บทที่ 1 นางดูถูกพระเอกธงแดงเกินไปแล้ว
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ลู่ชิงหรูก้มหน้าทำหน้าที่ของตนอย่างไม่มีข้ออ้าง นางตื่นก่อนบ่าวในจวน ขะมักเขม้นตรวจสอบบัญชี จัดการและดูแลทั้งจวนคู่กับพ่อบ้านฉี ทำงานอย่างสงบเสงี่ยมแต่ก็ไม่ถึงขนาดก้มหัวให้ใครเฉกเช่นลู่ชิงหรูคนเก่า
เหนื่อยก็ยิ้มไม่ได้รับการยอมรับก็เพียงพิสูจน์ตัวเอง นั่นคือประสบการณ์ชีวิตของคนที่เคยผ่านการทำงานพาร์ตไทม์มานับไม่ถ้วนในโลกก่อนหน้า จะเสิร์ฟอาหาร ล้างจาน หรือแบกกล่องหนักกว่าตัว นางก็ทำมาแล้ว เพียงเรียนรู้การดูแลจวนและจัดการสายตาของพวกบ่าวที่ง่ายกว่ากันเยอะเหตุใดนางจะทำไม่ได้
ในที่สุดจากฮูหยินเอกของจวนที่ไร้ค่าทำได้เพียงก้มหน้ากลืนความเจ็บปวดก็กลายเป็นฮูหยินเอกที่บ่าวไพร่และคนรอบข้างเข้าหา พวกเขาชื่นชมในความสามารถของนางจนตอนนี้ชิงหรูกลายเป็นฮูหยินเอกของจวนเซียวที่เกือบสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะความสามารถในการดูแลจวน การดูแลปรนนิบัติแม่สามี ขาดก็แต่เพียงเรื่องเดียวก็คือการได้รับใช้และเป็นทียอมรับของผู้เป็นสามี
จะให้ทำอย่างไรเล่าก็ไอ้สามีผู้นั้นไม่กลับจวนมาให้นางได้เห็นหน้าเลย นางรู้เพียงว่าสามีหน้าตาดีอย่างไรผ่านตัวอักษรที่นักเขียนบรรยายไว้ในนิยายเท่านั้น
แต่แล้ววันนี้ เรื่องวุ่นวายก็บังเกิด !
“ฮูหยินน้อย ! ข้างหน้าจวนมีคนมาตะโกนโวยวายเจ้าค่ะ!”
ชิงหรูลุกขึ้นทันที นางไม่เอ่ยคำใดมากความก้าวเท้าเดินตรงออกไปยังหน้าจวน
ปึก !
เปียกชื้น...กลิ่นคาว...ของสิ่งที่มากระแทกหน้าผากนางอย่างแรง
ไข่ไก่เน่าหนึ่งฟองที่แตกคาหัวของชิงหรูเลย
“ฮูหยิน!”
บ่าวคนสนิทที่ตามมาถึงกับอุทานลั่นทันที ชิงหรูลืมหน้าขึ้นเงยหน้าขึ้นมองหาต้นแห่งการกระทำหยาบช้านี้
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนหน้าแดงก่ำอย่างโกรธหนัก มือชี้มาทางหน้าจวนเซียวที่บัดนี้มีชิงหรูยืนอยู่ หากสังเกตหน้าจวนทั้งบนพื้น ตามกรอบประตู หรือแม้แต่รู้ปั้นม้า บัดนี้กลับเละเทะเปื้อนด้วยของสดต่าง ๆ นานา
“เอาเงินข้ามาคืน! ร้านข้ารอหลายวันแล้ว! เหตุใดคนจากตระกูลขุนนางถึงเบี้ยวค่าของเช่นนี้”
เสี่ยวเฉินรีบเข้ามายื่นผ้าให้นาง ขณะเดียวกันก็รีบกระซิบบอกที่มาที่ไป ว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าของร้านเครื่องประดับในเมือง อ้างว่าคุณหนูเซียวอี้หลันขอซื้อเครื่องประดับราคาแพงไปโดยยังไม่จ่ายเงิน และไม่เคยตอบรับเมื่อถูกทวงหลายครา จนในที่สุดเขาก็มาเรียกร้องขอความยุติธรรมเช่นนี้
ชิงหรูยืนนิ่งรับฟัง กลิ่นคาวไข่ซึมเปื้อนเสื้อผ้า กลิ่นเน่าจางๆ ลอยฟุ้งรอบตัว นางหรี่ตามองชายผู้นั้นนิ่ง ในอกมีเพลิงเล็ก ๆ ลุกขึ้น แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มบาง
...ที่แท้เป็นคนจวนเซียวที่ก่อเรื่องก่อนนี่เอง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะมาก่อความวุ่นวายหรือทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้
หากได้รับความไม่เป็นธรรมเพียงแค่ไปร้องเรียนที่กรมอาญาก็ได้แล้วมิใช่หรือไร
“พี่สะใภ้…”
ขณะที่ชิงหรูคิดหาทางออกอยู่ ก็มีเสียงเบา ๆ ของเซียวอี้หลันดังขึ้นเบื้องหลัง ร่างบางปรากฏขึ้นนางเข้ามาเกาะมือเย็นเฉียบจับแขนชิงหรูไว้แน่น
“ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องเช่นนี้...วันนั้นสหายข้าพากันไปชมร้านขายของเก่าที่เปิดใหม่ พอเจอเครื่องประดับธรรมดาชิ้นหนึ่งแต่กลับราคาสูงจนน่าสงสัย ทุกคนต่างอยากพิสูจน์ว่ามันเป็นของเก่าจริงไหมก็เลยยุให้ข้าซื้อมันมาให้ผู้รู้ดู ข้ารู้ว่ามันราคาสูงแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะราคาสูงเพียงนั้นแต่ในเมื่อออกปากแล้ว ข้าก็เลย...ก็เลยจำใจซื้อมา แต่ภายหลังพบว่ามันเป็นของปลอมอีกทั้งมันก็หักลงเสียแล้ว ในเมื่อเขาหลอกขาย ข้าจึงไม่อยากจะจ่ายเงินกับของไร้ค่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
ชิงหรูรับฟังแล้วก็คิดตาม จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่ว่าอี้หลันทำถูกเสียทีเดียว อย่างไรแม้เป็นของปลอมแต่นางก็โง่ซื้อมาแล้วก็ควรจ่ายไปตามที่ตกลงไว้ และเจ้าของร้านก็ทำไม่ถูกเช่นเดียวกันที่นำของปลอมมาขายเช่นนี้
หากจะใช้เหตุผลว่านั่นคือของปลอมเพื่อไม่ให้ต้องจ่ายเงินก็เกรงว่าจะสายเกินไปเสียแล้ว เพราะอาจถูกอีกฝ่ายโต้กลับโดยบอกว่าพวกนางนำของปลอมมาเปลี้ยนเพื่อไม่ให้ต้องจ่ายเงิน เช่นนั้นนอกจากพวกนางจะต้องจ่ายเงินจริง ๆ แล้วจวนตระกูลเซียวก็ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย
นางเกาะแขนชิงหรูแน่นขึ้นเมื่อเห็นว่าที่พึ่งหนึ่งเดียวของตนนิ่งไปนาน
“เรื่องนี้หากท่านแม่รู้... ข้าต้องโดนดุแน่ พี่สะใภ้ข้าควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”
เสียงอ้อนวอนของน้องสามี ทำให้ชิงหรูนิ่งไปชั่วครู่
ชิงหรูเข้าใจดีว่านางในฐานะฮูหยินเอกของเจ้าของจวนต้องมีหน้าที่ดูแลทั้งเรื่องภายในจวนและต้องแบกรับชื่อตระกูลเซียวไว้กับมือด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เรื่องนี้จะจบอย่างไรต้องใครครวญดูให้ดี
“ของที่ว่ามีราคาเท่าไร?”
“ห้าสิบตำลึงเจ้าค่ะ” อี้หลันตอบเสียงอ่อน นางรู้สึกผิดที่สร้างปัญหายิ่งนัก
ชิงหรูพยักหน้าเล็กน้อย สายตากวาดมองพื้นตรงหน้าประตูที่เปื้อนคราบไข่เน่า เหลือบสายตามองรูปปั้นม้าที่เคยงามสง่าแต่บัดนี้ม้าศึกกลับกลายเป็นรูปปั้นม้ามอมแมมไปเสียแล้ว
ชิงหรูหยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันกลับไปถามเสี่ยวเฉินด้วยเสียงราบเรียบด้วยเสียงดังพอให้คนโดยรอบที่เข้ามามุงได้ยิน
“เสี่ยวเฉิน...ม้าสลักหินเฝ้าประตูจวนนี่ ข้าเคยได้ยินว่ามาจากต่างแคว้นใช่หรือไม่?” นางเว้นจังหวะนิดหนึ่งก่อนเอ่ยต่อ “ว่ากันว่าเป็นของหายาก ทำจากหินเหอซานแท้ ๆ...ใช่หรือเปล่า?”
เสี่ยวเฉินนั้นขมวดคิ้วชั่วครู่แต่พอสบตาเจ้านายก็ทำตาโตทันใดก่อนพยักหน้าไว
“ใช่เจ้าค่ะ! ในบัญชีของจวนเราระบุว่าแท่นละเกือบร้อยตำลึงด้วยซ้ำ!”
ชิงหรูยิ้มบางอย่างสมใจ และหันกลับไปหาพ่อค้าจอมสร้างเรื่อง
“เจ้ามาปาไข่เน่าตรงหน้ารูปสลักคู่นี้ นอกจากจะทำให้สกปรกไม่พอ ยังไม่เกรงใจเทพเฝ้าจวนที่ท่านแม่ทัพเซียวอัญเชิญมาปกปักษ์อีก ! หึ ไหนจะชุดปักลายที่เปรอะเปื้อนกลิ่นเหม็นนี่อีก เราจวนเซียวไม่ติดเรื่องจ่ายเงินที่ซื้อของไปอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกเช่นกัน!”
ชิงหรูใช้น้ำเสียงเปี่ยมอำนาจแต่ไม่กดข่มอีกฝ่ายจนเกินไป พอเห็นพ่อค้าผู้นั้นอ้าปากค้างมองผลงานของตนเองอย่างไม่รู้จะทำอะไรก็รีบพูดต่อทันที
“เสี่ยวเฉินไปนำเงินห้าสิบตำลึงมาให้เถ้าแก่ที แต่ข้าก็ขอเรียกเก็บค่าเสียหายกลับมาด้วยเช่นกัน พี่น้องถ้วนทั่วเป็นพยายานให้ข้าได้!”
สีหน้าชายผู้นั้นเปลี่ยนสีคราแล้วคราเล่าก่อนตะโกนขึ้นด้วยเสียงเบากว่าเดิม
“นี่...ข้าก็แค่ เอ่อ คราบพวกนี้เพียงแค่ล้างน้ำทำความสะอาดก็ได้แล้วมิใช่หรือ? เหตุใดถึงเรียกเก็บมากเพียงนั้นด้วยเล่า นี่มันรังแกกันชัดๆ!”
ชิงหรูรู้ว่าอีกฝ่ายไม่คิดว่าจะกลายเป็นว่าตนเองต้องเสียเงินและก็ไม่น่ามีจ่ายเช่นกัน แต่นางก็คิดไว้แล้ว...
“หากเจ้าไม่จ่ายก็ไม่เป็นไร...” ชิงหรูเอ่ยเสียงราบเรียบ “เสี่ยวเฉินหลังจากนำเงินห้าสิบตำลึงให้เขาไปแล้ว เจ้าก็พาคนไปแจ้งความที่กรมอาญาด้วย เถ้าแก่ร้านขายของเก่าผู้นี้หมิ่นจวนแม่ทัพตระกูลเซียว สาดของเน่าเสียใส่ผู้เป็นฮูหยิน และทำลายของล้ำค่า ตั้งใจก่อความวุ่นวาย”
ชิงหรูไม่จำเป็นต้องตะโกน แต่ทุกคำที่ออกจากปากคือดาบที่ไม่มีใครอยากลองเสี่ยงแน่นอน นางไม่จำเป็นต้องเปิดโปงเรื่องเครื่องประดับปลอมที่เขาหลอกขายให้อี้หลันก็ได้ค่าเสียงหายเป็นกำไรมากมายแล้ว
หากเถ้าแก่ผู้นี้ไม่อยากเสียเงินให้นางก็มีแต่ต้องยอมแพ้ไปนั่นล่ะ !
ชายผู้นั้นกัดฟันแน่น ก่อนสะบัดหน้าจากไปโดยที่เขาไม่ได้รับเงินตามที่หวังใดใด เมื่อเรื่องจบแล้วชาวบ้านรอบข้างที่รุมดูความรื่นเริงอยู่ก็พากันแยกย้ายทันใด
ขณะที่หน้าจวนตระกูลเซียวว่างเปล่าไร้ผู้คนชุมนุมแล้ว เสียงกีบม้ากลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นจากต้นตรอก
บ่าวที่กำลังล้างทำความสะอาดหน้าจวนหันมอง ชิงหรูเองก็หันตามเสียงเช่นกัน มือของนางยังจับชายผ้าเปื้อนไข่อยู่ แต่สายตากลับถูกตรึงไว้กับขบวนม้าที่กำลังตรงเข้ามาใกล้
ในชั่วอึดใจนั้นเอง...ชิงหรูเหมือนหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง
บุรุษผู้ควบม้านำหน้า สวมชุดแม่ทัพสีเข้มไร้ลายปักอย่างประณีตใดใดทั้งสิ้น สายตาเยียบเย็นแม้อยู่กลางแสงแดด เพียงแค่ลงจากหลังม้าแต่กลับสะกดตาให้คนมองทุกการเคลื่อนไหวของเขา กลิ่นอายการรบอวลอยู่ในทุกก้าว ใบหน้าคมคาย ผิวสีเข้มกว่าบุรุษอื่นไม่มากแต่เพิ่มความน่ามองอย่างไม่อาจละสายตาได้ จมูกสันตรง ดวงตาเรียวลึกเหมือนมองทะลุความคิดใครก็ตาม
เซียวเหยียนหลง เหมาะสมกับการเป็นพระเอกในนิยายจีนโบราณย้อนยุคยิ่งนัก ...ไม่ว่าจะใบหน้าหล่อเหลาสะกดใจคน หรือว่าจะเป็นท่าทางองอาจน่ายำเกรง
ชิงหรูยืนมองค้าง ดวงตาเบิกน้อย ๆ ด้วยความตกตะลึง เขาหล่อ... แบบที่ทุกตัวอักษรในนิยายยังบรรยายให้นางเห็นภาพไม่พอ
ทว่าหล่อเหลาไปก็เท่านั้น ! เพราะบุรุษผู้นี้คือของนางเอกในนิยาย มิใช่ของนางร้ายที่แม้เป็นภรรยาของเขาก็ตามเสียหน่อย
เหยียนหลงมองกวาดตาโดยรอบผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้วก็เดินผ่านหน้านางไปอย่างไร้เยื่อใย เขาทำราวกับนางไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ!
เขาไม่แม้แต่จะหยุดมองหรือทักทายใดใด
ชิงหรูเม้มริมฝีปากเล็กน้อยอย่างรับไม่ได้แม้จะรู้อยู่แล้วก็ตาม แต่นางหรือจะยอมแพ้ในโชคชะตาของปลายปากกาใครง่าย ๆ ชิงหรูทิ้งผ้าที่เพิ่งใช้เช็ดคราบไข่ให้บ่าวส่วนนางเองรีบก้าวเท้าตามเขาไปในทันที
ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เพราะเป้าหมายในใจของนางชัดเจน ถ้าในนิยายต้นฉบับ เขาเคยดีต่อใครเพียงคนเดียว นางจะทำให้คนนั้นกลายเป็นตัวเองให้ได้ !
“ท่านพี่เจ้าคะ รอข้าก่อน!”
ชิงหรูวิ่งแล้วก็ยังตามบุรุษที่ขายาวไปไม่ทัน จึงจำเป็นต้องส่งเสียงเรียก
ทว่าแผ่นหลังที่มั่นคงนั้นกลับยิ่งไกลออกไป ไม่มีแม้จะหยุดชะงักแม้แต่น้อย...
และจังหวะนั้นเอง หานเจิ้งหลิว ผู้ช่วยคนสนิทของเซียวเหยียนหลงก็หมุนตัวกลับมาขวางนางกับผู้เป็นสามีไว้
“แม่นางลู่ โปรดหยุดที่ตรงนี้เถิดขอรับ”
คำพูดนั้นอ่อนน้อม แต่ดวงตากลับบอกชัดว่านางควรทำตามอย่างไม่อาจขัดขืน ไหนจะคำเรียกที่ดูขีดเส้นชัดเจนตอกย้ำว่านางคือสตรีอื่นมิใช่ฮูหยินของท่านแม่ทัพเจ้านายของเขาอีกเล่า
ชิงหรูชะงักหยุดยืนนิ่ง นางห่างเพียงแค่ไม่กี่ก้าวจากทางไปเรือนทำงานของสามี แต่เท้าไม่อาจก้าวไปต่อได้แล้ว...
ชิงหรูได้แต่มองเงาหลังของเซียวเหยียนหลงที่หายลับเข้าไปในเรือน ในใจเงียบวูบลงอย่างเข้าใจความจริงไปชั่วขณะ
แผ่นหลังนั้นเดินจากไปอย่างมั่นคง ทำราวกับนางเป็นแมลงหวี่ที่ตามหลังเขาเพื่อสร้างความรำคาญเท่านั้น
ชิงหรูกำชายเสื้อของตนแน่นเล็กน้อย ข่มกลั้นความไม่พอใจในอก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าออกอย่างเงียบ ๆ ในหัวจินตนาการถึงอนาคตที่นางจะต้องมีชีวิตรอด
...นางคิดน้อยเกินไป
นางลืมไปเสียสนิทว่านิยายที่นางอ่านไปเพียงต้นเล่มนี้ พระเอกของเรื่องถูกนักเขียนเคลมไว้ที่หน้าจากใจนักเขียนว่า พระเอกนิยายเรื่องนี้ธงแดงกับทุกคน ยกเว้นยามอยู่กับนางเอกนิยายที่เป็นรักแรกและรักในวัยเด็กของตนเท่านั้น
แล้วยิ่งชิงหรูผู้นี้คือ ภรรยาเอกที่เป็นตัวอุปสรรคใหญ่หลวงต่อวาสนารักระหว่างพระนาง ไหนเลยจะเปลี่ยนให้เขามารักนางง่ายเพียงนั้น
เฮ้อ ในเมื่อนางเลือกเส้นทางนี้แล้วก็ต้องพยายามสักตั้งนั่นล่ะ !
