บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

“หนทางที่เจ้าจะฟื้นคืนยังอีกยาวไกลนัก เอาอย่างนี้แล้วกันเดี๋ยวข้าจะส่งเจ้าไปเกิดยังอีกร่างก่อน พอถึงที่นู่นแล้วค่อยว่ากันอีกที”

หงเฟินขนวดคิ้วเหมือนไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกมา ตาเฒ่าจึงเอ่ยต่อ

“ร่างนั้นเพิ่งสิ้นชีพ ช่วงเวลาพอๆกับเจ้าเลย”

“อย่าบอกนะเจ้าคะว่า ร่างชั่วคราวหนูไม่เก่ง อ่อนแอ หรือขี้เหร่…” และเธอก็ร่ายคุณลักษณะแย่ๆทุกอย่างที่เธอเคยอ่านมาจากนิยายที่มีอยู่เกลื่อนตลาด จนตาเฒ่าที่โดนจับไต๋ได้ถึงกับยกมือห้าม

“ถูกเพียงหกส่วนในสิบ นางเกิดมาโชคชะตาไม่ดีไร้ธาตุ แต่ชาติตระกูลนางไม่ด้อยกว่าผู้ใด”

หงเฟินเบะปากเมื่อท่านตาหมาดๆของเธอจะส่งเธอไปอยู่ในร่างไร้พลัง เธอไม่ถือเรื่องชาติตระกูลด้วยซ้ำ

ไร้พลังอย่างนี้เธอจะหาทางฟื้นชีพได้อย่างไรหล่ะ ทำอะไรคงยาก

ทว่าดูเหมือนตาเฒ่าจะรู้ความคิดนาง

“แต่ข้าจะให้พรเจ้าสักข้อดีหรือไม่โทษฐานที่ข้าทำเจ้าตาย ข้าให้เจ้าเลือกว่าเจ้าอยากได้พลังธาตุใด ข้าจะบันดาลให้เจ้า…น้ำ ไฟ ดิน ไม้ ทอง"

“เอ่ออ…ธาตุไหนดีสุดเจ้าคะ แบบเก่งสุด”

“ไม่มีธาตุใดเก่งสุดหรอก ทุกธาตุล้วนล้มล้างกันเองได้ ไฟถูกน้ำปราบ น้ำถูกดินดูด ดินถูกรากไม้ชอนไช ต้นไม้ถูกโค่นโดยโลหะหรือทอง ส่วนทองจะถูกทำให้เสียรูปโดยไฟ แต่เหนือสิ่งอื่นใดอยู่ที่เจ้าว่าสามารถไปถึงระดับไหน”

“งั้นเลือกทั้งหมดได้ไหมเจ้าคะ เผื่อใช้ยามจำเป็น”

ตาเฒ่าหรี่ตามองหลานบุญธรรมตนผู้ละโมบมาก แต่เขาก็มองเห็นเพียงดวงตากลมโตที่มองจ้องแป๋วอย่างไร้เดียงสาปราศจากกลิ่นไอแห่งความโลภแต่อย่างใด

“ไอ้ได้หนะได้แต่แค่ให้ได้แค่อย่างละหน่อยแล้วกัน มิอย่างนั้นผู้อื่นจะหาว่าข้าลำเอียง ที่เหลือก็อยู่ที่ความมุมานะของเจ้า”

“เลิศเจ้าค่ะ”

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

หงเฟินที่กำลังยิ้มหย่องพอใจชะงักทันทีเมื่อจู่ๆก็มีนกตัวน้อยเท่าฝ่ามือ ตัวอ้วนๆป้อมๆ สีหลากหลายเหมือนนกแก้ว บินปีกสั้นมาเกาะที่บ่าตาเฒ่า มันส่งเสียงจิ๊บๆราวกับกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูชายเฒ่าผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งท่านตาเธอก็หันไปกระซิบกระซาบกลับเหมือนคุยภาษานกกัน

และมันก็บินมาเกาะที่นิ้วกลางของตาเฒ่าก่อนจะก้มเอาจมูกเหมือนดมเข้าที่แหวนวงโตที่สวมอยู่ ตามันหลับพริ้มราวกับกำลังฟิน

นกตัวนี้ท่าทางน่ารักน่าชัง แต่ที่เธอสนใจมากกว่าคือ…

แหวนฝังเม็ดอัญมณีสีฟ้านวลเนียนวงนี้ช่างสวยงาม

เหมือนแหวนนำโชควงโปรดของเธอที่ซื้อมากจากต่างประเทศ ตัวอัญมณีบนตัวแหวนของเธอทำมาจาก หินเทอร์ควอยซ์สีฟ้า ที่เค้าเชื่อว่าผู้ใส่จะโชคดี

ทว่าเมื่อหงเฟินยกมือข้างขวาขึ้นมาดู ใบหน้างามกลับสลดลง เมื่อคิดได้ว่าถ้าเธอไปเกิดร่างใหม่คงไม่ได้เอาเจ้าตัวนำโชควงนี้ไปด้วยได้แน่

เธอยอมได้หรือ…

ไม่

“ท่านตาเจ้าคะ หลานเจ็บหัว สงสัยเจ็บจากตอนที่ลื่นเปลือกกล้วยท่านตาล้มหัวฟาดพื้น” ไม่พูดเปล่ามือบางยกขึ้นมากุมที่หัว

“จริงหรือ วิญญาณเจ้าไม่น่าจะเจ็บได้นะ"

เมื่อตาเฒ่าเดินเข้ามาหานางเพื่อดูอาการอย่างไม่ค่อยเชื่อ หงเฟินจึงรีบแก้ตัว

“นั่นสิเจ้าคะ หรือจะเป็นเพราะจิตหลานมันฝังใจ เลยเจ็บ” ไม่พูดเปล่าเธอพยายามบีบน้ำตาให้มันเอ่อแบบปริ่ม

จิ๊บ จิ๊บ

ดูสิขนาดเจ้านกแสนรู้ตัวนี้ยังเห็นใจเธอเลย มันบินเข้ามาเกาะไหล่เธอเหมือนต้องการปลอบ

"เอาเถอะเป็นความผิดพลาดของข้าเอง ข้าช่วยอะไรเจ้าได้ข้าทำให้ได้หมด”

สิ้นคำพูดตาเฒ่า น้ำตาหงเฟินพลันเหือดหายสิ้นราวกลับเมื่อสักครู่มีน้ำฝนเผลอตกมาโดนตาหญิงสาว

“หลานขอแหวนวงนั้นท่านได้ไหมเจ้าคะ” มันน่าจะนำโชคได้ดีกว่าวงเดิมของเธอเสียอีก

แค่คิดก็รู้สึกโชคดีแล้ว

และลูกอ้อนที่สามของวันก็ถูกดึงกับมาใช้อีกหน คราวนี้เธอไม่เพียงดึงชายเสื้อ กึ่งลุกขึ้นไปเขย่าแขน ดวงตาใสแป๋วจ้องไปที่แหวนวงที่นางต้องการ

“นี่เจ้าช่างกล้าขอแหวนมิติจิตข้าเชียวหรือ” เหมือนจะตำหนิผู้ขอแต่น้ำเสียงกลับอ่อนระทวย มืออีกฝั่งของชายชราเอื้อมอย่างสั่นเทามาสอดแหวนออกจากนิ้ว

ดีนะข้ามีหลายวง

แต่ก็อดเสียดายมิได้อยู่ดี วงนี้เขาใช้บ่อยสุด

“ถือซะว่าเป็นของปลอบใจหลานไงเจ้าคะ” หงเฟินรับแหวนมาสวมด้วยความตื่นเต้น

สวยว่าวงเดิมเธออีก

มิติจิตคืออะไรเธอไม่ได้สนมากนัก

เธอสนแค่มันเหมือนแหวนนำโชคเธอเท่านั้นพอ

“เจ้านี่ทำข้าเกือบหมดตัวเชียว” ทั้งต้องใช้พลังสร้างธาตุให้ร่างใหม่นาง ทั้งแหวนมิติจิตเขา สงสัยเสร็จจากนี้เขาคงต้องปลีกวิเวกไปชาร์จพลังเสียแล้ว “ถึงเวลาเจ้าควรไปเกิดเสียที เจ้ายังต้องการสิ่งใดจากข้าอีกหรือไม่” ข้าจะหมดตัวแล้ว

“ได้หรือเจ้าคะ”

เสียงตอบรับมาทำเอาตาเฒ่าตัวชาวาบ

เมื่อครู่เขาเพียงพูดเพื่อตัดบท ไม่ได้หมายความอย่างที่พูดซะทีเดียวแต่ผลตอบรับกลับทำให้เขาอยากย้อนเวลากลับไปแล้วปิดปากเงียบแทน

“ขะ ข้า…"

“หลานอยากได้เจ้าอิงอิงไปเลี้ยงเป็นเพื่อนยามหลานเหงาเจ้าค่ะ”

คิ้วขาวหงอกพลันขมวดเข้าหากัน

อิงอิง คือสิ่งใด

ก่อนจะเบิกตาโพล่งเมื่อรู้ความจริง ว่าอิงอิงคือเจ้านกเทพอสูรที่เขาเลี้ยงมันมาเกือบห้าร้อยปี ที่ขณะนี้มันกำลังเอาหัวถูๆกับนิ้วบางที่กำลังสวมแหวนมิติจิตเขาอยู่

แปรพักเร็วกว่ามนุษย์ก็เจ้านกตัวนี้นี่แหละ

เมื่อเห็นว่าผู้เป็นตาไม่ปฏิเสธเธอจึงฉีกยิ้มกว้าง

“ท่านตานี่ช่างจิตใจงดงามเสียจริง”

หงเฟินละสายตาจากชายชราก่อนจะหันมาพูดคุยกับสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ที่เธอถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็นและที่สำคัญ

เธอเกิดวันพฤหัส สัตว์ที่ควรเลี้ยงเสริมบารมีคือ นกแก้ว

เธอไม่รู้ว่าเจ้านกตัวนี้คือนกแก้วหรือเปล่า แต่สีขนของมันคล้ายเธอจะถือว่าใช่นกแก้วแล้วกัน

เฮ้อออออ

เครื่องรางพร้อม โชคต้องเข้าข้างเธอแล้วแหละคราวนี้

และตาเฒ่าก็ร่ายมนต์ส่งร่างหลานสาวบุญธรรมไปเกิดโดยเร็วที่สุด

ก่อนที่เขาจะหมดตัวไปมากกว่านี้

เฮือกกกก

ร่างหญิงสาวในอาภรณ์สีขาวตัวเก่าสะดุ้งขึ้นเหมือนมีมวลอากาศดันเข้ามาในร่าง ก่อนจะอ้าปากสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ทำให้สาวใช้ที่นั่งเฝ้าร่างไร้ลมหายใจอยู่ข้างเตียงร้องทักขึ้น

“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูยังไม่ตาย ฮืออออ”

“แค่กๆ” หญิงสาวลืมตาขึ้น

เธอมาเกิดในอีกร่างนึงแล้วหรือ

พอกวาดตามองไปรอบห้อง จึงมั่นใจเมื่อเห็นบรรยากาศรอบตัวช่างไม่คุ้นเคยทั้งเฟอร์นิเจอร์และสาวแปลกหน้าคนนึง สวมใส่อาภรณ์เก่าๆ คลับคล้ายคลับคราเหมือนเธอเคยเห็นในซีรีย์จีนโบราณ

ใช่ เธอได้เกิดใหม่แล้ว แน่นอนว่านี่จะเป็นการเกิดใหม่แบบชั่วคราวเพื่อหาทางฟื้นร่างเธอเองที่อีกมิตินึง

ว่าแต่ท่านตาจำเป็นเธอไปไหนเสียหล่ะ อย่าบอกว่าจะทิ้งเธออยู่ในโลกยุทธภพนี่ดื้อๆแบบนี้นะ

“บ่าวคิดว่าคุณหนูจะทิ้งบ่าวไปเสียแล้ว ฮือออ"

เสียงร้องไห้ครวญครางของหญิงสาวที่น่าจะเป็นสาวให้ของร่างนี้ก็ดึงเธอออกมาเผชิญกับความจริง

“เอ่อ พี่่…คุณ ไม่สิ เจ้าชื่ออะไรหรือ” เธอเริ่มปรับตัวโดยการเริ่มจากภาษาใช้

คำถามของหงเฟินทำให้สาวใช้ชะงักน้ำตา ดวงตานางเริ่มสั่นระริกราวกับจะร้องไห้อีกรอบ ดูท่าจะหนักกว่าเก่า

“คุณหนูจำบ่าวไม่ได้หรือเจ้าคะ ฮือออ บ่าวชื่อซานลี่เจ้าค่ะ คุณหนูโดนพิษทำให้สติฟั่นเฟืองหรือเจ้าคะ ฮือ”

เธอยื่นมืออกไปเบื้องหน้าเหมือนอยากปลอบ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ได้แต่มองสาวใช้อย่างระอา

ไม่ใช่ว่าฉันฟั่นเฟือง แต่ฉันไม่ใช่คุณหนูของเธอต่างหาก

หงเฟินพยายามนั่งนึกเผื่อเจ้าของร่างนี้จะหลงเหลือความทรงจำเดิมไว้บ้าง แต่ปรากฏว่า…ช่างว่างเปล่า

“คงงั้นมั้ง” เธอหัวเราแห้งๆ “ข้าเหมือนตายแล้วฟื้นใหม่ จำอะไรไม่ได้เลย พี่ซานลี่ช่วยเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับตัวข้าให้ฟังหน่อยสิเจ้าคะ”

เธอส่งแววตาบ้องแบ๊วที่มักทำเวลาขอร้องใครให้ช่วยไปให้หญิงสาวใช้ ก่อนจะเขยิบก้นตัวเองลงจากเตียงมานั่งข้างพื้นระดับเดียวกับสาวใช้เพื่อตั้งท่ารอความจริงของร่างนี้

“คุณหนูอย่าเรียกบ่าวอย่างนี้สิเจ้าคะ ละ แล้วอย่าลงมานั่งข้างล่างเลยเจ้าค่ะ เดี๋ยวเสื้อผ้าเลอะเอา”

หงเฟินส่ายหน้า ทำให้ต้องเป็นนางเองที่ลุกขึ้นแล้วลงมานั่งที่พื้นระดับล่างกว่าคุณหนูของเธอ แต่เธอก็ยิ่งแปลกใจเมื่อคุณหนูตัวน้อยของเธอก้าวลงมานั่งข้างเธออย่างไม่ถือตัว

“เอาเป็นว่าข้าสั่งท่านให้นั่งตรงนี้ และเริ่มเล่าเรื่องต่างๆให้ข้าฟังได้แล้ว เริ่มที่ ตัวข้าชื่ออะไร ลูกเต้าเหลาใคร ตายอย่างไร…”

และเรื่องราวต่างๆก็พรั่งพรูออกมาจากปากสาวใช้ที่เล่าไปด้วยทำสีหน้าแปลกใจไปด้วย

จากที่ออกจากปากสาวใช้ผู้นี้ของหงเฟิน เธอจับใจคราวได้ว่า

หญิงนางนี้นามว่า หงเฟิน…ชื่อเหมือนเธอไปอีกกกก

เป็นลูกสาวตระกูลหง หรือเรียกอีกชื่อที่ขนานนามทั่วแคว้นแห่งนี้คือ ตระกูลหงษ์เพลิง ตระกูลแห่งธาตุไฟ เพราะบุตรหรือบุตรีที่เกิดจากตระกูลนี้ล้วนเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ประจำตระกูล…

เพียงแรกเกิดก็มีกลิ่นไอธาตุเปล่งออกมาบ่งบอกว่าเป็นผู้ใช้วรยุทธ์ธาตุไฟ

ต่างจากเด็กทั่วไปที่จะรู้ธาตุประจำตัวเองเมื่ออายุย่างห้าหนาว จึงสามารถเริ่มฝึกวรยุทธ์ตามธาตุตัวเองได้ พรสวรรค์ข้อนี้จึงทำให้ตระกูลนางเป็นที่หนึ่งในผู้ใช้วรยุทธ์ธาตุไฟ และยังเป็นหนึ่งในหกตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของแคว้นเต๋อหวางฉายแห่งนี้

ตระกูลทั้งหกมีตำนานว่าบรรพบุรุษมีสายเลือดเทพบนสวรรค์จึงได้มีพรสวรรค์เช่นนี้

ซึ่งร่างนี้คือความโชคร้ายของตระกูล นางคือบุตรีคนเดียวของประมุขตระกูลคนปัจจุบัน แต่นางเกิดมาเป็นผู้ไร้ธาตุ ไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ จึงโดนบิดาส่งมาซ่อนตัวที่จวนเก่าท้ายแคว้นแห่งนี้

น้อยคนนักที่รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ เพราะบิดานางปล่อยข่าวลือออกไปว่านางร่างกายอ่อนแอเป็นโรคตั้งแต่อายุย่างเข้าห้าหนาว ช่วงแรกชาวบ้านก็ลือให้หึ่งว่า นางใกล้ตายบ้าง หน้าตาอัปลักษณ์บ้าง ที่ร้ายแรงสุดข่าววงในหลุดออกไปว่านางเป็นผู้ไร้ความสามารถบ้างจึงทำให้ท่านพ่อเลือกที่จะหยุดข่าวลือโดยการแอบส่งนางมายังจวนเก่าๆแห่งนี้

จึงทำให้ร่างนี้คิดไปต่างๆนานาว่าท่านพ่อและคนในตระกูลเกลียดนางจึงไล่นางออกมา วันๆนางจึงเอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวน ไม่ยอมรับความช่วยเหลือใดๆจากบิดาของนาง นางใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาหลายปีจนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งนางเผลอไปกินสมุนไพรพิษ จึงสิ้นลมหายใจไป

หงเฟินฟังสาวใช้เล่า ทว่าเธอกลับไม่คิดเช่นเดียวกับร่างนี้

เธอกลับคิดว่า เพราะทุกคนรักนางจึงซ่อนนางจากสังคมชั้นสูง จากชาวบ้านที่คอยแต่จะดูถูกนาง บิดานางคงรู้ว่านางเป็นคนจิตใจอ่อนแอคงไม่สามารถรับได้จึงเลือกที่จะส่งนางมาอยู่ที่นี่

ยุทธภพแห่งนี้เชิดชูผู้เก่งกาจ

ไร้พลังก็เปรียบเสมือนผู้ใช้แรงงานดีๆนี่เอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel