บทที่ 1 องค์ชายเก้าแห่งราชวงศ์
บทที่ 1
องค์ชายเก้าแห่งราชวงศ์
ปั๊ก!
“โอ๊ย!”
โจวมู่เฉินร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เฟิ่งเยว่สือก็ก้มลงเก็บก้อนดินแล้วปาใส่ศีรษะของอดีตชายคนรักจนเลือดอาบ
“เออสิวะไอ้เลวชาติ! ไอ้ลูกเต่า! นับจากนี้ข้ากับเจ้าขาดกัน!”
สตรีที่ไม่เคยพูดคำหยาบแม้เพียงครึ่งคำกลับพ่นคำหยาบไม่หยุด ใบหน้าของนางแดงก่ำกรุ่นโกรธมองใบหน้าเขียวอมม่วงที่อาบไปด้วยเลือดอย่างไม่สะใจนัก แต่จะทำร้ายร่างกายโจวมู่เฉินไปมากกว่านี้คงไม่ได้ เพราะเวลานี้นางเป็นเพียงเด็กสาวที่มีอายุสิบห้าปีเท่านั้น หากผู้ใหญ่รู้เรื่องเข้านางคงถูกลงโทษไม่น้อย
“เมื่อใดที่ข้ากลายเป็นราชครูแห่งแคว้น ข้าจะกวาดล้างตระกูลเฟิ่งของเจ้าให้สิ้นซาก เจ้าจะต้องมาสยบอยู่แทบเท้าข้าอย่างสุนัขขี้เรื้อนตัวหนึ่งนังเยว่สือ!”
โจวมู่เฉินตวาดกร้าวลั่นวาจาแค้นที่เขาต้องทวงคืนให้จงได้ ร่างบางที่เดินไกลออกไปแล้วชะงักเพียงน้อย ก่อนจะแสยะยิ้มร้ายโดยที่โจวมู่เฉินไม่มีโอกาสได้เห็น เขาคิดว่านางคงตกใจกลัวจนตัวแข็ง เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงบุตรสาวพ่อค้าที่ไม่มีเส้นสายในแวดวงขุนนาง
คนที่มีความสามารถเช่นเขา ผู้ที่สอบได้ปั่งเหยียน มีคะแนนสอบโดดเด่นลำดับที่สองเป็นรองเพียงองค์ชายเก้าผู้โหดเหี้ยมเท่านั้น อีกทั้งในอนาคตเขาจะมีผลงานเป็นที่ประจักษ์จนได้เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วกว่าบุรุษหนุ่มในวัยเดียวกัน
เมื่อย้อนกลับมาเช่นนี้เขาย่อมรู้ดีว่าในอดีตบ้านเมืองเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นบ้าง และเขาย่อมเดินหมากชีวิตได้ไกลกว่าใครๆ เพราะเขาคือผู้หวนคืน ดังนั้นชาตินี้เขาจะคว้าอันดับหนึ่งตำแหน่งจ้วงหยวนมาให้จงได้
ส่วนนางนะหรือ... ต่อให้เป็นผู้หวนคืนแล้วอย่างไรเล่า นางเป็นเพียงแค่สตรีในห้องหอ อีกไม่กี่ปีก็ต้องแต่งงานเป็นฮูหยินเฝ้าจวนของบุรุษ ก้มหน้ารับใช้สามีที่คงเป็นพ่อค้าหรือไม่ก็ขุนนางระดับล่างสักคน อุ้มท้องคลอดบุตรเป็นแม่พันธุ์ไม่ต่างจากแม่หมูในเล้า เลี้ยงดูบุตรธิดาจนค่อยๆ แก่ชราลง ชั่วชีวิตของนางไม่อาจก้าวหน้ารุ่งโรจน์เฉกเช่นบุรุษ
ดังนั้นเขานี่แหละจะทำให้นางคุกเข่าสำนึกผิดทั้งน้ำตา จนต้องก้มลงคำนับแทบเท้าเขาให้จงได้
“แล้วเจ้าจะได้รู้...”
เฟิ่งเยว่สือพึมพำแผ่วเบาก่อนจะเดินจากไป ไม่คิดหันกลับไปต่อปากต่อคำกับอดีตสามีอีก ชาตินี้นางเป็นอิสระจากการเป็นภรรยาของเขาแล้ว ดังนั้นนางจะทำทุกวิถีทางเพื่อเป็นขวากหนามในชีวิตของโจวมู่เฉิน!
ชาติก่อนข้าเป็นได้แค่เสี้ยนหนามตำเท้าเจ้า แต่ชาตินี้ข้าจะเป็นขวากหนามสูงชันที่เจ้าไม่อาจก้าวข้าม!
สูงขึ้นไปบนกิ่งก้านต้นหยินซิ่งเก่าแก่ บุรุษหนุ่มรูปงามเรือนร่างอ้อนแอ้นดั่งอิสตรีด้วยเพิ่งก้าวเข้าสู่วัยหนุ่มได้ไม่นาน เขาซ่อนเร้นกำบังกายโปร่งใส นอนเอกเขนกยกสองแขนขึ้นรองศีรษะต่างหมอน ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นไขว้ทับต้นขาอีกข้างหนึ่งอย่างผ่อนคลาย
เขามองคู่รักจับจูงมือกันมาจากไกลๆ ราวกับมองฉากหนึ่งในนิยายประโลมโลกที่เหล่าสตรีมักแอบอ่านกัน บางคนก็ถึงกับเพ้อออกมาเพราะอยากมีความรักที่บริสุทธิ์แสนหวาน
มองจากไกลๆ ก็พอจะรู้ว่าทั้งสองรักกันมาก เมื่อมาถึงก็พากันคุกเข่าสาบานรักใต้ต้นหยินซิ่งนี้ คำรักแสนหวานพรั่งพรูออกมาจากปากของกันและกัน ฝากคำรักไว้กับต้นไม้เก่าแก่จากนั้นจึงพากันคุกเข่าหลับตาอธิษฐาน
เมื่อชายหนุ่มร่างกายโปร่งแสงจ้องมองดีๆ จึงจำได้ว่าสาวน้อยผู้นั้นคือ ‘เยว่เอ๋อร์’ เจ้าลิงน้อยตัวแสบผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้นั่นเอง
เวลานั้นเขาอายุเพียงแปดปีปลอมกายแต่งเป็นเด็กหญิงเพื่อหลบหนีการไล่ล่าคร่าชีวิตของฮองเฮาผู้เหี้ยมโหด กระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดจนสุดทาง เบื้องหน้าคือผาน้ำตกสูงชันเบื้องหลังคือนักฆ่ามากฝีมือกว่าสิบคน
องค์ชายเก้าตัดสินใจกระโดดลงมาจากผาสูงเดิมพันชีวิตเป็นตาย ร่างเล็กผอมบางหมดสติไหลมากับสายน้ำที่เชี่ยวกราก
เป็นเด็กหญิงแก้มยุ้ยในวัยหกขวบที่ช่วยชีวิตเขาไว้ก่อนที่เขาจะถูกกระแสน้ำพัดพาไปกระแทกกับโขดหินขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คนของเสด็จแม่ตามหาเขาพบพอดี
เขาใช้ชีวิตในร่างของเด็กผู้หญิงในฐานะบุตรสาวแม่เล้า ‘ซ่งเจียวจ้าน’ แฝงกายอาศัยอยู่ในหอนางโลมเหมยฮวาหลบเร้นจากการตามล่าของฮองเฮามาหลายปี
ส่วนเจ้าลิงน้อยมักแอบแต่งตัวเป็นเด็กผู้ชายเข้ามาเที่ยวเล่นในหอนางโลมอยู่เสมอๆ เพราะนางสนิทสนมกับซ่งเจียวจ้านเจ้าของหอนางโลมเลื่องชื่ออยู่ก่อนแล้ว
นางเรียกอีกฝ่ายว่า ‘ท่านแม่บุญธรรม’ เพราะแม่เล้าผู้นี้เป็นสหายสนิทของฮูหยินเฟิ่งผู้ล่วงลับ เจ้าลิงน้อยขาดมารดาอีกทั้งบิดามักออกไปทำการค้าต่างแดนครั้งละหลายๆ เดือน นางจึงติดแม่เล้าแห่งเหมยฮวาราวกับเป็นมารดาแท้ๆ ก็ไม่ปาน
ดังนั้นนางจึงมองเขาเป็น ‘พี่สาว’ ที่มักจะนำเรื่องสุขใจและทุกข์ใจมาเล่าให้เขาฟังเสมอๆ บางครั้งก็ชวนเขาเล่นโยนห่วง เตะลูกหิน ซ่อนหา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการละเล่นของเด็กผู้ชาย เขาจึงได้เรียกนางว่าเจ้าลิงน้อย
เป็นที่ขบขันยิ่งนัก...นางปลอมเป็นเด็กชายเพื่อแอบเข้ามาในโรงชำเราบุรุษ ในขณะที่เขาปลอมเป็นเด็กหญิงเพื่อหนีตายจากอำนาจของสตรีที่สูงส่งเหนือสตรีผู้ใดในแผ่นดิน
หึ...ปกติแล้วเจ้าลิงน้อยตัวแสบทั้งดื้อ ซน ทโมนอย่างกับลูกลิง แต่พออยู่ต่อหน้าชายคนรักกลับเรียบร้อยอ่อนหวานดุจกุลสตรีผู้เพียบพร้อม
‘ดะ...ดูรอยยิ้มอ่อนหวานนั่นสิ น่าขนลุกชะมัดเลย!’
ชายหนุ่มรู้สึกมวนท้องที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น แต่ลึกๆ ในใจกลับรู้สึกหงุดหงิดชอบกล ซึ่งเขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดจึงต้องรู้สึกหงุดหงิดด้วย
