บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 องค์รัชทายาท

“เก่งมากลูกพ่อ” พระราชาปรบมือพลางยกน้ำชาขึ้นดื่มอย่างพอใจ หลังจากซูเจียวเป่าขลุ่ยในบทเพลงที่เขาสอนเพียงครั้งเดียว เสียงอันไพเราะจากขลุ่ยไม้เนื้อดี ดังก้องกังวานหวานละมุนแสดงถึงความสามารถพิเศษที่หาใครเทียบยาก กระทั่งจังหวะและท่วงท่าอันอ่อนช้อยก็ดูงดงามน่าจดจำ

“ข้าไม่เคยคิด ว่าจะมีลูกสาวที่งดงามและชาญฉลาดเช่นเจ้ามาก่อน เพลงเหมยหลี่ เป็นเพลงที่สืบทอดกันมายาวนาน ย้อนกลับไปหลายแสนปีบรรพบุรุษของเราได้แต่งขึ้น เพื่อให้เป็นเพลงประจำราชวงศ์ ในขณะที่ข้าอายุเท่าเจ้ายังต้องใช้เวลาฝึกฝนยาวนาน กว่าจะถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงได้ไพเราะเช่นนี้ แต่เจ้า...ฟังจากข้าเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งโตยิ่งเก่งสมกับที่ข้าวางใจ” พระราชายกมือลูบศีรษะซูเจียวด้วยความรัก ในขณะที่พระราชมารดาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงธิดาคนเล็ก นางหายออกจากวังนานหลายวัน ไม่มีวี่แววว่าจะกลับเข้ามา ยิ่งวันเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หัวอกคนเป็นแม่เริ่มรู้สึกไม่ดีมากขึ้นเท่านั้น

“ท่านพี่ ให้คนออกตามหาซูเจินไม่ได้หรือเพคะ”

“ไม่”

“แต่ลูกเราตัวคนเดียว ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ข้าทุกข์ใจนัก” ซูลี่เปล่งวาจาขอร้องพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อขึ้น ก่อนมือหนาของพระราชาจะเข้ามาวางทาบเพื่อปลอบโยน

“นางไม่เคยลำบาก หากออกไปแล้วพบว่าโลกภายนอกไม่สบายอย่างที่คิด นางก็จะหาทางกลับมา แต่หากเราให้ทหารออกตามหา นางก็จักได้ใจไปกันใหญ่ อย่าลืมว่าซูเจินถูกลี่เซียนตามใจมาตั้งแต่เด็ก ต้องให้นางได้เรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเอง”

“แต่...”

“หยุดคิดถึงนาง แล้วช่วยข้าทุ่มเทเวลาอบรมสั่งสอนซูเจียวให้ดีที่สุด อีกไม่กี่ปีจะถึงพิธีการส่งบรรณาการไปยังนครกงเหว่ย ข้าต้องการให้ลูกของเราเป็นหนึ่งในสตรีที่ทรงคุณค่ามากที่สุด”

นครใหญ่เป็นนครที่รุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์มากที่สุด พระราชวังกินพื้นที่กว้างใหญ่สุดสายตา มีทหารคุ้มกันเรือนแสน ตำหนักน้อยใหญ่ตั้งติดกันยาวเป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้คนถูกฝึกมาให้อยู่ในกฎไม่มีการก้าวก่ายหน้าที่ซึ่งกันและกัน การที่จะได้เข้ามาอยู่ในนครแห่งนี้เป็นเรื่องยากแสนยาก เพราะต้องสอบเข้าเพื่อรับราชการไม่มีการใช้เส้นสายและการแข่งขันค่อนข้างสูง

ส่วนคนนอกแคว้นจะเข้ามาได้ก็ต่อเมื่อเป็นบรรณาการ หรือได้รับอนุญาตจากองค์จักรพรรดิเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น นอกเหนือจากสิทธิ์อื่นไม่มี ในยามฟ้ามืดนครแห่งนี้จะสว่างไสวดุจแสงจันทร์ หากมองจากยอดเขาจะเห็นเป็นสีเหลืองนวลทั่วทั้งราชวังไม่เคยหลับใหล อีกทั้งเสียงดนตรีบรรเลงขับกล่อมตลอดเวลา เป็นนครที่ปกครองไพร่ฟ้าด้วยความยุติธรรมและสงบสุขเรื่อยมา

ชายหนุ่มรูปร่างสมส่วนผิวขาวผมยาวจรดหลัง นั่งชันเข่าด้วยท่าทางสุขุม สองมือหนาเปิดตำราวิชาเวทย์ขั้นแปดซึ่งเป็นระดับวิชาเวทย์ขั้นสูงสุด ดวงตากลมมีสีดำสนิท จมูกเรียวโด่งเป็นสันรับกับใบหน้ารูปไข่ แต่งกายในชุดสีขาวทอด้วยไหมทองคำหายาก ซึ่งเป็นของบรรณาการมาจากแคว้นซีหลิว ไหมทองคำถูกเลี้ยงดูจากผู้เชี่ยวชาญอย่างดีเพื่อเส้นใยสำหรับทอเป็นชุดให้กับเหล่าวงศานุวงศ์ทั้งหลาย

“เรียนองค์รัชทายาท พระมหาจักรพรรดิเรียกหาพะย่ะค่ะ” สายตาคมเหลือบมอง พลางปรายตาข่มเล็กน้อย แสงสีเหลืองจากพลังเวทวูบขึ้นที่ปลายนิ้ว พร้อมยกหนังสือเล่มนั้น เลื่อนไปวางไว้ที่ตู้เก็บตำรา

“หากเป็นเรื่องดูตัวของเหล่าหญิงสาว เจ้าจงกลับไป แล้วทูลท่านพ่อว่าข้าไม่สบาย”

“พระมหาจักรพรรดิ ได้กำชับ ว่าหากท่านไม่สบาย ก็จะส่งสาวงามมาให้เชยชม” ว่าแล้วเสนาบดีจึงหันกลับไปแล้วยกมือดีดนิ้วสามครั้ง เหล่านางฟ้าแสนสวยนับสิบ พากันกรูเข้ามารายล้อมองค์รัชทายาท แต่ละนางต่างอ้อนช้อยสวยงามหาที่ติไม่ได้ กลิ่นหอมละมุมไปทั่วในขณะที่เหล่าหญิงสาวขยับกายเข้ามาแนบชิด

“พรึบ” องค์รัชทายาททำให้เหล่าสาวงาม ถูกพลังเวทดูดกลับไปยืนเคียงข้างเสนาบดีชราผู้นั้น ทุกคนยืนรวมกันราวกับว่าไม่เคยได้เข้าใกล้เขา ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันเองด้วยความฉงนใจถึงที่สุด

“มิมีหญิงใดงาม ชนะใจท่านได้เลยฤา” คำถามของเสนาบดี ทำให้องค์รัชทายาทผู้มากด้วยฤทธิ์เวท ไม่กล่าวตอบคำถาม เขาหันกลับไปยังตำราเวทที่อ่านค้างไว้ แล้วจมลึกดำดิ่งอยู่ที่ตัวหนังสือ ปล่อยให้ทุกคนที่บุกเข้ามาในตำหนักต่างแยกย้ายพากันเดินออก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel