บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ความเพ้อฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง

ชิงหรูส่ายหน้าพัลวัน “เรื่องเมื่อครู่นั้นช่างเถอะไม่คิดทำให้เกิดเรื่องใหญ่ เป็นข้าที่ผิดเองที่มาโดยไม่บอกท่านแม่ทัพล่วงหน้า ขอให้ท่านช่วยเก็บเป็นความลับไว้ก็พอ...”

จื่อเฉินชะงักมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าหากนางเป็นสตรีของท่านแม่ทัพจริงคงกลัวผู้เป็นสามีลำบากแน่นอน จะเอ่ยโต้แย้งก็ต้องยอมกลืนคำพูดไปเพราสีหน้าที่ดูคล้ายจะร้องไห้นั่น มันทำให้เขาเลือกเงียบและทำตามที่นางขอไปทันใด

ชิงหรูกลัวว่าหากเรื่องนี้ใหญ่โตจะทำให้ตระกูลเซียวเสื่อเสียชื่อเสียง ไหนนางอาจจะถูกแม่สามีดุอีกเล่า ในเมื่อนางมิได้ถูกกระทำเกินเลใดใดก็ปล่อยให้เงียบมากที่สุดเท่าที่จทำได้ดีกว่า

ต่อมานางก็ขอให้เขาพานางไปส่งที่กระโจมแม่ทัพ ไม่มีถ้อยคำใดระหว่างทาง แต่ความรู้สึกภายในอกของชิงหรูกลับหนาหนักจนเงียบงันตลอดทาง

ก่อนออกเดิน นางหยุดเพียงครู่หนึ่ง มือเรียวปัดฝุ่นออกจากแขนเสื้ออย่างเบามือ พยายามจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แม้ปลายนิ้วจะสั่นไม่คลาย นางไม่อยากให้ใครเห็นว่าเพิ่งเจอเรื่องเลวร้ายมา ไม่อยากให้ดูน่าสมเพชจนเกินไป อย่างน้อย...ก็เพื่อเก็บศักดิ์ศรีสุดท้ายของการเป็นฮูหยินเอกไว้บ้าง

บาดแผลที่ข้อมือยังระบมใต้แขนเสื้อ รอยฟกช้ำที่เอวแอบเสียดสีผ้าอยู่ทุกย่างก้าว แต่ยังดี...ที่ไม่มีร่องรายใดปรากฎขึ้นใบหน้า ทุกอย่างถูกกลบไว้ใต้ผืนผ้าที่กลับมาเรียบร้อยแล้ว

เมื่อมาถึงหน้ากระโจมใหญ่ ทหารเวรหน้ากระโจมเห็นมีสตรีถึงสองนางมาก็เลิกคิ้วเล็กน้อย

“ข้าแวะนำอาหารมื้อกลางวันมาให้เพียงแต่เดินไม่ระวังจึงไม่เหลือแล้ว แต่ก็อยากจะมาทักทายผู้เป็นสามีหน่อย ฝากไปบอกท่านแม่ทัพทีว่าฮูหยินของเขามาขอพบ...”

ทหารเวรนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหายเข้าไปรายงานให้ด้านใน

ชิงหรูสูดหายใจเตรียมยิ้มรอรับคำอนุญาตให้เข้าไป แต่แล้ว นายทหารคนนั้นก็กลับออกมา พร้อมน้ำเสียงเย็นชาที่คล้ายจะกล่าวมาจากคำสั่งของเจ้านายไม่ขาดหาย

“ท่านแม่ทัพรับสั่งว่า...กำลังทำงาน ไม่ว่างพบ ให้ท่านกลับไปเสีย”

เพียงเท่านั้นราวกับเสียงทุกอย่างตรงหน้าหยุดเคลื่อนไหวลงชั่วขณะ...

ชิงหรูไม่พูดอะไร เสี่ยวเฉินขยับจะโต้อย่างไม่อายอมรับได้ เพราะเจ้านายของนางอุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารมาให้ไหนจะพยายามเข้มแข็งแม้ถูกหยามเกียรติ จให้ต้องกลับไปเช่นนี้บ่าวเช่นนางยังยอมไม่ได้ แล้วเจ้านายของนางจะใจสลายมากเพียงใด

แต่ก่อนได้เอ่ยคำใด เสี่ยวเฉินก็ถูกชิงหรูยกมือห้ามไว้ก่อน นางหันกลับไปพยักหน้าให้ทหารเวรอย่างนิ่งเฉย ก่อนหันไปหาหวังจื่อเฉินสุดท้าย

“รบกวนนำความถึงท่านแม่ทัพให้ด้วย ว่าข้ามีธุระที่จวน ไม่สะดวกรอ จะกลับขอก่อน...”

นางกล่าวเช่นนั้นเสร็จก็เดินออกมาทันที

หวังจื่อเฉินรับคำ สายตาเขาที่มองตามสตรีที่น่าจะใช่ฮูหยินของท่านแม่ทัพไม่ผิดแน่ สายตาที่เขามองนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย คล้ายเข้าใจมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจช่วยอะไรได้...

ยังดีที่ทหารเวรให้ทหารนายหนึ่งมาส่งพวกนางที่หน้าค่ายทหาร ทว่าเมื่อมาถึงหน้าค่าย สิ่งที่รอกลับมีเพียงลานดินว่างเปล่า รถม้าที่นางนั่งมากลับไม่อยู่เสียแล้ว สารถีของจวนเซียวคงเข้าใจว่าเจ้านายจะกลับพร้อมสามีในยามเย็นกระมัง...

“บัดซบ...” เสี่ยวเฉินสบถเบา ๆ “อาหลี่ช่างโง่นัก ปล่อยฮูหยินไว้กลางแดดเช่นนี้ได้อย่างไร!”

ชิงหรูไม่เอ่ยคำใด มือที่ถือกล่องไม้ที่เคยมีกับข้าวที่นางตั้งใจทำตลอดเช้าอัดแน่นอยู่ บัดนี้ภายในว่างเปล่า...

น่าเสียดายที่อาหารพวกนั้นไม่อาจส่งตรงไปยังคนที่นางตั้งใจทำให้ได้

รอยยิ้มบางปรากฏบนมุมปาก ทว่าตาเริ่มร้อนผ่าวอีกครา

ช่างเถอะ...อย่างน้อย นางก็ยังร่างกายที่ไร้มลทิน รอดจากพวกกักขฬะ อาหารพวกนี้นางทำเมื่อไรก็ได้ คนชิมไม่ว่าเป็นผู้ใดอย่างไรอาหารเลิศรสก็คือยังเป็นอาหารเลิศรสอยู่ดี...

ชิงหรูเชิดหน้าขึ้นอีกครั้งสะบัดหน้าไล่ม่านน้ำหน้าแห่งความอ่อนแอทิ้งไป หันไปถามทหารเวรที่มาส่งด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“มีรถม้าที่พาเข้าเมืองหลวงได้บ้างหรือไม่?”

ทหารหนุ่มลังเลครู่หนึ่ง สายตาไม่ได้หยาบช้าจาบจ้วงแต่ก็ปราศจากความเคารพอย่างที่นางควรได้รับ

“ไม่มีหรอก...ค่ายทหารไม่ได้มีรถม้าสำหรับสตรี มีเพียงเกวียนขนของที่จะออกไปตลาดช่วงยามโหย่ว (17.00 – 18.59 น.)ถ้าไม่รีบรอก็...อาจไปกับคันนั้นได้”

เสี่ยวเฉินกัดฟันหลังฟังคำจิกกัดนั่น นางจะตอบโต้อะไรบางอย่างแต่นางก็ถูกเจ้านายห้ามไว้อีกครั้งด้วยสายตา

ชิงหรูพยักหน้ารับน้อย ๆ แล้วหันไปยิ้มบอกเสียงดังฟังชัดอย่างคนตัดสินใจได้แล้ว

“ไม่เป็นไร...เราจะเดินออกไปเองดีกว่า บางทีระหว่างทางอาจเจอรถม้าของพ่อค้า หรือผู้ใดผ่าน จะได้ขอติดรถเข้าเมืองเมือง”

“แต่แดดแรงเช่นนี้…”

“ไม่เป็นไร” นางตัดบทเบา ๆ “ก็ยังดีกว่าต้องอยู่ที่นี่”

ชองหรูก้าวเท้าไปข้างหน้าด้วยแผ่นหลังจะเหยียดตรง ไม่โวยวาย ไม่กล่าวโทษใคร

ไม่ใช่ว่านางไม่เคยเดินด้วยเท้า ไม่ใช่ว่านางไม่เคยต้องทำทุกอย่างโดยไม่มีบ่าวรับใช้เสียหน่อย นางจะปล่อยให้ตำแหน่งฮูหยินจอมปลอมนี้มาเปลี่ยนนิสัยหรือสิ่งที่นางเคยทำเป็นไม่ได้

แดดยามบ่ายส่องแรงเหมือนเปลวเพลิงจากฟากฟ้า ฝุ่นจากทางดินตลบฟุ้งทุกครั้งที่เท้าทั้งสองย่ำลงไป ลู่ชิงหรูก้าวเดินช้า ๆ พร้อมกับเสี่ยวเฉินที่เดินตามข้าง บ่าวตัวน้อยพยายามยกผ้าคลุมไหล่ขึ้นบังแดดเท่าที่จะทำได้ แต่ผ้าผืนเล็ก ๆ นั้นก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาไอร้อนที่แผดเผามาจากทุกทิศทาง

ระหว่างทางทั้งสองไม่ได้พูดอะไร แม้แต่จะบ่นซักคำก็ยังไม่มี ริมฝีปากแห้งผากของชิงหรูขบเม้มแน่นอย่างอดทน ใบหน้าขาวเริ่มมีรอยแดงจากแดด ความเมื่อยล้าจากเหตุการณ์ก่อนหน้าก็ยังไม่ทันจางหายดี

ความจริงที่นางได้เผชิญนี้ไหลย้อนเข้ามาในหัวราวกับคลื่นซัดเข้าชายฝั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเย็นชาของผู้เป็นสามีนั้น ไม่ได้ทำร้ายนางเพียงลำพัง แต่มันยังสะท้อนลงไปถึงสายตาของทุกคนที่มองว่านางไม่มีค่าไม่ต่างจากผู้เป็นเจ้านายทำ

นางเคยคิดจะพยายามผลักตนเป็น นางเอกของนิยายเรื่องนี้แทนนางเอกคนเดิม พยายามจะใช้ความดี พิสูจน์ว่าตัวเองคู่ควรกับความรักที่เขามี แต่ตอนนี้...ทุกสิ่งที่นางเผชิญมาตลอดทั้งวันมันกำลังบอกว่านั่นอาจเป็นเพียงความเพ้อฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง

หรือบางที...นางควรหันหลังให้กับเส้นเรื่องนี้เสียตั้งแต่ตอนนี้กันนะ

หากไม่อาจเป็นนางเอกที่พระเอกธงแดงดีด้วยเพียงคนเดียวได้ นางก็ขอแค่ไม่ใช่นางร้ายที่ต้องตายตอนต้นเรื่องก็พอ

ชิงหรูก้มหน้าลงเบา ๆ สองเท้าก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว ฝุ่นคละคลุ้งจนเข้าโพรงจมูก

มากกว่ากล่องไม้ใส่อาหารที่ว่างเปล่า...ก็คือใจของนางที่ว่างกว่ามากนัก

ท่ามกลางความสิ้นหวังที่กำลังเข้าครอบงำ เสียงล้อรถม้าบดพื้นดินก็ดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง ทั้งสองคนชะงักและหันไปมองแทบจะพร้อมกัน เสี่ยวเฉินรีบชี้พร้อมตะโกนเสียงดังอย่างปกปิดความดีใจไม่มิด

“รถม้า! ฮูหยิน! รถม้ามาแล้วเจ้าค่ะ!”

ชิงหรูพยักหน้าพร้อมแย้มยิ้มอย่างดีใจจากใจที่แห้งเหี่ยว เส้นผมที่ปลิวตามลมร้อนแนบข้างแก้ม ยามมองย้อนกลับไปจำต้องยกมือบังแดดเล็กน้อย สายตาเพ่งไปยังฝุ่นที่เริ่มฟุ้งขึ้นจากการเคลื่อนที่ของรถม้าขนาดใหญ่

รถม้าสีไม้เข้ม ดูสะอาดเรียบร้อย แข็งแรงและมั่นคง รถม้าดูดีเช่นนี้มิใช่ของชาวบ้านธรรมดาแน่นอน ลวดลายสลักอย่างประณีตบางส่วนบนขอบประตูบ่งบอกถึงความมั่งคั่ง หรืออย่างน้อยก็เป็นตระกูลขุนนางชั้นกลางที่มีฐานะอยู่ไม่น้อยแน่ ๆ

นางไม่รู้ว่าใครอยู่ข้างใน และก็ไม่มีเวลาคิดให้มากนักด้วยเช่นกัน

เสี่ยวเฉินวิ่งไปข้างหน้า โบกมือเรียกก่อนที่รถม้าแห่งความหวังจะผ่านไป

“ท่านเจ้าคะ! ขออภัย ท่านเจ้าคะ! ขอความกรุณา! ขอขึ้นรถเข้าเมืองหลวงด้วยเจ้าค่ะ!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel