ชาตินี้ไม่ใช่ข้าแล้วท่านจะรักใคร

239.0K · จบแล้ว
น้องเหม่ยเหมย
108
บท
22.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อคุณหนูสายมูทะลุมิติมาเกิดในร่างคุณหนูตกอับ จนขนาดไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าสีใส่ตามวัน เธอจึงทำทุกวิถีทางตามตาเฒ่าบอกเพื่อออกจากชะตาแย่ๆ แต่พอมาอยู่ในโลกนี้จริงๆ กลับไม่เป็นอย่างที่นางคิด ในโลกแห่งพลังธาตุเช่นนี้นางเพียงต้องการเพื่อหาทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเลยคิดว่าฝึกพลังนิดหน่อยให้พอเอาตัวรอดไปได้ย่อมเพียงพอแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงๆ ในโลกที่นับถือความแข็งแกร่งเป็นใหญ่ ผู้อ่อนแอคือเบี้ยล่างให้เหยียบเล่นเช่นนี้ นับว่าพลังและสมองตอนนี้ที่มีอยู่ไม่พอเสียแล้ว ฉะนั้นนางจึงต้องแข็งแกร่งขึ้น หากอยากปกป้องคนที่ตนอยากปกป้อง และเอาตัวรอดให้ได้ด้วยสองมือตนเอง เห็นซนๆ ใสๆ ใจดีอย่างนี้นางถือคติ 'ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ ไม่โกงนะจ๊ะ' ทว่าภารกิจของนางกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่ออยู่ดีๆ ความเห็นแก่เพื่อนมนุษย์ของนางกลับทำให้ต้องไปพัวพันกันสองบุรุษที่ร้ายกาจคนละแบบ หนึ่งคือ บุรุษชอบขู่ ทำอันใดผิดหน่อยก็ขู่จะฆ่า ส่วนอีกหนึ่งบุรุษเจ้าของรอยยิ้มลุ่มลึกยากคาดเดา เจ้าเล่ห์ ชอบแกล้งชอบหลอกกินเต้าหู้นาง แต่ประเด็นคือเขาทั้งสองคือศัตรูกัน เรื่องราวชวนปวดหัวจึงเริ่มต้นขึ้น

นิยายรักโรแมนติกนิยายผจญภัยนิยายจีนโบราณนางเอกเก่งนักวรยุทธจีนโบราณนิยายกำลังภายในเกิดใหม่ในนิยายแข็งแกร่ง

บทนำ

“เดี๋ยวค่ะคุณหนู รอ อิงอิงด้วยสิคะ พอได้ของนี่เดินตัวปลิวเชียว”

เสียงเจื้อยแจ้วดังออกจากปากสาวใช้ที่กำลังวิ่งเหงื่อตกออกมาจาก ‘สำนักตาเฒ่าทันใจ’ วิ่งตามร่างเพรียวระหงของผู้เป็นเจ้านายสาว

วันนี้วันพฤหัส

สีเสริมอำนาจ คือสีฟ้า น้ำเงิน

สีเสริมดวงโชคลาภ คือ สีแดง

ส่วนสีที่ส่งเสริมให้มีผู้อุปถัมภ์ช่วยเหลือ คือสีเขียว

คุณหนูหงเฟินของเธอไม่ได้มาขอให้ถูกหวย หรือขอให้ได้งาน แต่เธอมาสำนักแห่งนี้เพื่อขอพรกับตาเฒ่าให้ช่วยเหลือเธอ วันนี้ร่างสูงเพรียวจึงสวมใส่สีเขียวอ่อนทั้งชุด ไม่เว้นแม้กระทั่งรองเท้าส้นสูง

เธอลงทุนขนาดนี้ตาเฒ่าไม่เห็นใจช่วยเธอ ท่านคงใจร้ายเกินไปแล้ว

“อย่าบ่นมากสิยะ เดี๋ยวท่านรำคาญหรอก เสกอะไรเข้าท้องไม่รู้นา” หญิงสาวในชุดสีเขียวพูดติดตลก เธอหยุดยืนพ้อยเท้าที่อยู่บนส้นสูงราวกับตัวเองกำลังเดินอยู่บนรันเวย์ เพื่อรอสาวใช้ประจำตัว

ชุดนี้เธอสั่งตัดมาจากห้องเสื้อที่โด่งดังเรื่องแฟชั่นจ๋า จะไม่ให้คนใส่อย่างเธอภูมิใจได้อย่างไรหล่ะ

ถึงเธอจะใส่ชุดเขียวแต่เธอก็ขอเขียวแบบไม่เหมือนคนบ้าละกัน

หงเฟินเลิกสนใจสาวใช้ก่อนจะก้มลงมาสนใจตะกรุดในมือ

‘ตะกรุดตาเฒ่าทันใจ’

ขออะไรได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือหรือร้าย ซึ่งครั้งนี้ที่เธอดั้นด้นมาจากเมืองกรุงมายังสำนักบ้านนอก ห่างไกลจากความเจริญอย่างนี้ สิ่งที่เธอต้องการแน่นอนว่าไม่ธรรมดา

‘เธอจะขอให้ตัวเองโชคร้าย’

ใครได้ยินคงหาว่าเธอบ้า มีแต่เขาอยากโชคดี แต่เธอมีเหตุผลเพราะในวันพรุ่งนี้เป็นวันสอบเข้าเรียนแพทย์ของเธอ

ใช่ ป่าป๊ากับหม่าม้าเธอเป็นหมอ ตระกูลทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลเกือบสิบสาขา จึงมีกฎว่าทุกรุ่นจะต้องมีคนเรียนแพทย์ด้วย หลังจากนั้นค่อยต่อโทบริหารหรืออะไรก็ว่าไป

บรรพบุรุษสายตรงของป๊าม้าล้วนเป็นแพทย์ พวกท่านล้วนมีอุดมคติ มีจิตวิญญาณแพทย์ผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่

แถมพี่น้องเธอรุ่นนี้ล้วนไม่มีใครอยากเรียนหมอเลยน่ะสิ

เธอเคยบอกไปแล้วนะว่าเธออยากทำธุรกิจที่หลุดจากสายอาชีพนี้ เพราะเธอเคยไปดูหมอดูมาว่าตัวเธอเองจะร่ำรวยจากการทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยว

หนูไม่รักหม่าม้าแล้วเหรอลูก เชื่อม๊า สอบหมอให้ม๊านะ ถ้าไม่ติดค่อยไปเรียนตามทางของหนู

หม่าม้าไม่ยอมช่วยพูดให้เธอ หงเฟินจึงต้องพึ่งโชคชะตา

แต่นั่นแหละ ทางออกทางเดียวของเธอ สอบไม่ติด

เธอกลัวผิดพลาดน่ะสิ….เธอคงกาช้อยมั่วๆก็จริง แต่เพื่อความมั่นใจว่า น้องกำไลหินโรสควอตซ์ที่ข้อมือที่เพิ่งสอยมาเมื่อวานเส้นนี้หรือของมงคลชิ้นอื่นๆในบ้านเธอจะไม่ดลบันดาลให้เธอกาหลบข้อผิด ถึงจะฟังดูบ้าบอมาก แต่ก็ทำให้เธอดั้นด้นต้องมาเช่า ตะกรุดตาเฒ่า ต้องมาบูชา ถึงที่นี่

หงเฟินคิดถึงบรรยากาศสำนักตาเฒ่าที่เพิ่งเดินออกมาเมื่อกี้ก็รู้สึกขนลุก แถมตรงประตูทางเข้า-ออกของสำนัก ยังมีศาลเล็กๆตั้งอยู่จึงทำให้มือบางอดไม่ได้ยกขึ้นมาคำนับ

เพี่ยงงงง ขอให้ลูกช้างโชคร้าย กาข้อไหนขอให้ตอบผิดด้วยเทอญ

อธิฐานจนพอใจ หงเฟินจึงเตรียมตัวก้าวเดินเพื่อออกจากสำนักไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่ไม่ไกล แต่ไม่วายหันไปควักมือเร่งสาวใช้ประจำตัวให้รีบตามมาด้วย ทำให้เธอไม่ได้มองพื้นด้านหน้าให้ดีก่อนออกก้าว

เธอจึงไม่รู้ว่าพื้นเบื้องหน้าเธอ มีเปลือกกล้วยสดๆใหม่ๆตกอยู่

อร้ายยยยยย

และนี่ก็เป็นโชคร้ายจากความมักง่ายของคนกินกล้วยแล้วไม่ทิ้งให้เป็นที่ ทำให้ร่างหงเฟินเสียหลักล้มเมื่อเหยียบเข้าเต็มเปา ศีรษะโขกเข้าพอดีกับหินข้างทาง

และทุกอย่างก็ดับวูบไป