บทที่ 15 ความสงสัยของเด็กชาย
“พี่สาวเดินไหวหรือไม่ ลองออกกำลังเดินมายังโต๊ะอาหารนี้ดูสิ แม้กับข้าวพวกนี้จะไม่ใช่ฝีมือของข้า แต่ข้าก็ตักมันมาให้ท่านด้วยความตั้งใจ”
“ต้องขออภัยที่ลูกชายข้าขี้อวด ชอบให้คนชมอยู่เสมอ” รอยยิ้มของซูเจินปล่อยกว้างให้กับความน่ารักของเด็กชายตัวเล็ก นางค่อยๆ ยกตัวขึ้นจากเตียงไม้เก่า โดยมีหญิงชราคอยประคองอยู่ใกล้ๆ สองเท้าเล็กพยายามเดินมายังโต๊ะอาหาร ใบหน้าหวานจับจ้องไปยังเด็กชายขี้อวด
“ข้าเดินมาถึงแล้ว ข้าเก่งฤาไม่” คำพูดของสาวงาม ทำให้เด็กชายตัวน้อยหูแดงระเรื่อ
“กะ...เก่ง พี่สาวเก่งมาก แต่จะเก่งกว่านี้หากท่านกินข้าวจนหมดถ้วย” มือบางวาดมาจับตะเกียบ แล้วคีบข้าวใส่ปากช้าๆ สีหน้าเศร้ายังคงเคลือบอยู่ในใบหน้าสวยหวานนั้น สภาพของซูเจินในตอนนี้ไม่ต่างจากหญิงไร้บ้าน ขาดที่พึ่งพา หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง
“พี่สาวมาจากวังหลวงใช่ฤาไม่” เฟยหลงกล่าวถามอย่างสนใจ
“เหตุใดจึงคิดว่าข้ามาจากวังหลวง” น้ำคำราบเรียบถามกลับอย่างอ่อนโยน
“ด้วยเพราะชุดที่ท่านสวมใส่ ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดมี” ซูเจินก้มมองเสื้อผ้า แล้วเงียบไม่พูดสิ่งใดต่อ ก่อนปล่อยยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วมองตรงมายังเฟยหลง
“ช่วยตอบข้าได้ฤาไม่ ข้าควรทำอย่างไร ถึงจะออกจากแคว้นจ้านหลิวได้”
“ท่านพูดอะไรข้าไม่เข้าใจ” สองแม่ลูกมองหน้ากันด้วยความแปลกใจในคำพูดของซูเจิน
“นอกเหนือจากแคว้นจ้านหลิว ยังมีแคว้นอื่นด้วยเหรอพี่สาว ข้าไม่เคยได้ยิน ท่านแม่เคยได้ยินฤาไม่” เด็กชายตัวเล็กหันไปถามหญิงชรา ซึ่งตอบรับโดยการส่ายศีรษะไปมาเป็นการปฏิเสธ
“จริงสิ ข้อมูลพวกนี้อยู่ในบันทึกโบราณฉบับนั้น พวกเขาสองแม่ลูกเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา จะรู้เรื่องได้อย่างไร” ซูเจินรอบคิด พลางถอนหายใจ ชะตาของนางนับจากนี้ปล่อยให้เป็นลิขิตฟ้า
“ท่านมาจากที่ใด พี่สาวยังไม่ตอบข้า สิ่งของเครื่องใช้รวมถึงปิ่นปักผม ล้วนเป็นของมีราคาทั้งสิ้น ท่านไม่ใช่คนสามัญธรรมดาเช่นเราสองแม่ลูก ท่านอาจเป็นลูกสาวของขุนนางในวัง” ซูเจินไล่มองเครื่องประดับทุกชิ้นบนตัว พลางปล่อยยิ้มให้กับความฉลาดช่างสังเกตของเด็กน้อย
“เช่นนั้นเจ้าพาข้าไปซื้อชุดใหม่ได้ฤาไม่ ข้าไม่ต้องการชุดนี้แล้ว” ท่าทางของเด็กชายดูลังเลอยู่มาก
“พุทราเชื่อมสองไม้ ครานี้จักพาข้าไปได้ฤาไม่” เฟยหลงยิ้มร่า พยักหน้าตอบรับในทันที
หลังจากซูเจินใช้เวลาพักรักษาร่างกายต่ออีกสองสามวัน ที่บ้านกระท่อมไม้ของสองแม่ลูก นางได้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบเรียบง่าย แต่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นอย่างที่นางไม่เคยได้รับจากครอบครัว ทั้งสองทำให้ซูเจินลืมความเจ็บปวดไปได้ชั่วขณะ รอยยิ้มแสนสดใสของสาวงาม เผยออกมาตลอดระยะเวลาที่อาศัยอยู่ที่นั่น แม้จะเป็นระยะเวลาอันสั้น แต่คู่ควรให้จดจำตลอดไป
“แม่นางจะไปทางใดต่อ” หญิงชราพูดพลางตักข้าวห่อใส่ไม้สานขนาดเล็ก
“ข้ายังไม่รู้ อาจจะเดินทางไปเรื่อยๆ ก่อน”
“ตลาดที่เฟยหลงจะพาแม่นางไปซื้อชุดใหม่นั้น อยู่ห่างจากนี้ไม่ไกลนัก ข้าตักข้าวไว้ให้แม่นางกับเฟยหลงไว้กินกลางทาง จะได้ไม่หิวและหมดแรงกันเสียก่อน” หญิงชราพูดพลางห่อข้าวแล้วมัดด้วยผ้าสีขาว ก่อนยื่นให้กับลูกชาย
“ไปส่งพี่สาวเสร็จแล้ว เจ้าต้องรีบกลับก่อนตะวันตกดิน แม่เป็นห่วง” เฟยหลงหยักหน้าขึ้นลงเป็นอันว่าเข้าใจ
