ตอนที่ 11 เหิงเยว่
“องค์รัชทายาท ข้ากลับมาแล้ว” ชายหนุ่มร่างสูง ท่าทางน่าเกรงขามเดินเข้ามาจากด้านหลังอย่างเงียบๆ พลางยกมือประสานรวมกันแสดงความเคารพ ท่ามกลางธรรมชาติอันแสนงดงามตัดผ่านด้วยสระน้ำใหญ่ หมู่นกน้อยและผีเสื้อบินผ่านไปมาเสมือนดินแดนแห่งสวรรค์ เพียงเสียงเรียกของใครบางคน ทำให้องค์รัชทายาทถอนสายตาจากเบื้องหน้า แล้วหันกลับมา
“หาท่านผู้เฒ่าหานตงพบฤาไม่” สุรเสียงอันสุขุม กล่าวถามผู้มาเยือนอย่างราบเรียบ
“ข้าออกตามหามาทั่วสารทิศแล้ว ยังไม่มีร่องรอยใดให้ติดตามท่านผู้เฒ่าหานตงได้” องค์รัชทายาทได้ฟัง จึงเบี่ยงพระพักตร์ทอดสายตาไปยังสระมรกตดังเดิม
“เป็นอย่างที่ข้าคิด การจะพบตัวท่านผู้เฒ่ายากยิ่งกว่าสิ่งใด เช่นนั้นแล้วข้าควรทำอย่างไร วิชาเวทเหลือเพียงอีกแค่ขั้นเดียวเท่านั้น หากไม่มีผู้ชี้แนะ ข้าจะไม่มีวันฝึกมันสำเร็จ ต่อให้มีตำราบันทึกไว้มากมายสักเพียงใดก็ตาม”
“การขึ้นรับตำแหน่งองค์พระมหาจักรพรรดิ ไม่จำเป็นต้องฝึกวิชาเวทจนครบ อันที่จริงแล้วมิมีสิ่งใดต้องกังวล ดูอย่างเช่นท่านพ่อ สำเร็จวิชาเวทเพียงแค่ขั้นห้าเท่านั้น”
“องค์ชายรอง เจ้าเป็นน้องของข้า ขอบใจที่เจ้าพยายามปลอบขวัญ แต่เหนือสิ่งอื่นใดหากข้าฝึกวิชาเวทขั้นแปดสำเร็จ เมื่อกาลเวลาเวียนมาบรรจบพิษของดอกเฟิ่งเซียนจะไม่สามารถทำร้ายคนได้อีก เหมือนในอดีตกาลที่ข้ามิเคยลืมความเจ็บปวดของราษฎร แม้แต่เหล่าขุนนางแทบเอาตัวไม่รอด พิษของดอกเฟิ่งเซียนร้ายกาจยากแก้ได้ หากมิได้แม่นางเหมยเชินในยามนั้น แคว้นกงเหว่ยคงถึงจุดสิ้นสุด สิ่งที่ข้ากังวลใจมากที่สุด ในพื้นปฐพีนี้นอกจากแม่นางเหมยเชินแล้วไม่มีใครรู้วิธีการรักษาพิษของดอกเฟิ่งเซียนอีก”
“วิชาเวทขั้นแปดสามารถรักษาพิษของดอกเฟิ่งเซียนได้ก็จริง แต่น้อยคนนักที่จะฝึกวิชาเวทขั้นแปดได้สำเร็จ รวมถึงท่านผู้เฒ่าหานตงด้วยเช่นกัน” องค์ชายรองพยายามโน้มน้าวใจ ไม่ให้องค์รัชทายาทมุ่งหวังมากเกินไป จนอาจนำพาสู่ความผิดหวัง
“แม้ท่านผู้เฒ่าหานตงจะไม่สำเร็จวิชาเวทขั้นแปด แต่ลูกศิษย์ของท่านสำเร็จวิชาเวทขั้นแปดได้ นับว่าไม่ธรรมดา เหตุนี้ข้าจึงพยายามตามหาท่านผู้เฒ่าแม้จะต้องพลิกผืนฟ้าก็ตาม”
“นั่นใคร” องค์รัชทายาทตวัดหางตา มองไปยังต้นท้อด้านหลัง พลังเวทวูบขึ้นที่ฝ่ามือ แล้วลากสิ่งต้องสงสัยออกจากต้นไม้นั้น ปรากฏเป็นหญิงสาวนางหนึ่ง เมื่อนางโดนจับได้จึงยืนก้มหน้าพลางทำสายตาละห้อย
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงมาแอบฟังข้า” หญิงสาวรูปโฉมงามดังเทพธิดา ผมยาวดำสนิทจรดหลังเหลือบตามองทั้งสองคนอย่างกล้าๆ กลัวๆ หลังจากสุรเสียงของโจวอี้เฟยเข้มแสดงความไม่พอใจ
“เหิงเยว่ ตอบองค์รัชทายาทไปสิ ว่าเจ้าแค่ต้องการนำขนมถั่วดำมาให้องค์รัชทายาทชิมเท่านั้น” องค์ชายรองรีบเก้าท้าวเข้าไปหาหญิงสาว เขากลัวว่าการกระทำของนางจะทำให้องค์รัชทายาทมีรับสั่งลงโทษ ตามธรรมเนียมของนครใหญ่ การเข้าแอบฟังราชวงศ์คุยกันเป็นสิ่งต้องห้าม และมีบทลงโทษหลายอย่างที่หนักหนาสาหัส เกินกว่าหญิงสาวตัวเล็กๆ แบบเหิงเยว่จะรับไหว
“ข้า...คือ...ข้า” นางก้มมองถาดขนมในมือแล้วทำท่าอึกอัก รู้สึกประหม่าเมื่อเห็นพระพักตร์ขององค์รัชทายาทอย่างใกล้ชิด เขาวางตัวอยู่เหนือสิ่งอื่นใดแตะต้องได้ ไม่แปลกเลยที่เหล่าสาวงามทั้งหลายต่างถอดใจกันไปหลายคน
