บทที่ 10
แก้วใสน้ำตารื้นขึ้นมา มองหน้าคุณยายของตัวเองด้วยความซึ้งใจ ยายเป็นแบบนี้เสมอ เคารพการตัดสินใจของเธอ และพร้อมที่จะสนับสนุนเธอทุกอย่าง
“อึก ค่ะ เตรียมไว้หมดแล้วค่ะ”
สองยายหลานนั่งเงียบ ๆ เช็ดไข่ไก่ต่อไป ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีกเพราะยายนีกลัวหลานสาวจะร้องไห้ออกมาเสียก่อน ก็ละอองดาวน่ะเป็นเด็กสาวที่อารมณ์อ่อนไหวมากเขาอยากทำอะไรก็ให้เขาทำไปเถอะ ยายนีคิดแบบนั้นเสมอมา
เช้าวันต่อมามะลิยังไม่ทันจะได้ไปโรงเรียน คนงานที่คุณยายแวะไปบอกไว้ตอนส่งไข่ไก่เมื่อวานก็เริ่มทยอยมากันที่บ้านของยายนีอย่างคึกคัก
“มะลิยังไม่ไปโรงเรียนเร้อะ”
คุณลุงท่านหนึ่งถามมะลิที่กำลังนั่งรอเพื่อนอยู่หน้าบ้าน ขณะกำลังโบกให้รถขนเครื่องมือช่างได้ถอยเข้ามาจอดในบ้าน
บ้านสวนของคุณยายนีนั้นพื้นที่กว้างขวาง จอดรถได้สิบคันสบาย ๆ อีกทั้งยังมีต้นไม้ขึ้นโดยรอบอย่างร่มรื่น
“รอเพื่อนมารับค่ะ อ้าวมาพอดี หนูไปแล้วนะคะ สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า”
“จ้า ไปเถอะลูกตั้งใจเรียนนะ”
การก่อสร้างร้านกาแฟในสวนของละอองดาวเป็นไปอย่างราบรื่น โดยงานนี้ยายนีเป็นผู้ควบคุมงานด้วยตัวเองเรียกได้ว่านั่งดูทุกขั้นตอนเลยก็ว่าได้
“คุณยายคะ เดี๋ยวแก้วไปซื้อของในเมืองก่อนนะคะ คุณยายจะไปด้วยกันมั้ย”
“แก้วไปเถอะลูกยายขออยู่ดูคนงานที่นี่ดีกว่า”
ยายนีนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ขนาดใหญ่กับคนงานหญิงซึ่งกำลังนั่งขัดไม้หันมาตอบหลานสาวด้วยรอยยิ้ม แก้วใสได้เห็นคนแก่มีความสุขกับการได้พูดคุยก็เลยวางใจ เดินไปขึ้นรถตัวเองที่อยู่ฝั่งบ้านคุณยาย
จังหวัดนี้เป็นเพียงจังหวัดเล็ก ๆ ห้างสรรพสินค้าจึงมีไม่กี่แห่ง และห้างที่มีอุปกรณ์ทำขนมหรือกาแฟขายนั้นอยู่ไกลจากบ้านคุณยายถึงยี่สิบกิโล
แก้วใสขับรถยนต์ส่วนตัวมาคนเดียว ตอนแรกเธอคิดว่าจะรอให้มะลิเลิกเรียนแล้วค่อยมาด้วยกัน แต่ช่วงนี้ยังไม่หมดฤดูหนาวทำให้ท้องฟ้ายังคงมืดเร็วอยู่จึงตัดสินใจขับมาเองตามลำพัง
รถยนต์ห้าประตูสัญชาติญี่ปุ่นของละอองดาวเลี้ยวเข้าจอดในลานจอดรถขนาดใหญ่ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่มีอยู่แทบทุกจังหวัด ดูจากรถที่จอดอยู่ก่อนแล้วผู้คนดูหนาตาไม่น้อยเลยทีเดียว
หญิงสาวเดินเข้าห้างไปโดยลากรถเข็นไปด้วยหนึ่งคันในมือก็มีโพยรายการของที่จะซื้อยาวเป็นหางว่าว
“อืม ที่นี่จะมีวิปครีมแบบที่ใช้มั้ยนะ”
เสียงหวานรำพึงกับตัวเอง ขณะเดียวกันก็ไล่สายตามองตามชั้นวางในส่วนของตู้เแช่เย็นโดยไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนที่มองมาบ้างแม้แต่น้อย เธอใช้ชีวิตคนเดียวจนชินแล้ว
ละอองดาว ในชุดเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงวอร์มสีเทายาวกรอมเท้า ปล่อยผมสีน้ำตาลยาวระแผ่นหลังเล็ก ๆ บนหัวมีกิ๊บติดผมอันเล็กสีชมพูทำให้ดูเด็กลงไปมากกว่าอายุหลายปี ผิวขาว ๆ ทำให้เธอเป็นจุดสนใจไม่น้อย
“นายจะกินเด็กเหรอครับ”
ต้นกล้าเด็กหนุ่มคนงานรูปร่างสันทัด ผิวเข้มเพราะกรำงานกลางแจ้งมานาน ถามเจ้านายของตนขึ้นมาเบา ๆ ระหว่างที่ทั้งสองกำลังยืนรอหมูชั่งกิโลอยู่อีกด้าน
เด็กหนุ่มเห็นว่าคุณภูผา จ้องหญิงสาวตัวขาวคนนั้นไม่วางตาจึงแกล้งถามขึ้นมาอย่างขี้เล่น ก็เขาไม่เคยเห็นนายสนใจผู้หญิงคนไหนขนาดนี้เลยนี่นา
“ไอ่กล้าพูดมาก เดี๋ยวข้าตัดเงินเดือนแกนะ”
ภูผาซึ่งถูกจับได้ว่าแอบมองสาวเจ้า ถลึงตาใส่เด็กหนุ่มที่ยืนข้างกายไม่จริงจังนัก ก่อนจะหันกลับไปมองตามอีกฝ่ายอีกครั้ง
“ไม่คิดเลยว่าโลกจะกลมขนาดนี้”
สองหนุ่มต่างวัยยืนเข้าคิวรอคิดเงินบริเวณแคชเชียร์หลังจากที่วันนี้พวกเขาออกมาส่งส้มในตลาดใหญ่ แม่ครัวในไร่ก็ได้ฝากซื้อของสดเลยแวะมาซื้อของที่ห้างแห่งนี้
ภูผาคิดไปถึงหญิงสาวที่ชื่อว่า แก้วใสอีกครั้งจากตำแหน่งที่เขายืนอยู่เมื่อกี้ก็ยังเห็นว่าอีกฝ่ายแปะพลาสเตอร์แผ่นเล็ก ๆ ที่หางคิ้ว สงสัยแผลของอีกฝ่ายคงจะใกล้หายแล้ว
