ตอนที่ 3 เดินเล่น
ตอนที่ 3 เดินเล่น
ตลาดฮุ่ยซานชื่อเสียงเลื่องลือการตีดาบ ผู้คนส่วนมากที่มาเดินจะเป็นทหาร หรือขุนนางเสียส่วนใหญ่ กลิ่นไอเหงื่อ เหล็กสนิทที่ถูกตีคละคลุ้งในอากาศ ทั้งสองมาถึงตลาดดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงจึงรีบเดินตรงไปยังร้านที่องค์ชายจื่อถงเลือกเอาไว้แล้ว
“เถ้าแก่ข้าต้องการมีดเล็กเอาไว้ป้องกันตัว ขอเป็นเหล็กกล้าอย่างดีที่ร้านของท่านคงมีอย่างที่ข้าต้องการใช่หรือไม่?” เถ้าแก่ร้านตีมีดร่างกายกำยำกำลังตีมีดที่หล่อหลอมด้วยเปลวเพลิง หยุดชะงักดึงผ้าปิดหน้าลงและหันกลับมามองผู้มาเยือน ทันทีที่เห็นว่าเป็นผู้ใดเขารีบวางมือลงและต้อนรับองค์ชายเป็นอย่างดี
“ขออภัยองค์ชายหลิวจื่อถง ข้ากำลังตีดาบอยู่ไม่ทันได้สังเกตว่าองค์ชายมาเยือนที่ร้านเล็ก ๆ ของข้า มีดเล็กที่ท่านต้องการร้านของข้าย่อมมีทว่ายังตีไม่เสร็จ หากท่านต้องการจริง ๆ เอาไว้อีกสามวันให้หลังค่อยมาเอาได้หรือไม่ขอรับ” จื่อถงฉีกยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบตกลง
“ได้อีกสามวันข้าจะมาเอา ข้าหวังว่ามีดเล็กของข้าจะออกมางดงามเพราะข้าต้องการให้เป็นของขวัญให้แก่คนของข้า” เถ้าแก่ร้านเหลือบไปมองด้านหลังเห็นชายร่างใหญ่ก็พอเข้าใจว่าเขาต้องการมีดเล็กให้แก่คนด้านหลังแน่แท้
“ข้ารับรองด้วยชื่อเสียงของข้า ข้าจะทำให้สมใจที่องค์ชายเลือกมาซื้อร้านของข้าขอรับ” เมื่อตอบตกลงกันเสร็จแล้ว จื่อถงก็พาจิ้งเซียนเดินออกมา
“เจ้าต้องการอันใดหรือไม่? หากมีสิ่งที่เจ้าประสงค์จงแจ้งแก่ข้า”
“สิ่งที่ข้าประสงค์หรือ? คงเป็นรอยยิ้มของท่านละมั่ง ฮึ ฮึ" จิ้งเซียนหัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะตั้งแต่ที่เดินเข้ามาเขาไม่เห็นสิ่งใดที่เขาต้องการ จึงเอ่ยหยอกล้อจื่อถง เขาคว้าร่างสูงใหญ่ของจิ้งเซียนมาโอบกอดไม่สนสายตาผู้อื่นที่มองมายังตน
“เจ้ายั่วยวนข้าอีกแล้ว เช่นนี้จะให้ข้าอดใจได้อย่างไร เดิมทีข้าต้องการให้เจ้าพักผ่อนหลังจากกลับไปถึงตำหนักยามนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เมื่อใดที่ถึงตำหนักข้าจะยิ้มให้เจ้าจ้องมองจนสมใจ”
“เอ่อ… ปล่อยข้าก่อนเถอะที่นี่ผู้คนอยู่มากมายเดี๋ยวจะเป็นเป้าสายตาแก่ผู้อื่น ข้าไม่อยากเป็นจุดสนใจ”
“เฮ้อ! ก็ได้ อย่างนั้นรีบเดินทางกลับเกี้ยวกันเถอะใจของข้าอยู่ที่ตำหนักแล้ว” จื่อถงจ้องมองสายตาหื่นกระหายจนจิ้งเซียนเขินอาย
“ท่านนี่นะ! จริง ๆ เลย” ทั้งสองกำลังเดินกลับเกี้ยวตอนนั้นเองหูของจิ้งเซียนได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังอยู่ไกลๆ ทว่าไม่ได้เรียกชื่อของเขา
“ซ่งเจี้ยนหยู ซ่งเจี้ยนหยู” น้ำเสียงอ่อนหนุ่มเอ่ยเรียกซ้ำ ๆ กึกก้องในหูของเขาจนสองเท้าต้องชะงักเดินหันหลังไปมอง ช่วงนั้นภาพความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นมาเลือนรางไม่ชัดเจน ชายหนุ่มสองคนเดินจับมือกันเลือกซื้อดาบรอยยิ้มตราตรึงใจ หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานลองจับดาบมาทำท่าทางต่อสู้กันอย่างชื่นบาน ทว่าจู่ ๆ ภาพเหล่านั้นก็จางหายไป เมื่อจื่อถงเรียกพร้อมจับมือของเขา
“มีอันใดหรือ? เหตุใดเจ้าไม่เดินตามข้ามาหรือมีสิ่งที่เจ้าต้องการจู่ ๆ เจ้าก็หยุดเดิน” สติของจิ้งเซียนกลับมาอีกครั้งเขามองหาเด็กหนุ่มทั้งสองก็มองไม่เห็นหรือว่าภาพเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา
“ข้าเอ่อ…ข้าเพียงได้ยินเสียงอันใดแปลก ๆ เท่านั้นมิได้มีอันใดต้องการกลับตำหนักกันเถิดขอรับ สงสัยเพราะวันนี้ข้าไม่ได้พักผ่อนจึงทำให้สมองเบลอ” จื่อถงคิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“มิใช่ว่าเจ้าหาเรื่องไม่ให้หลับนอนกับเจ้าคืนนี้หรอกใช่มั้ย เพราะไม่ว่าเจ้าจะหาเรื่องอะไรมาเป็นข้ออ้างข้าก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ” จื่อถงจับมือของจิ้งเซียนแน่น ภายใต้รอยยิ้มกลับมีความกังวลแอบซ่อนอยู่
‘หรือว่าจิ้งเซียนความทรงจำจะกลับมา ไม่ได้ข้าจะให้มันเป็นเช่นนั้นไม่ได้จนกว่าเขาจะรักข้าจนหมดใจ เมื่อนั้นต่อให้ความทรงจำกลับมาได้ข้าก็ไม่สนเรื่องนี้อีกต่อไป ต่อจากวันนี้ข้าจะทำให้จิ้งเซียนมีเพียงแต่ความทรงจำดี ๆ เกี่ยวกับข้าเท่านั้น’
ยามโหย่ว(18.00)
ตำหนักจุ้ยเซียง
ขันทีหย่งอู่ยืนอยู่หน้าตำหนักเป็นห่วงองค์ชายกับจิ้งเซียนเดินไปเดินมาด้วยหัวใจที่ีร้อนรุ่ม กลัวว่าสิ่งที่เตรียมเอาไว้จะผิดแผน ทว่าตอนนั้นเองเสียงทหารอยู่หน้าตำหนักได้กล่าวขึ้นมาเสียงดัง
“องค์ชายเสด็จกลับมาแล้ว” หย่งอู่รีบเดินออกไปต้อนรับทันที
“พวกเจ้าไปจัดเตรียมสำรับอาหารมาจัดโต๊ะเร็วเข้า” พรางหันไปสั่งนางกำนัลให้ไปยกอาหารมาให้ทั้งสอง
“องค์ชายกลับมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ วันนี้คงเหน็ดเหนื่อยกระหม่อมให้นางกำนัลยกสำรับมาให้ที่ห้องโถงระหว่างนี้องค์ชายไปล้างเนื้อล้างตัวเปลี่ยนฉลองพระองค์ก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ขันทีหย่งอู่ช่างรู้ใจข้าเสียจริง จิ้งเซียนเจ้าไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วมาพบกันที่ห้องโถงเถิดเหน็ดเหนื่อยเดินทางมาทั้งวันกินอาหารจะได้มีแรงใช้กับข้าบนเตียงในค่ำคืนนี้"
“ท่านเอ่ยเช่นนี้ต่อหน้าขันทีหย่งอู่ได้อย่างไรขอรับ มันเป็นเรื่องน่าอาย”
“ระหว่างเจ้ากับข้ามีเรื่องอันใดต้องอายอย่างนั้นหรือ ไม่มีผู้ใดในตำหนักแห่งนี้ไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับข้าเป็นเช่นไร เจ้ามิใช่องครักษ์ข้างกายข้าเสียหน่อยแม้ว่าจะมีหน้าที่คอยดูแลปรนนิบัติข้าก็เถิด แต่คนละหน้าที่กัน หากผู้ใดกล้าเอ่ยเรื่องของเราแพร่งพรายออกไป คนพวกนั้นอย่าหวังจะได้พูดอีกเพราะข้าจะตัดลิ้นพวกมันทิ้งให้กากิน” นางกำนัลก้มหน้าลงต่ำเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินคำพูดขององค์ชาย จนหย่งอู่รีบแก้ไขสถานการณ์
“จิ้งเซียนท่านไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องของนายบ่าวในตำหนักไม่อาจจะพูดได้ หากพูดก็เสมือนปลิดชีพตนเองเบาใจได้ขอรับ” จิ้งเซียนเห็นท่าไม่ดีจึงพยักหน้าก่อนจะเดินกลับห้องพักของเขาที่องค์ชายจัดเตรียมไว้ให้ ส่วนองค์ชายเรียกให้ขันทีตามไปที่ห้องของตน
“ขันทีหย่งอู่ตามข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย"
