บทที่ 3
ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกันต่อแต่อย่างใด สายตาของทั้งคู่จับจ้องไปที่โทรทัศน์ราวกับว่าไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของผู้ร่วมห้องอย่างไรอย่างนั้น สองพ่อลูกทำราวกับว่าจะรอให้อีกฝ่ายเปิดปากพูดก่อน
“น้ำของคุณแก้วใสเจ้าค่ะ”
เสียงป้าแมวที่ยกน้ำเข้ามาเสิร์ฟแก้วใส ราวกับระฆังเรียกสติของทั้งคู่ ช่วยให้ละอองดาวฉุดตัวเองออกจากทะเลของความอึดอัดได้
“คุณพ่อสบายดีไหมคะ”
ยิ่งอยู่เธอก็ยิ่งอึดอัด ละอองดาวจึงพยายามเรียกความมั่นใจของตัวเองอีกครั้ง รีบคุยกับคุณพ่อของตนให้เสร็จจะได้รีบออกไปจากที่นี่เสียที
“อืมสบายดี แล้วเมื่อไหร่แกจะกลับมาอยู่ที่บ้าน”
คุณไพศาลตรงเข้าประเด็นทันที เขาเห็นความอึดอัดฉายชัดบนใบหน้าของลูกสาวที่ตอนนี้เม้มปากแน่นได้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้นึกสนใจแต่อย่างใด
“ยังไม่ทราบค่ะ แก้วยังมีหลายอย่างที่ต้องทำ”
ราวกับโดนจี้ปม เมื่อสิ่งที่บิดาพูดขึ้นมานั้นราวกับไม่ยอมรับรู้ หรือยอมรับแม้แต่น้อยว่าเธอนั้นต้องการจะใช้ชีวิตอย่างไร
หรือเลือกทางเดินไหนให้ชีวิตของตัวเอง
“เลิกทำอะไรไร้สาระได้แล้ว กลับมาอยู่ที่บ้านแล้วก็
ตั้งใจสอบบรรจุซะ”
ชายวัยกลางคนอารมณ์เริ่มขุ่นมัวไม่แม้แต่จะหันไปมองใบหน้าของลูกสาวที่ตอนนี้นิ่งเรียบไปแล้ว
“แก้วเคยบอกคุณพ่อแล้วนี่คะ ว่าแก้วไม่ได้อยากรับราชการ แก้วมีสิ่งที่แก้วอยากจะทำมาตลอด แก้วเรียนครูให้คุณพ่อแล้วยังไม่พอหรือคะ คุณพ่ออยากให้แก้วตั้งใจเรียน แก้วก็เอาเกียรตินิยมมาให้แล้ว คุณพ่อก็พอแล้วได้มั้ย”
ราวกับว่าความอึดอัดทั้งหมดทั้งมวลในใจของหญิงสาวปะทุขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมองไม่เห็นถึงความใส่ใจจากผู้บิดาเลยแม้แต่น้อย เธอเป็นตัวอะไรในสายตาคุณพ่อกันแน่ เธอเหนื่อยเหลือเกิน
แก้วใสน้ำตาคลอเบ้าหันไปมองหน้าผู้เป็นบิดาอย่างเสียใจ
“อย่ามาพูดกับฉันแบบนี้นะละอองดาว ฉันเป็นพ่อแกนะ!”
