บทที่ 2 ชุดนอนไม่ได้นอน
ชิงหรูคนใหม่นี้บอกเลยว่านางไม่ยอมแพ้เพียงเท่านี้หรอก
ความขมในใจบัดนี้กำลังถูกกลบด้วย... แผนการใหม่ที่นางเตรียมไว้สำหรับค่ำคืนนี้
นางก็สั่งให้เสี่ยวเฉินไปนำหีบใส่ชุดที่นางออกแบบและให้คนตัดใหม่
“นี่คือชุดที่ฮูหยินให้บ่าวนำไปส่งที่ร้านชุด และตัดตามที่ท่านวาดไว้เจ้าค่ะ”
ฝาหีบเปิดออก เผยให้เห็นผ้าโปร่งบางสีชมพูสดเนื้อดีนุ่มลื่นมือยามสัมผัส ชุดเศษผ้านี้ตกแต่งด้วยลายปักดอกไม้สีแดงสด บริเวณอกมีสายคาดไขว้เป็นรูปผีเสื้อเผยเนินอกได้รูปอย่างมีชั้นเชิง
นี่คือชุดนอนไม่ได้นอนแบบร่วมสมัยเกินกว่าหญิงใดในยุคนี้จะกล้าใส่
...ชาติก่อนนางหาได้มีโอกาสใส่ของพวกนี้ไม่ นางทำงานจนเล็บแทบจะหัก ขนาดกางเกงนอนยังหมุนใช้สามวันซักที ทว่าตอนนี้นางสั่งตัดเพียงวันเดียวชุดใหม่ที่นางต้องการก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
ลู่ชิงหรูอาบน้ำอย่างละเอียด ล้างเนื้อล้างตัวด้วยน้ำสมุนไพรอุ่นที่แช่ด้วยกลีบดอกไม้ ทาเนื้อตัวด้วยน้ำอบกลิ่นหอมละมุน นางยืนหน้ากระจกทองเหลือง ค่อย ๆ สวมชุดนั้นทีละชิ้น ด้วยใจที่เต้นแรงขึ้นทุกคราที่เนื้อผ้าสัมผัสผิว
ร่างของนางในกระจกช่างงดงามเกินหญิงธรรมดา ผิวขาวเนียนไม่ต่างจากหยกขัด รูปร่างเพรียวแต่ไม่ผอมแบน อกกลมกลึง เอวคอดสะโพกได้รูปอย่างน่าหลงใหล ผมดำขลับยาวสลวยถูกรวบหลวม ๆ ด้วยปิ่นหยกให้หลุดตกเคียงไหล่เล็กน้อยคล้ายไม่ตั้งใจ แต่กลับยิ่งชวนมอง
สมกับที่เป็นนางร้ายในนิยายยิ่ง งดงามแบบเย้ายวนยากละสายตา...
เสี่ยวฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับอ้าปาก ตาค้างไปพักหนึ่งก่อนจะพึมพำอย่างอดไม่ได้
“ฮูหยิน...ช่างงดงามยิ่งนักเจ้าค่ะ งดงามถึงเพียงนี้...ท่านแม่ทัพคงมิอาจละสายตาได้แน่”
ชิงหรูหัวเราะเบา ๆ แต่ไม่ได้ตอบอันใด
นางก็อยากจะให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน สิ่งที่นางร้ายผู้นี้มือจนน่าอิจฉาคือ หุ่นเย้ายวนและผิวขาวน่าจับต้อง เป็นความงามที่มองไม่เบื่อจริง ๆ
เมื่อแต่งตัวพร้อมแล้วชิงหรูก็หยิบเสื้อนอกตัวหลวมมาคลุมร่างแล้วเดินถือถาดไม้วางชามรังนกตุ๋นหอมกรุ่นไว้ นางเดินนำหน้า เสี่ยวฉินที่ถือโคมไฟตามหลัง
ภายในห้องทำงานของแม่ทัพเซียว เงาของชายหนุ่มผู้หนึ่งทอดอยู่หลังโต๊ะยาว ท่ามกลางกลิ่นหมึกจาง ๆ และความเงียบ...
ข้างกายคืออาหลี บ่าวบุรุษคนสนิทที่ยืนฝนหมึกอยู่เงียบ ๆ มือคอยเติมชาให้โดยไม่ต้องรอคำสั่ง ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปด้วยความเคารพและคุ้นเคยในนิสัยของเจ้านาย
เสียงฝีเท้าเร่งเร้าดังขึ้นจากหน้าประตู บ่าวที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอกก้าวเข้ามารายงาน
“ท่านแม่ทัพ...ฮูหยินนำของว่างมื้อดึกมารอที่หน้าห้อง ขอเข้าเฝ้าพบท่านขอรับ”
อาหลีเหลือบตามองไปยังเจ้านายก่อนจะก้มหน้าลงโดยพลัน
เซียวเหยียนหลงไม่แม้แต่จะเงยหน้าจากตำรา แต่ยามเปล่งเสียงของเขาเย็นเรียบก็กดดันจนบ่าวทุกคนไม่สบายตัว
“ไล่นางกลับไป”
คำว่า ฮูหยิน ที่เขาได้ยินก็ไม่ต่างจากแมลงหวี่ที่บินวนสร้างความรำคาญยามค่ำคืน
บ่าวผู้นั้นรับคำแล้วก็เตรียมจะถอยออกไป แต่ไม่ทันถึงประตู บานประตูก็ถูกผักเปิดออกจากด้านนอกเสียแล้ว
ลู่ชิงหรูก้าวเข้ามาอย่างเร็ว เสื้อคลุมตัวหนาปลิวไหวเล็กน้อยยามเดิน สีหน้านางสงบ แต่ดวงตาซ่อนความตื่นเต้นและประหม่าอย่างเห็นได้ชัด นางวางถาดรังนกตุ๋นที่จัดมาอย่างดีตรงหน้าโต๊ะ ก่อนจะย่อกายเบา ๆ
“ข้าเห็นว่าท่านพี่ตรากตรำงานหนัก จึงเตรียมรังนกตุ๋นมาให้ หอมและร้อนกำลังดี ท่านพี่โปรดรับไว้ด้วยเจ้าคะ”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่แฝงความตั้งใจ สายตาส่งผ่านความหวังเล็กน้อย…แต่สิ่งที่ได้รับกลับไม่ใช่คำปฏิเสธธรรมดา
เซียวเหยียนหลงวางพู่กันลงอย่างเงียบเชียบ ก่อนเหลือบมองถาดนั้นเพียงแวบ แล้วปัดมันลงจากโต๊ะด้วยฝ่ามือหนักทันใด
เคร้ง!
ชามรังนกกระแทกพื้นดัง เสียงแตกสะท้อนก้องในห้อง กลิ่นหอมลอยฟุ้งในอากาศราวกับเย้ยความตั้งใจของผู้มอบ
ชิงหรูชะงัก มือที่ยังค้างอยู่เหนือชายเสื้อแน่นขึ้นเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง นางไม่หลบ ไม่ก้าวถอย แต่ก็ไม่อาจปั้นสีหน้าไม่ให้โกรธได้เช่นกัน
เสียงของแม่ทัพเซียวดังขึ้นอีกครั้ง เย็นเฉียบยิ่งกว่าก่อนหน้าที่คุยกับบ่าวยิ่งนัก
“อาหลี เก็บให้เรียบร้อย และไล่แมลงหวี่ออกไปเสียที ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน”
คำว่า แมลงหวี่ ถูกเขากล่าวเสียงฟังชัดเจน ไม่มีการหลบเลี่ยงหรือเกรงใจนางในฐานะฮูหยินของเขาแม้แต่น้อย
ท่านแม่ทัพหนุ่มลุกขึ้น หมุนตัวเดินไปยังห้องนอนด้านในโดยไม่ชายตามองชิงหรูเลยสักนิด
“อย่าได้ตามมา เว้นเสียแต่เจ้าคิดจะเปลืองหน้าตนเองให้บ่าวทั้งจวนหัวเราะเยาะ!”
เสียงประตูห้องด้านในถูกเลื่อนปิดอย่างเยือกเย็น
ชิงหรูยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เงาไฟบนพื้นสะท้อนใบหน้าของนางที่ไม่มีหยดน้ำตา แต่แววตากลับสั่นไหวด้วยความเสียใจเล็ก ๆที่เกิดขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
อาหลีนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมาเก็บถาดและถ้วยแตกเงียบ ๆ ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ โดยไม่กล้าสบตานางที่ก็ยังไม่ไปไหนเช่นกัน
“แม่นางลู่...เอ่อ นี่ก็ดึกแล้วเชิญท่านกลับเถอะขอรับ”
นางมองไปยังประตูที่ปิดสนิทอีกครั้งก่อนสูดหายใจออกช้า ๆ แล้วพยักหน้าเข้าใจ
นาง...จะลุกขึ้นใหม่อีกครั้งในไม่ช้าแน่ !
