บทที่ 9
แก้วใสยกมือไหว้ คุณนีรนาท หรือคุณยายนี ซึ่งกำลังนั่งดูละครหลังข่าวอยู่กับมะลิลูกพี่ลูกน้องของเธอที่อยู่บ้านไม่ไกลกันนัก เพราะแก้วใสจะคอยบอกให้อีกฝ่ายมาอยู่เป็นเพื่อนคุณยายเสมอ
“สวัสดีค่ะพี่แก้วใส”
เด็กสาววัยสิบหกปีผมซอยสั้นใส่แว่นหนาเตอะ พึ่งจะขึ้นชั้นมัธยมปลายรีบลุกขึ้นมากอดพี่สาวแสนหวงของตนด้วยความดีใจ
“ไงเรา โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย”
“ก็คุณยายให้หนูกินนมวันละสองกล่องเลยนี่คะ”
“เดี๋ยวเถอะเรา ร่างกายจะได้แข็งแรงไง”
เมื่อได้ยินหลานสาวทั้งสองพูดถึงตน คุณยายนีก็ละสายตาจากละครที่กำลังถึงพริกถึงขิงตรงหน้ามาปรามอย่างไม่จริงจังนัก
“ค่า รู้แล้วค่า”
ฟอด
มะลิเดินไปหอมแก้มย้วยของคุณยายนีที่เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาอย่างประจบเอาใจ ก่อนจะหันมาขยิบตาให้พี่สาวอย่างแก้วใสที่ทรุดตัวลงนั่งอีกด้านของคุณยาย แก้วใสถึงกับยิ้มขำกับความทะเล้นนั้น
“กินข้าวมาหรือยังลูก วันนี้ยายแกงขนุนใส่กระดูกหมูของโปรดหนูด้วยนะ”
“ยังเลยค่ะ”
ได้ยินว่ามีแกงขนุนของโปรด กระเพาะอาหารที่แทบไม่มีอะไรตกถึงท้องนอกจากน้ำเปล่าก็เริ่มร้องประท้วงขึ้นมาอย่างหิวโหยทันที แก้วใสสบายใจเพราะแม้จะมีผ้าปิดแผลอยู่ที่หางคิ้ว ยายนีกับมะลิก็ไม่มีใครถามอะไรขึ้นมา
เมื่อถึงช่วงโฆษณาแก้วใสก็ผุดลุกขึ้นจากที่นั่งเดินเข้าครัวไปอุ่นแกงขนุน ก่อนจะตักใส่ชามมานั่งกินหน้าโทรทัศน์กับมะลิ
“ยังไม่ได้กินข้าวเหรอเรา”
“ยังค่ะ รอกินกับพี่แก้วใส”
มะลิตอบอย่างอารมณ์ดีก่อนจะตักกระดูกหมูขึ้นมาแทะอย่างเอร็ดอร่อย
ทั้งสองคนรู้อยู่แล้วว่าเธอจะกลับมาที่นี่เพราะเมื่อวันก่อนแก้วใสโทรมาบอกยายก่อนแล้ว ส่วนเรื่องที่กลับบ้านคุณพ่อวันนี้ทุกคนก็รู้อยู่แล้วแต่ไม่มีใครพูดถึงมันขึ้นมา
นั่นมันทำให้แก้วใสรู้สึกดีมาก ที่ไม่ต้องมาสาธยายเล่าเรื่องอันน่าเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้แผลมันฝังลึกขึ้นไปอีก
“พี่แก้วใสอิ่มมั้ยเดี๋ยวมะลิไปตักเพิ่ม”
เสียงใสของมะลิถามขึ้นมา ช่วยเรียกให้แก้วใสหลุดจากภวังค์ หญิงสาวรีบบอกว่าตัวเองอิ่มแล้ว เพราะรู้สึกว่าวันนี้
กินข้าวได้เยอะกว่าหลายวันที่ผ่านมามาก
“ไม่กลับบ้านเหรอ กลับมั้ยเดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”
แก้วใสถามเด็กสาวที่ตอนนี้อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งเป่าผมตาก็จ้องโทรทัศน์ตาแทบไม่กะพริบ
“ไม่กลับค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่ วันนี้หนูจะนอนที่นี่”
ได้ยินน้องสาวตอบแบบนั้น แก้วใสก็เดินเข้าห้องไปอาบน้ำบ้าง ที่บ้านคุณยายนั้นจะมีสี่ห้องนอน แล้วก็มีห้องน้ำหนึ่งห้องอยู่ในตัวบ้าน
เมื่อก่อนนั้นบ้านหลังนี้มีคนอยู่มาก คุณตากับคุณยายมีลูกสามคน แต่ตอนนี้ทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว คุณแม่ของเธอกับคุณน้าก็ไปทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ ส่วนคุณลุงพ่อของมะลิก็แต่งงานแยกบ้านออกไปถัดไปแค่เพียงสามสี่หลังเท่านั้น
และตอนนี้แก้วใสก็จะมาอยู่ที่นี่กับคุณยายเอง หญิงสาวตัดสินใจมาดีแล้วว่าจะตั้งรกรากอยู่ที่นี่ ไม่ไปที่ไหนอีกแล้ว
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ข้าวของอุปกรณ์ทำร้านที่แก้วใสทยอยซื้อเก็บไว้ พวกอุปกรณ์ชงกาแฟหรือทำเบเกอรี่ก็ทยอยเริ่มมาส่ง จนตอนนี้วางเต็มใต้ถุนบ้านไปหมด
“โอ้โห พี่แก้วใสช็อปออนไลน์มาเหรอคะเนี่ย”
มะลิที่พึ่งกลับมาจากโรงเรียนอยู่ในชุดบาสเก็ตบอลร้องออกมาอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นพวกลังใส่ของจำนวนมากวางกองรวมกันอยู่ เด็กสาวรีบวางกระเป๋านักเรียนแล้วเดินปรี่เข้าไปสำรวจด้วยความสนใจทันที
“เปล่า อุปกรณ์ทำมาหากินน่ะ”
แก้วใสตอบพลางหัวเราะขำกับใบหน้าของมะลิที่ปิดความสนใจไว้ไม่มิดด้วยความเอ็นดู
“คุณยายคะ แก้วจะเปิดร้านกาแฟนะคะ ขอเปิดที่สวนข้างบ้านได้มั้ย”
ในบ่ายวันหนึ่งแก้วใสซึ่งนั่งช่วยคุณยายนีเช็ดไข่ไก่ก็ถามออกมา หลังจากที่ของมาส่งครบแล้ว
“เอาสิ เดี๋ยวยายให้คนมาถางหญ้าออกแล้วก็ทำร้านให้ แก้วออกแบบไว้แล้วใช่มั้ย”
คุณยายนีที่รอเวลาให้หลานสาวสุดที่รักเอ่ยปากวางไข่ไก่ในมือลงถามอีกฝ่ายไปอย่างกระตือรือร้นทันที
