บทที่ 1
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของตาเฒ่าชราดังก้องในโถงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีเพียงร่างเฒ่า กับร่างสาวในชุดอุจาดตาสีเขียวอ่อนที่บัดนี้ยังคงหลับไหลไม่ฟื้นเสียที
ข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดี ข้าไม่น่ากินแล้วทิ้งไม่เป็นที่เป็นทางอย่างนั้นเลย...ใช่แล้วเขาคือผู้ร้ายที่พรากชีวิตแม่หนูน้อยแต่งตัวพิกลนี่ด้วยการกินผลกล้วยแล้วเผลอโยนเปลือกทิ้งไว้กลางทางนั่นเอง เป็นเหตุให้แม่หนูลื่นหัวกระแทกหินสิ้นใจคาที่ เขาที่เห็นเหตุการณ์จะช่วยก็ช่วยไว้ไม่ทัน ทำได้เพียงเรียกวิญญาณนางให้ตามเขามาที่สำนักของเขา
เวลาล่วงเลยมาหลายชั่วยาม เขาก็ยังคิดไม่ตกว่าเขาควรจะชดเชยความผิดนี้เยี่ยงไรดี มือเหี่ยวย่นได้แต่ลูบเคราขาวยาวของตัวเองอย่างใช้ความคิด เดินกลับไปกลับมา นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองมายังร่างบางเป็นระยะ และการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อเปลือกตาบางของร่างในชุดเขียวค่อยๆลืมขึ้น มือน้อยดันร่างตัวเองให้นั่งบนพื้นหินเย็นเยียบ แสงไฟจากโคมไฟทำให้หญิงสาวหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนที่สายตาจะค่อยๆปรับสู่สภาวะปกติ
เฮ้ย
หงเฟินเผลออุทานไม่สมเป็นหญิง เมื่อสิ่งแรกที่เธอเห็นคือหน้าเหี่ยวๆของชายแปลกหน้าที่นัยตาเขาฉายแววดีใจปนสงสัยส่งมาให้เธอ ชายแปลกหน้าในชุดขาวล้วนก้มลงมาจ้องเธอ นั่งมองเหมือนกำลังดูของแปลก
“ตื่นแล้วรึแม่หนูหงเฟิน” ตาเฒ่าแย้มยิ้ม น้ำเสียงนุ่มลึกทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวน้อยลง
“คุณเป็นใคร”
“ข้าเป็นตาเฒ่าที่ทิ้งเปลือกกล้วย แล้วทำให้เจ้าลื่นตายเอง แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ ข้าพร้อมรับผิดชอบ”
เขาเป็นเทพผู้ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงชดใช้กรรมต้องลงมายังแดนมนุษย์เพื่อเฝ้าประตูมิติที่เชื่อมระหว่างมิติยุทธภพกับมิติแห่งเทคโนโลยี ผ่านมาหลายสิบปีเวลาเขาก็ยังไม่มีทีท่าหมดเสียที ด้วยความที่เขาเป็นเทพผู้มีนิสัยร่าเริง รักสนุกเป็นชีวิตจิตใจจึงแอบฝืนกฎผ่านประตูมิติมายังมิติเทคโนโลยี คาดว่าแค่จะเที่ยวเล่นนิดหน่อย ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องทำหญิงสาวผู้นี้ตายอนาถถึงเพียงนี้
ฆ่ามนุษย์บริสุทธินับว่าบาปนัก
เขาจึงยินยอมช่วยวิญญาณนางทุกทางเพื่อให้นางอภัยต่อเขา บาปอาจน้อยลง
ไอ้คร้านจะร่ายมนต์ให้นางฟื้นคืนชีพก็ยากยิ่ง
“ใช่ไอ้เปลือกกล้วยนั่น นี่ นี่ ฉันตายแล้วเหรอ จริงสิ แล้วฉันมานั่งอยู่นี่ได้ยังไง เอ๊ะหรือคุณเป็นยมฑูต”
“ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด เอ่อ ข้าแค่…” เขาลังเลที่จะบอกสถานะตัวเอง แต่เมื่อมองไปยังแม่หนูตัวเขียวตรงหน้าก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอ็นดู
บอกไปแม่หนูก็คงไม่เข้าใจ
“…ข้าเป็นแค่ตาเฒ่าจากแดนยุทธภพอันแสนไกลนู่น”
“แล้วในเมื่อหนูตายแล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเจ้าคะ”
หงเฟินลองหยิกตัวเองที่แขนดู พบว่าเธอไม่เจ็บจึงคิดว่าตอนนี้เธอคงอยู่ในโลกหลังความตายอะไรสักอย่างที่เธอเคยอ่านจากหนังสือธรรมมะ
“ความจริงแม่หนูยังไม่ถึงคราวชะตาขาด ข้าจึงเสนอทางเลือกให้…เจ้าอยากไปเกิดใหม่ในอีกร่างอีกมิติยุทธภพที่เดียวกับข้าจากมาหรือไม่"
หงเฟินเบิกตาโตเมื่อตกใจปนงุนงงกับสิ่งที่เธอได้ยินจากตาเฒ่าที่ดูท่าทางภูมิฐานแต่เขาคือเจ้าของเปลือกกล้วยปลิดชีพเธอ
ตาเฒ่าคนนี้พูดถึงมิติ พูดถึงการเกิดใหม่
พูดอย่างกับนิยายทะลุมิติ ที่นางเอกไปเกิดในอีกโลกที่มีพลัง
บ้าไปแล้ว
แต่เธอเชื่อ ให้ตายสิ ขนาดก้อนหิน ถ้วยชามเธอยังเชื่อ ยังกราบไว้มันเลย ทั้งเช่ามาบูชาตั้งมากมายเธอยังเชื่อ นับประสาอะไรกับการมาสัมผัสด้วยตัวเองขนาดนี้เธอจะไม่เชื่อ
คิดแล้วก็ขนลุก
หงเฟินอดไม่ได้ที่จะยกมือคำนับชายชราตรงหน้าเมื่อเธอนึกว่าเขาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่จู่ๆเธอก็ชะงักอีกรอบเมื่อนึกได้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาเทิดทูน
ดึงสติสิยัยหงเฟิน ชายคนนี้คือ คนฆ่าเธอ คือคนที่พรากเธอจากชีวิตน้อยที่กำลังรุ่งเรืองในอนาคตเชียวนะ
“ท่านเสกให้หนูฟื้นไม่ได้เหรอคะ หนูกำลังโต อีกนิดหนูอาจจะเป็นนักธุรกิจพันล้านนะคะ”
ใช่เธอไม่อยากไปเกิดร่างคนอื่นในมิติไหนก็ไม่รู้ ตามที่เธออ่านนิยาย นางเอกมักไปเกิดในร่างไร้ความสามารถ สู้อยู่เป็นหงเฟินแบบนี้ก็ดีกว่าเป็นไหนๆ
หงเฟินมองไปยังชายชราตรงหน้าที่ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอก็นึกถึงสีหน้าตอนเด็กที่เธอขอของเล่นคุณปู่ แต่คุณปู่ไม่ให้
ดูก็รู้ว่าคงยาก แต่ไม่ปฏิเสธทันที แสดงว่าอาจได้
หญิงสาวเป็นคนที่อยากได้อะไรต้องได้จึงงัดลูกอ้อนที่เธอเคยใช้กับคุณปู่แล้วได้ผลมาใช้ดูบ้าง
แต่ด้วยความที่เธอไม่ได้สนิทกับชายชราผู้นี้จึง ทำได้เพียงแค่
เอื้อมมือไปดึงชายเสื้อเล็กน้อย พร้อมกับเงยหน้าส่งสายตาเหมือนเด็กหน้าสงสารไปยังตาเฒ่า
“ท่านตาได้โปรดช่วยวิญญาณตัวน้อยๆนี้ด้วยนะเจ้าคะ”
ทีแรกชายชราก็เกิดความระแวงเมื่อเห็นมือแม่หนูคนนี้มาขับชายเสื้อเขา แต่พอเจอลูกอ้อนคำเรียกว่า ‘ท่านตา’ พลันใจก็อ่อนยวบยาบ
เขาอยากมีหลานมาเล่นให้คลายเหงามาตั้งนานแล้วน่ะสิ
ท่านตาเจ้าคะ ท่านตาเจ้าขา…
แค่คิดมือชราก็เผลอเอื้อมมือเพื่อลูบหัวหนูน้อยตรงหน้า ทว่าก็ได้สติเมื่อจำได้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายขอช่างยากเย็น มือเหี่ยวจึงรีบหดกลับมา
“มันก็พอมีวิธี แค่ข้าไม่มีวิชานั้นหรอก ยากจนเป็นไปไม่ได้เชียวแหละ”
วิธีชุบชีวิตมนุษย์…สิ่งที่เขานึกออกก็คงมีแต่น้ำทิพย์ในตำนานที่ถูกเก็บไว้ในหอสมุดที่สำนักการศึกษาล่ะมั้ง
หญิงสาวตาเป็นประกาย “แค่พอมีความเป็นไปได้หนูก็ดีใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านตาต้องช่วยข้านะ”
และลูกอ้อนระรอกที่สองก็ถูกส่งไปยังตาเฒ่า
ไม่ๆ ข้าจะไม่สบตานาง
“ได้สิเจ้าเสี่ยวหงเฟิน” ไย เขาถึงแพ้ทางนางถึงเพียงนี้ ยอมแม้กระทั่งลงเรือลำเดียวกับนาง “เจ้าเรียกข้าว่าท่านตาเยี่ยงนี้ข้าชอบ”
ทว่าคิดในอีกแง่นึงเขาก็จะได้มีอะไรทำแก้เบื่อยามต้องอยู่ในดินแดนมนุษย์ พานางไปอยู่ที่นู่นค่อยๆกล่อมนางให้ใช้ชีวิตใหม่เฉกเช่นคนทั่วไป พอทำให้นางชอบ นางคงล้มเลิกอยากฟื้นกับมายังมิติเดิม
แค่คิดเขาก็หายเบื่อเป็นปลิดทิ้งเสียแล้ว
ตาเฒ่าระเบิดหัวเราะออกมาพลางลูบหัวศีรษะน้อยๆที่ดูไร้เดียงสาของหงเฟิน
ทว่าใครจะรู้ว่าภายใต้หน้ากากเหมือนเด็กน้อยนั่นจะซ่อนไว้ซึ่งรอยยิ้มมุมปากที่ยากจะคาดเดาความคิด
“แล้วหลานต้องทำอะไรบ้างหรือเจ้าคะ” หงเฟินเงยขึ้นไปสบตาชายชรา ก่อนจะกระพริบตาปริบๆ
