฟ้าดูราวกับส่องประกายวาววับ ขณะรินเหล้าราคาแพงเพิ่มให้ตัวเอง และไม่ลืมเผื่อในแก้วของฟรานด้วย

เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วที่แผดเสียงดังลั่นอยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของฟราน ทำให้ธีโอรีบตวัดสายตาจ้องมองมา ฟรานพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าสิ่งที่รอคอยมาถึงแล้ว จากนั้นถึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย คำบอกเล่าของอีกฝ่ายทำให้รอยยิ้มมีเสน่ห์เปิดกว้างขึ้น

“คนของเราบอกว่าสัญญาณภาพมาถึงแล้ว” ฟรานกดวางสาย ยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด

“ดีมาก”

มุมปากของธีโอโค้งขึ้นเพียงเล็กน้อย มองดูฟรานลุกจากโซฟาเพื่อตรงไปต่อสายบางอย่างเข้ากับจอโทรทัศน์ขนาดห้าสิบนิ้ว ใช้รีโมตคอนโทรลกดเปิดเครื่อง ส่งผลให้แสงสว่างวาบสาดกระทบใบหน้าของทั้งเขาและธีโอ จากนั้นฟรานก็เดินกลับมาที่นั่งที่เดิม สีหน้าดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย ทว่ายังเทียบไม่ได้เลยกับความตื่นเต้นของบุรุษหนุ่มนัยน์ตาสวยที่นั่งบีบมือตัวเองแน่น

“ภาพพวกนี้ตัดต่อเรียบร้อยแล้ว ฉันเอามาแค่ตอนที่นายศศินกลับมาที่ห้องเท่านั้น ก่อนนั้นก็มีแค่ริต้าที่นั่งดูโทรทัศน์ นอนเปลือย หรือทานอาหาร ฉันว่านายคงไม่สนใจ และมันไม่น่าจะมีประโยชน์” ฟรานอธิบายให้ชายหนุ่มเข้าใจก่อนที่จะกดปุ่มแสดงภาพ

“นายทำดีแล้วฟราน ขอบใจมาก” ธีโอพยักหน้าเร็วๆ เหมือนต้องการบอกว่าพร้อมที่จะดูสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าแล้ว ฟรานยิ้มบางและไม่ได้พูดอะไรขึ้นอีก นิ้วเรียวยาวกดลงบนปุ่มควบคุมบนรีโมต จากนั้นภาพที่ริต้าเดินเปลือยไปเปิดประตูให้ศศินก็ปรากฏขึ้นเป็นสิ่งแรก

ลมหายใจของธีโอสะดุดเล็กน้อย เมื่อเห็นเลิฟซีนที่สุดแสนจะเร่าร้อนของหนุ่มไทยกับภรรยาสาวชาวสเปนของตัวเอง ฟรานตั้งท่าจะผุดลุกขึ้นจากโซฟา เพราะการนั่งอยู่ในห้องนี้อาจทำให้ธีโออึดอัด แต่ทันทีที่ร่างกำยำยืนขึ้นเต็มความสูง ธีโอก็โบกมือเป็นเชิงบอกว่าการมีเขาอยู่ด้วยไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฉะนั้นฟรานจึงทิ้งตัวลงที่เดิม แต่ไม่ได้หันหน้าไปมองภาพอนาจารตรงหน้า ถึงอย่างไรริต้าก็คือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของธีโอ และยังคงเป็นอยู่แม้กระทั่งตอนนี้ก็ตาม

“มันดูยอดเยี่ยมนะว่าไหม” ฟรานขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินคำพูดประโยคแรกของอีกฝ่าย

“นายควรจะเสียใจนะ หรืออย่างน้อยๆ ก็น่าจะรู้สึกโกรธบ้าง” ฟรานยักไหล่อย่างไม่เข้าใจ

“มันมากกว่าโกรธนะ ฉันคิดว่าฉันไม่ควรพาเธอกลับสเปนไปด้วยกันเพื่อแก้ข่าวอะไรทั้งนั้น ฉันคิดว่า...ฉันควรจะฆ่าเธอให้ตายไปเลยดีกว่า นายคิดว่างั้นไหมล่ะ” ธีโอว่าพลางรินเหล้าลงในแก้วที่ว่างเปล่า ยกมันดื่มรวดเดียวจนรู้สึกถึงความแสบร้อนในลำคอ แต่กระนั้นก็ยังไม่หยุดดื่ม

“นายลืมไปแล้วเหรอว่าเราอาจจะอยู่เหนือกฎหมาย แต่เราไม่ฆ่าใคร” ฟรานเตือนสติ

“ใช่ๆ เราไม่ทำผิดกฎหมาย เพราะเราไม่ใช่มาเฟีย เราก็แค่ผู้มีอิทธิพลที่ใครๆ ต่างก็เกรงขามและหวาดกลัว เราเล่นงานใครก็ได้ที่กล้าลองดีกับเรา แต่เราจะไม่เล่นจนถึงตาย...มากสุดก็แค่พิการ”

ถึงตอนนี้เองที่ธีโอสติแตก เขาลุกขึ้นจากโซฟาและเดินวนไปวนมา มือทั้งสองกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน และฟรานรู้ดีว่าต้องมีบางอย่างเสียหายในเวลาอันใกล้นี้

“ธีโอ ปกตินายควบคุมตัวเองได้มากกว่านี้นะเพื่อน”

“แต่นี่มันเป็นเรื่องของการดูหมิ่นกันเลยนะ! ไอ้สารเลวนั่นรู้ดีว่านังแพศยาริต้าคือเมียฉัน เธอยังใช้นามสกุลของฉัน ใช่ฟราน...ฉันอาจไม่ได้รักเธอ แต่เธอคือสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันสมบูรณ์ ถ้าชื่อเสียงหรือทุกอย่างที่บรรพบุรุษของฉันสร้างมาต้องมาจบลงเพราะนังแพศยานี่ ฉันคงตายตาไม่หลับแน่”

“ฉันเข้าใจว่านายรู้สึกยังไง แต่ที่นี่คือเมืองไทยนะธีโอ นายจะวู่วามไม่ได้ แค่นายเดินทางเข้ามาประเทศนี้ทุกคนก็จับตามองแล้ว ขืนนายจัดการกับริต้าด้วยวิธีที่รุนแรง ทุกอย่างจบเห่แน่” เมื่อพูดจบฟรานก็รีบลุกขึ้นบ้าง

“ระยำเอ๊ย!” ธีโอคำรามเสียงดังลั่น ก่อนจะเดินดิ่งตรงไปหาโทรทัศน์ เงื้อหมัดขึ้นสูงหวังจะใช้มันเป็นเครื่องระบายอารมณ์ หากฟรานไม่อาศัยความว่องไวปราดเข้าไปคว้าข้อมือธีโอเอาไว้ก่อน ซึ่งการกระทำนั้นเองที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนรับหมัดหนักๆ ของเพื่อนหนุ่มเข้าเต็มเปา

พลั่ก!!

ฟรานเสียหลักล้มลงบนพื้น สีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เองที่ธีโอเริ่มใจเย็นลงบ้าง ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรงพร้อมยกมือขึ้นเท้าเอว ดวงตาสีสวยมองใบหน้าเพื่อนรักที่นั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้น แล้วก็ยื่นมือส่งให้

“ฉันเสียใจฟราน แต่นายก็ไม่น่าเข้ามาขวางฉันเลย อีกอย่างนายหลบได้ทันเสมอถ้าอยากจะหลบ”

“ก็ฉันยินดีนี่นา ถ้ามันจะทำให้นายใจเย็นขึ้น ฉันรู้ว่าถ้านายทำลายข้าวของจริงๆ มันจะไม่จบลงแค่ชิ้นเดียวหรอก แต่บ้านทั้งบ้านวอดวายหมดแน่ ฉันขี้เกียจจัดการหาซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้ามาใหม่ แค่ที่สเปนฉันก็ดูเหมือนเป็นตัวแทนจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แล้วนะธีโอ อยู่เมืองไทยขอให้ฉันมีภาพลักษณ์ที่ดูดีหน่อยเถอะน่า” ฟรานไม่ได้โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย มันไม่เคยอยู่ในคิดเขาเลยด้วยซ้ำ

“ฉันเสียใจจริงๆ เพื่อน แต่ฉันหัวเสียมาก ฉันไม่ได้เสียดายริต้าหรือคิดอะไรกับเธอ มันก็แค่รู้สึกเหมือนถูกเหยียบหน้า ฉันเกลียดการถูกย่ำยีศักดิ์ศรีมากกว่าอะไรในโลก ถ้าเธอฆ่าฉันก่อนจะหนีมาทำเรื่องสกปรกกับชายชู้ ฉันคงรู้สึกดีกว่านี้เยอะ” ธีโอตบไหล่ฟรานเบาๆ แล้วทิ้งตัวนั่งลงที่เดิมอีกครั้ง

“แล้วนายจะทำยังไงต่อไป หวังว่าคงมีสติพอที่จะไม่พูดเรื่องทำร้ายริต้าแล้วนะ” คนสนิทดักคอล่วงหน้า

“ฉันรู้ดีว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ถึงจะอยากทำก็เถอะ...ฉันหมายถึงเรื่องฆ่าเธอนะ แต่เรื่องสั่งสอนฉันทำแน่” ธีโอยังยืนยันที่จะจัดการกับริต้าอย่างสาสม อาจไม่ถึงขั้นเอาชีวิต แต่อย่างน้อยเธอก็ต้องเข็ดหลาบจนไม่กล้าโผล่มาให้เขาเห็นหน้าอีกต่อไป

“แล้วนายยังยืนยันที่จะส่งวีดิโอพวกนี้ไปให้คุณ...ปลอย...ปลอยยะหวีอะไรนั่นอยู่หรือเปล่า” ฟรานเกลียดการออกเสียงภาษาไทยที่สุด เพราะเขาทำมันได้ไม่ดีถึงครึ่งของธีโอเลยด้วยซ้ำ ธีโอเรียนรู้ได้ค่อนข้างเร็วมาก นั่นอาจเป็นเพราะเขาเคยศึกษาภาษาไทยมาก่อน เพราะคุณยายของเขามีเชื้อสายไทยอยู่ครึ่งหนึ่ง

“พลอยญาวี ไม่ใช่ปลอยยะหวี” ชายหนุ่มอธิบายให้ฟรานลองออกเสียงใหม่อีกครั้ง ซึ่งมันค่อนข้างยากเพราะในภาษาสเปนไม่มีการออกเสียงพ.พาน แต่จะออกเสียงเป็นป.ปลาแทน

“โอเค ช่างมันเหอะ ว่าแต่นายคิดว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แบบว่า...ถ้าเธอเห็นความชั่วของผู้ชายที่กำลังจะแต่งงานด้วย” ฟรานเอ่ยต่อ

“เธอคงเจ็บปวดจนบรรยายไม่ถูกแน่นอน” คนพูดยักไหล่เหมือนไม่ค่อยใส่ใจนัก

“ถ้างั้นเราควรระงับเรื่องนี้ไหมล่ะ”

“ถามแบบนั้นโง่มาก”

“แล้วนายคิดว่าเราควรซ้ำเติมลูกสาวที่เพิ่งสูญเสียพ่อไปแค่ไม่กี่วันงั้นเหรอ”

“นายคิดตรงกันข้ามแล้ว รู้ไหมว่าการเปิดเผยความชั่วของหมอนั่นจะทำให้เธอรู้สึกขอบคุณเราแค่ไหน” คราวนี้ธีโอหันมาสบตากับฟรานเขม็ง “นายอยากเห็นผู้หญิงคนนั้นตกเป็นเมียคนชั่ว แล้วถูกทำร้ายในอนาคตรึไง เราไม่ได้ซ้ำเติมเธอเลยแม้แต่น้อย เราแค่ช่วยให้เธอหูตาสว่างขึ้นเท่านั้นเอง” คำพูดของชายหนุ่มฟังดูมีเหตุผล และแน่นอนว่าฟรานเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้งอีก

“ฉันลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย โง่จริง”

“นายไม่ได้โง่อะไรหรอก นายแค่เห็นใจคนอื่นเกินความจำเป็นเท่านั้นเอง ดูเหมือนนี่จะเป็นข้อเสียเพียงข้อเดียวของนายมาตลอดเลยนะ”

“ฉันคิดว่างั้นเหมือนกัน” ฟรานเบ้ปาก

“เอาล่ะ เราเสียเวลามาพอแล้ว นายรีบส่งวีดิโอนี่ไปให้พลอยญาวีเถอะ” ดวงตาสีสวยหรี่ลงอย่างมีความหมาย ฟรานพยักหน้ารับคำสั่งอย่างมั่นคง ก่อนจะผละไปจัดการทุกอย่างโดยเร็วที่สุด มีเพียงธีโอเท่านั้นที่ยังคงนั่งดื่มด่ำอยู่กับบรรยากาศเงียบงันท่ามกลางความมืดมิด ชายหนุ่มยกแก้วเหล้าขึ้นในระดับสายตา เพ็งมองผ่านน้ำสีอำพันและพยายามทำตัวให้สงบให้มากที่สุด

“พลอยญาวี...ฉันชักอยากเจอเธอขึ้นมาแล้วสิ” ธีโอพึมพำกับตัวเอง ดวงตาเข้มขึ้นด้วยประกายอ่อนโยน ขณะนึกตรองดูว่าหญิงไทยคนนี้จะมีอะไรที่สามารถดึงดูดใจชายได้บ้าง เพราะเหตุใดคนเจ้าชู้ประตูดินอย่างศศินถึงได้อยากแต่งงานร่วมชีวิตกับเธอ

บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่เขาต้องไปพบเธอในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่แล้วก็ได้...

พลอยญาวีพยายามข่มตาหลับนานกว่าสองชั่วโมงแล้ว แต่ดูเหมือนจิตใจที่หดหู่เศร้าโศกจะเริ่มต่อต้านหนักขึ้น หลับตาลงครั้งใดก็เห็นเพียงภาพรอยยิ้มอันอ่อนโยนของบิดา เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป และไม่รู้แม้กระทั่งวิธีทำใจยอมรับการสูญเสียในครั้งนี้ด้วยซ้ำ

คิดแล้วน้ำตาก็พานไหลออกมาอีก เพียงชั่วครู่ก็สัมผัสได้ถึงหมอนหนุนที่เปียกชื้นเป็นวงกว้างแนบอยู่ข้างแก้ม พลอยญาวีอยากเช็ดน้ำตาให้หมดไป อยากลุกขึ้นมาเข้มแข็งอีกครั้ง แต่เวลานี้ทุกอย่างดูยากเย็นไปหมด

ความจริงที่ย้ำเตือนอยู่ในจิตใต้สำนึกว่าเธอไม่เหลือใครแล้ว ซ้ำยังมีหนี้สินมูลค่ามหาศาลรอให้หาทางชดใช้คืน นำพาให้หัวใจดวงน้อยยิ่งห่อเหี่ยวไร้ชีวิตชีวา

เสียงโทรศัพท์มือถือที่สั่นครูดกับผิวโต๊ะทำให้พลอยญาวีเลิกคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ดวงตาแดงช้ำจากการร้องไห้ติดกันนานหลายชั่วโมงกะพริบถี่ๆ ก่อนจะชันกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เอื้อมมือไปหยิบเครื่องมือสื่อสารขนาดกะทัดรัดจากโต๊ะข้างเตียงมาถือไว้ในมือ คิ้วเรียวได้รูปขมวดเป็นปมเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ ซึ่งมันคือคลิปวิดีโอบางอย่างที่ถูกส่งมาจากหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย

‘Please open it’

พลีส โอเพ่น อิท ... กรุณาเปิด

หัวข้อที่ระบุเป็นภาษาอังกฤษว่ากรุณาเปิดทำให้พลอยญาวียิ่งประหลาดใจ นิ้วเรียวดั่งลำเทียนเลื่อนไปกดปุ่มที่มุมซ้าย หวังจะเปิดคลิปปริศนาสิ่งที่ใครสักคนส่งมาให้ดู แต่เสียงเคาะประตูจากนมรุ่งทำให้หญิงสาวชะงัก รีบร้อนวางโทรศัพท์ลงบนเตียง แล้วรีบผละไปเปิดประตูให้ผู้สูงวัยทันที

“คุณหนู! คุณหนูเปิดโทรทัศน์อยู่หรือเปล่าคะ” นมรุ่งหน้าซีดเผือด

“มีอะไรเหรอคะนม เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมนมถึงหน้าซีดแบบนั้น” หญิงสาวประคองนมรุ่งให้เดินเข้ามาในห้อง ด้วยเกรงว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นจะทำให้นางเป็นลมล้มพับไป

“นม...นมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเรานะคะ แต่ว่า...โทรทัศน์ทุกช่อง...มัน...มันเหมือนกันหมด!”

“โธ่นม! บางทีมันอาจจะมีรายการข่าวด่วนหรืออะไรสำคัญก็ได้นี่คะ นมไม่เห็นต้องตกใจเลย”

“ถ้ามันเป็นแบบก็ดีน่ะสิคะ แต่นี่มัน...”

“มันเป็นอะไรคะนม บอกพลอยมาสิคะ” พลอยญาวีเร่งเร้าด้วยความไม่เข้าใจ แต่นมรุ่งก็ยังแต่อึกอัก “ถ้างั้นนมมานั่งพักตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวพลอยจะเปิดโทรทัศน์ดูเองก็ได้” เธอดันร่างอวบให้นั่งลงบนเตียง ก่อนจะเดินไปหยิบรีโมตคอนโทรลมากดเปิดเครื่องโทรทัศน์

“อย่าเปิดเลยค่ะคุณหนู เชื่อนมนะคะ!” ถึงตอนนี้เสียงห้ามปรามของนมรุ่งก็หยุดเธอเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว

พลอยญาวียืนเกร็งตัวแข็งอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่กำลังฉายภาพน่ารังเกียจ สิ่งที่ทำให้เจ็บปวดราวกับถูกควักหัวใจออกมากองไว้ตรงปลายเท้า คือการได้เห็นว่าคนที่ปรากฏอยู่บนจอคือศศิน คู่หมั้นของเธอ และอีกฝ่ายเป็นสาวสวยชาวต่างชาติ ผิวสีน้ำผึ้งสวยและรูปร่างสะโอดสะอง

ความมืดสลัวที่ดูเหมือนจะถูกตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อเบลอภาพใบหน้าของฝ่ายหญิงก่อนส่งมาถึงเธอ ทำให้มองไม่เห็นว่าหน้าตาของคนร่างสวยเป็นอย่างไร ฉากรักที่เร่าร้อนดุเดือดและคำพูดทุกประโยคที่ได้ยินตราตรึงอยู่ในสมองไม่จางหาย

แม้ว่าภาพทุกอย่างจะจบลงแล้ว แต่มันก็ยังเริ่มแสดงใหม่ไม่รู้จักจบสิ้น เมื่อนมรุ่งเดินไปกระชากรีโมตจากมือบางมากดปิดให้ทุกอย่างหายวับไปจากหน้าจอ พลอยญาวีถึงได้มีสติกลับคืนมาอีกครั้ง

หยาดน้ำตาที่คลอรื้นอยู่ตรงขอบตาไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย ร่างบอบบางทรุดกายลงบนพื้นห้องอย่างหมดแรง แววตาดูเหม่อลอยเหมือนไม่ต้องการรับรู้สิ่งใดอีก นมรุ่งนั่งลงข้างกายหญิงสาว โอบกอดเอาไว้เพื่อปลอบประโลม

“ร้องไห้ออกมาให้หมดเลยนะคะคนดีของนม ร้องให้เต็มที่แล้วจากนี้ไปก็ไม่ต้องร้องอีกแล้ว”

“ฮือๆๆ นม...นมคะ” พลอยญาวีโผเข้ากอดหญิงชราแน่น ตอนนี้รู้สึกตกต่ำและเสียใจจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่

นอกจากจะสูญเสียบิดาไปแล้ว เธอยังมาถูกผู้ชายที่รักจนหมดใจหลอกลวงให้เจ็บช้ำปางตายอีก ในเมื่อชะตากรรมซัดสาดเข้ามาซ้ำเติมอยู่อย่างนี้ เธอจะเริ่มต้นใหม่ได้อย่างไรกัน ชีวิตที่เคยวาดหวังไว้ว่าจะมีใครสักคนเคียงข้าง ซึ่งคนๆ นั้นก็คือศศิน ต้องย่อยยับลงแบบไม่มีชิ้นดี แล้วเธอจะมีชีวิตต่อไปเพื่อใครอีก

“นม...พลอยอยากตายเหลือเกินค่ะ ฮือๆๆ คุณพ่อคุณแม่มารับพลอยไปอยู่ด้วยได้ไหมคะ ฮึกๆ...พลอยทนไม่ไหวแล้ว! มารับพลอยไปอยู่ด้วยที พลอยไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว ฮือๆๆๆ” พลอยญาวีร่ำร้องเรียกหาบุพการีที่จากโลกนี้ไปแล้วด้วยน้ำเสียงสั่นเครือขาดห้วง

“เข้มแข็งนะคะคุณหนู คุณหนูของนมต้องดูคุณท่านเป็นตัวอย่างนะคะ แม้ว่าจะอับจนหนทางแค่ไหน ท่านก็ยังสู้ไม่เคยท้อถอย สู้แม้กระทั่งรู้ดีว่าไม่มีวันสำเร็จ” นมรุ่งสะเทือนใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ “คุณหนูต้องทำให้ได้อย่างคุณท่านนะคะ นมจะคอยอยู่ดูแลคุณหนูเอง ใครไม่รักไม่ต้องสนใจหรอก นมรักคุณหนู และนมเชื่อว่าคุณท่านที่กำลังมองดูคุณหนูอยู่ในที่แห่งหนึ่งจะต้องคิดเหมือนกัน ท้อแท้ได้...แต่ห้ามถอยหลังนะคะ เชื่อนมนะ”

“นมคะ ฮือๆๆ นมอย่าทิ้งพลอยไปอีกคนนะ อย่าทิ้งพลอยนะ!” พลอยญาวีกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ยอมรับทั้งที่กำลังสติแตกว่าคำพูดของนมรุ่งทำให้เธอไม่กล้าคิดสั้นอีก

จริงอย่างที่นมรุ่งบอก บิดามารดาของเธอไม่เคยสอนให้ยอมแพ้ต่อโชคชะตาหรือสิ่งใดก็ตามฉุดรั้งให้ต่ำลง แม้จะไม่มีจุดหมายในอนาคต แต่ก็ต้องสู้ต่อไป เธอจะมาตัดปัญหาด้วยการคิดสั้นไม่ได้เด็ดขาด หากทำแบบนั้นคงไม่กล้าสู้หน้าบิดามารดาที่รอคอยอยู่อีกโลกหนึ่งแน่

พลอยญาวีพยายามเตือนตัวเองให้เข้มแข็ง แต่นั่นกลับทำให้เธอร้องไห้จนกระทั่งหมดสติไปในอ้อมกอดผู้สูงวัยกว่า นมรุ่งตะโกนเรียกชาติชายให้รีบขึ้นมาข้างบน แล้วสั่งให้นำร่างไร้สติขึ้นไปนอนให้สบายบนเตียงนุ่ม จากนั้นนมรุ่งก็นอนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ ไม่ยอมห่าง เพราะกลัวว่าเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบใคร พลอยญาวีอาจจะรู้สึกโดดเดี่ยว หรือร้ายกว่านั้นก็อาจถึงขั้นคิดสั้นทำร้ายตัวเองเลยก็ได้

“หลับให้สบายนะคะคุณหนูของนม” มือที่ยับย่นขึ้นตามวัยลูบไล้เรือนผมที่กระจายอยู่บนหมอนอย่างนุ่มนวล จัดการปิดไฟทุกดวงจนภายในห้องมืดสนิท ก่อนจะเอนตัวลงนอนเคียงข้างพลอยญาวี ไม่นานนักนมรุ่งก็ผล็อยหลับไปตามๆ กัน

เวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง พลอยญาวีก็ผวาตื่นขึ้นท่ามกลางความมืด เหงื่อกาฬไหลโซมกายทั้งที่เครื่องปรับอากาศทำให้ภายในห้องค่อนข้างหนาวเสียด้วยซ้ำ หญิงสาวยกมือขึ้นคลึงขมับเบาๆ รู้สึกปวดหนักๆ และคิดว่าควรลงไปหายาแก้ปวดเสียหน่อย

ร่างบางที่กำลังจะก้าวเท้าลงจากเตียงชะงักค้าง เมื่อนึกได้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เพียงชั่วครู่รอยยิ้มอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย เพราะคิดปลอบใจตัวเองว่าทุกอย่างที่รับรู้มาทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน หลังจากศศินมาส่งที่บ้าน เธอก็อาบน้ำเข้านอน หลังจากนั้นก็เริ่มฝันร้ายไปเรื่อยเปื่อย คงเป็นเพราะกำลังหวาดกลัวการสูญเสียจับใจกระมัง

พลอยญาวีเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะข้างเตียง คว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ใกล้กับหมอนหนุนมาถือไว้ แล้วอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมคืนนี้นมรุ่งถึงได้มานอนอยู่บนเตียงเดียวกัน หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจหาคำตอบ นอกจากกดดูโทรศัพท์ตามความเคยชิน เผื่อว่าศศินหรือใครสักคนอาจจะติดต่อมา แล้วบังเอิญพลาดการรับสาย ซึ่งพบว่ามีเพียงข้อความในถาดมัลติมีเดียเท่านั้นที่รอคอยการเปิด

‘Please open it’

ข้อความที่คล้ายกับว่าเคยเห็นมาก่อนทำให้พลอยญาวีขมวดคิ้ว รู้สึกแน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรบางอย่างโถมเข้ามาบีบคั้น หัวใจเต้นรัวเร็ว ยากเย็นเหลือเกินที่จะกล้ำกลืนน้ำลายหนืดคอลงไป ความรู้สึกตอนนี้ทำเอาแทบลมจับ ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเพราะอะไร

มือที่สั่นระริกกดปุ่มเปิดอ่านข้อความมัลติมีเดียในทันที เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่สังหรณ์ใจเป็นเพียงความฝันหรือเรื่องจริงกันแน่ และแล้ววิดีโอคลิปที่ฉายชัดอยู่บนจอมือถือก็ทำให้พลอยญาวีสะท้านไปทั้งตัว ทุกอย่างไม่ใช่ความฝันอย่างที่เธอพยายามหลอกตัวเอง แต่มันคือความจริงที่เด่นชัดอยู่เต็มสายตา

แม้เจ็บปวดรวดร้าวจนแทบทรุด ทว่าพลอยญาวีก็ยังประคองตัวเองลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ กลับออกมาแต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงยีนง่ายๆ คว้ากุญแจจากกระเป๋าสะพายใบสวยมาถือไว้ด้วยความแน่วแน่ ตั้งใจจะไปพบศศินเพื่อพิสูจน์ความจริงให้เห็นกับตาตัวเอง

พลอยญาวีค่อยๆ เปิดประตูและก้าวออกจากห้องนอนมาอย่างเงียบกริบ บ้านหลังใหญ่มืดมิดไร้แสงไฟ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของเธอหมดลง เจ้าของร่างบอบบางรีบเปิดประตูบานใหญ่ออกมานอกบ้าน จัดการล็อกมันเอาไว้อย่างเดิม ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงจอดรถเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์ของบิดาออกจากบ้านไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel