บทที่ 6
ภูผาลอบยืนมองเหตุการณ์อยู่จากบ้านข้างกันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่คนตกบันไดนั้นลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง
ก่อนที่เขาจะต้องตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อหญิงสาวเดินกุมคิ้วตัวเองเดินออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้านโดยคนในบ้านไม่มีใครแสดงความเป็นห่วงหญิงสาวเลยแม้แต่คนเดียว
“จะขับรถเองเลยเหรอวะ”
ชายหนุ่มพึมพำเสียงเครียด ละล้าละลังไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไร ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งบอกเพื่อนสนิทแล้วเดินจ้ำไปขึ้นรถตัวเองขับออกไปทันที
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งวันก่อนหน้า
ภูผา หรือศิขรินทร์ เจ้าของสวนผลไม้แห่งหนึ่งของจังหวัดเล็ก ๆ ทางภาคเหนือ ได้รับออเดอร์ส่งผลไม้ให้ห้างแห่งหนึ่งเป็นล็อตใหญ่ที่จังหวัดใกล้ ๆ กัน เขาเลยต้องมาดูการส่งมอบด้วยตัวเอง
การส่งมอบส้มให้กับคู่ค้าผ่านไปด้วยดี เขาจึงอารมณ์ดีมากนึกถึงเพื่อนสนิทที่เป็นหมออยู่ที่จังหวัดนี้ขึ้นมา
“เฮ้ยไอ้หมอ กูอยู่เชียงใหม่มึงว่างป่ะ”
“ว่าง แต่วันนี้กูมีเลี้ยงรุ่นกับเพื่อนมัธยมมึงคงไม่ติดใช่มั้ย”
“เออไม่ติด”
งานเลี้ยงรุ่นเล็กขนาดย่อมของนับหนึ่ง เพื่อนร่วมชมรมฟุตบอลสมัยมหาวิทยาลัยซึ่งกลายมาเป็นเพื่อนสนิทของภูผาจัดขึ้นที่ร้านนั่งดื่มร้านหนึ่ง ชายหนุ่มนั้นขับรถส่วนตัวมาเองแยกกับคนงานจึงมาเจอเพื่อนสนิทได้
“ไอ้ภูทางนี้”
เสียงของนับหนึ่งดังขึ้นจากมุมหนึ่งของร้าน ภูผาเห็นแบบนั้นก็เดินตรงเข้าไปหาเพื่อนสนิททันที ก่อนที่ผู้เป็นเพื่อนสนิทจะช่วยแนะนำเขาให้รู้จักกับทุกคนในโต๊ะ
เขาสองคนนั่งคุยกันอยู่เบา ๆ โดยที่ทุกคนในโต๊ะประมาณห้าหกคนนั้นก็พูดคุยกันถึงเรื่องเก่า ๆ สมัยยังเรียนมอปลายซึ่งก็เข้าหูภูผาที่เป็นคนนอกอยู่บ้างเป็นบางครั้ง
“ถ้าดาวมาแล้วพวกมึงอย่าพูดถึงแก้วใสนะเว้ย ไม่งั้นกูซวยตายเลย”
ผู้ชายคนหนึ่งที่นับหนึ่งแนะนำกับภูผาว่าชื่อนน พูดขึ้นมาหลังจากยกแก้วน้ำสีอำพันในมือขึ้นดื่ม เรียกเสียงฮาจากเพื่อน ๆ ในวงได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงนับหนึ่งเองก็เช่นกัน
“ถ้าดาวไม่พูดขึ้นมาก่อนนะไอ้นน ฮ่า ๆ ”
เพื่อนคนหนึ่งตอบขึ้นมาอย่างขบขัน ทำเอาชายที่ชื่อนนถึงกับหน้าเจื่อนเพราะรู้ดีว่าคนรักของตนนั้นพูดขึ้นมาอย่างแน่นอน
“พวกมึงก็คบกันมาตั้งสิบปีแล้วนี่หว่า ทำไมถึงยังไม่ลืมแก้วใสกันอีกวะ”
นับหนึ่งถามขึ้นมาอย่างข้องใจ เพราะเขาก็จำได้ลาง ๆ ว่าเมื่อก่อนณัญชานนท์นั้นเคยตามจีบแก้วใสอยู่พักหนึ่งเหมือนกัน แต่อย่างไรนนกับดุจดาวก็คบกันมาตั้งสิบปีแล้วเห็นจะได้
“จะลืมได้ไงล่ะวะ รักแรกมันฝังอก ดาวก็พูดย้ำอยู่นั่นไอ้นนมันจะลืมได้ก็แปลก ฮ่า ๆ ”
เพื่อนอีกคนตอบแทนเจ้าของเรื่องก่อนที่ทุกคนจะเสเปลี่ยนเรื่องเมื่อหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาร่วมโต๊ะ
ภูผาพยักหน้ารับน้อย ๆ เมื่อนับหนึ่งแนะนำผู้หญิงผู้มาใหม่ให้เขารู้จัก เขาแอบมองสำรวจก็พบว่าหญิงสาวตรงหน้าดูบอบบางอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะขี้หึงขนาดนั้น ก่อนจะหันกลับไปพูดคุยกับเพื่อนสนิทต่อ
บรรยากาศในร้านเป็นไปอย่างคึกคัก อีกทั้งเพลงในร้านยังเป็นวงดนตรีโฟล์คซองทำเอาภูผาที่ไม่ได้ออกมานอกไร่นานพลอยรู้สึกเพลิดเพลินไปด้วยไม่น้อย
แต่แล้วบทสนทนาแสนดราม่าเคล้าน้ำตาจะเริ่มลอยแทรกเสียงเพลงเข้าหูเขามา
ศิขรินทร์มองเห็นว่าณัฐชานนท์นั้นเมาฟุบหลับไปกับไหล่บางของหญิงสาวคนรักไปแล้ว โดยดุจดาวที่แม้จะมาทีหลังแต่ก็คงจะดื่มไปไม่น้อยเหมือนกันเริ่มร้องไห้ออกมา
“เฮ้ย ๆ อย่าร้องน่า อายเค้า”
นับหนึ่งรีบยื่นกระดาษทิชชู่ให้เพื่อนเก่าของตน ภูผาไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยจึงแอบนั่งฟังอยู่ห่าง ๆ ด้วยความสนใจไม่น้อย ก็แหม อยู่ในไร่ไม่มีเรื่องคนอื่นให้ยุ่งนี่นา
