4
เรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำของเมืองเหลียงซาน
ยามเช้าฉู่อิงตื่นแต่เช้าเหมือนรอให้คนมาเรียกไปกินข้าวเช้า เสี่ยวเถามาเคาะประตูเรียกเจ้านายไปกินข้าวเช้า
ฉู่อิงมาถึงห้องอาหารคนที่สองคนแรกคือปู่ฉู่ นางยิ้มทักทายปู่ฉู่
"อิงอิงหลานอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยรึไม่" ปู่ฉู่หานต้องถามความคิดหลานสาวเสียก่อน ฉู่อิงมองหน้าคุณปู่ที่เป็นห่วงนางและรักนางคนเดียวในคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ หล่อนซาบซึ้งเสียจริง
"ได้ค่ะ หากปู่ต้องการ หลานขอเลือกเอกศิลปะกรรมแล้วกัน" หลานสาวของเขาช่างอารมณ์สุนทรีเสียจริง
"ทั้งสองคนคุยอะไรกันครับ" ฉู่ฉงเดินมากับหลันเจียงอีกทั้งมีลูก ๆ ทั้งสี่คนตามมาติด ๆ ทยอยนั่งลงที่เก้าอี้
"ฉันจะให้หลานสาวฉันไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเหลียงซานเอกศิลปะกรรม" ปู่ฉู่เอ่ยอย่างมีความสุข
ฉู่ลั่วได้แต่เก็บความกล้ำกลืนไว้ในใจพี่ชายทั้งสามต่างเห็นใจฉู่ลั่วเสียมากกว่า
"พอดีเลยครับ ผมก็จะให้ลั่วลั่วไปเรียนที่เหลียงซานพอดี" ฉู่ฉงเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ
"ก็ดี" ทุกคนต่างกินข้าวอย่างเงียบ ๆ
"กว่าจะเปิดเทอมอีก 2 เดือน อาทิตย์หน้าเป็นงานหมั้นของฉู่ต้ากับคุณหนูเหอฮวา" แน่นอนว่าทั้งสองตระกูลหมั้นกันเพราะทางธุระกิจ
ฉู่อิงมองไปที่พี่ชายใหญ่อย่างฉู่ต้าใบหน้าของเขาขืนแต่งงานไปก็ไม่มีความสุขเพราะเจ้าสาวไม่ได้รักเขา แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน
"พี่ใหญ่ไม่เหมาะกับการแต่งงานครั้งนี้ค่ะ" จู่ ๆ ฉู่อิงก็เอ่ยคำนี้ขึ้นมาทำให้ทุกคนตกใจไม่น้อยจะเป็นไปได้อย่างไรที่ฉู่ต้าจะไม่เหมาะกับการแต่งงานครั้งนี้
"มันจะมากไปแล้วนะ เหอฮวาเป็นผู้หญิงที่ดีอีกทั้งเธอยังเป็นเพื่อนรักกับฉู่ลั่วด้วย ฉันว่าเธอต่างหากไม่อยากเห็นฉันมีความสุข" ฉู่ต้าตะคอกใส่หน้าน้องสาวอย่างฉู่อิง
"ฉันจะคอยดูว่าพี่ใหญ่จะได้แต่งงานครั้งนี้ไหม ปู่คะหนูอิ่มแล้วขอตัวค่ะ" ว่าแล้วฉู่อิงก็สะบัดก้นออกไป
ทุกคนต่างมองร่างบางไปต่างความคิดออกไป ดวงของฉู่ต้าต้องเป็นสตรีที่อายุรุ่นเดียวกันกับเขามิใช่ห่างกันถึง 12 ปี
วันนั้นฉู่อิงขังตัวเองอยู่ในห้องวันนี้นางจะไลฟ์สดดูดวงตอนเที่ยงดีกว่า
วันนี้ฉู่อิงไม่ได้ไลฟ์ตอนกลางคืนนางนั่งลงหน้ากล้องในช่วงเที่ยงวัน แดดข้างนอกแรงจัดจนผ้าม่านสั่นไหวจากลมร้อนที่ลอดผ่านช่องหน้าต่าง
แต่แสงอาทิตย์กลับไม่ทำให้นางร้อนเลยแม้แต่น้อย
เพราะในใจของฉู่อิงรู้ว่าแสงสว่างนี้กำลังพาใครบางคนมาหา
“สวัสดีค่ะ วันนี้ฉันจะไลฟ์พิเศษตอนกลางวัน รับดูดวงเพียงหนึ่งคนเช่นเคย”
“ใครที่มีคำถามค้างคาในใจ ส่งวันเดือนปีเกิดมาพร้อมเรื่องที่อยากรู้เลยนะคะ”
คอมเมนท์ทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ
แต่สายตาของฉู่อิงหยุดอยู่ที่ข้อความนี้:
“ฉันชื่อเหอฮวา อายุ 18 ปี เกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2007 เวลา 10:25 ที่นครหังโจว
ฉันมีคนรักอยู่แล้ว แต่ครอบครัวบังคับให้ฉันหมั้นกับชายอีกคนที่ฉันไม่เคยรักเลยฉันแค่อยากรู้ว่าถ้าฉันเลือกหัวใจตัวเอง ฉันจะต้องสูญเสียอะไรบ้าง”
ฉู่อิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบเบา ๆ
“เหอฮวาคุณเกิดวันแห่งความรัก แต่ดวงของคุณกลับไม่เคยสมหวังเลยตั้งแต่เด็ก”
นางหยิบไพ่ทำนายเก่าแก่จากกล่องไม้มาวางบนโต๊ะ หงายไพ่สามใบ
หนึ่ง ดอกบัวปิดกลีบ
สอง ทางแยกในหิมะ
สาม เงาในกระจก
“คุณเป็นคนที่รักด้วยหัวใจทั้งหมด แต่คนรอบตัวกลับมองว่าความรักไม่ใช่เรื่องสำคัญ”
“คนรักของคุณในตอนนี้เป็นคนจริงใจ และรักคุณหมดหัวใจ แต่น่าเสียดายเขาไม่มีอำนาจพอจะปกป้องคุณจากความคาดหวังของครอบครัว”
“งั้นถ้าฉันหมั้นกับอีกคน ความรู้สึกของฉันจะเปลี่ยนได้ไหมคะ?”
“ไม่ได้ค่ะ” ฉู่อิงตอบตรง ๆ “ผู้ชายคนนั้นรักคุณ แต่ใจคุณไปอยู่กับอีกคน ”
“แล้วถ้าฉันเลือกคนที่ฉันรัก...”
“คุณจะต้องเจอกับการตัดขาดจากครอบครัว ต้องเผชิญปัญหาหลายอย่าง แต่คุณจะหัวเราะได้ทั้งน้ำตา และจะไม่เสียใจเลยแม้แต่วินาทีเดียว”
“มันยากมากเลยค่ะแต่ใจฉันมันเอนไปแล้ว”
“หัวใจคนเราจะรู้เสมอว่าอะไรคือความรัก และอะไรคือพันธนาการ”
ฉู่อิงวางไพ่ใบสุดท้ายลง
เป็นภาพหญิงสาวในชุดเจ้าสาว เดินคนเดียวกลางฝนแต่ใบหน้ายิ้ม
“ถ้าคุณกล้าพอจะเดินคนเดียวตอนต้นทาง จะมีใครบางคนคอยกางร่มให้คุณเสมอในปลายทางค่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะ”
ฉู่อิงพยักหน้าเบา ๆ ก่อนปิดไลฟ์แสงแดดกลางวันยังคงสว่าง แต่ในใจของเหอฮวาเริ่มรู้แล้วว่าควรเดินไปทางไหน
ฉู่อิงคิดว่าจะใช่เหอฮวาคู่หมั้นพี่ชายของนางรึเปล่า หากใช่ฉู่อิงก็คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง แต่นางมองดูใบหน้าของฉู่ต้าแล้วยังไงเขาไม่ได้แต่กับเหอฮวา...
บ่ายวันนั้นฉู่อิงนอนพักผ่อนอยู่ในห้องพ่อกับแม่และพี่ชายน้องสาวมาเคาะประตู นางจำใจต้องเปิดให้
"มีอะไรคะ พวกคุณแห่กันมามากขนาดนี้" ฉู่อิงถามอย่างสงสัย คุณนายฉู่มองลูกสาวตัวจริงอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
"สร้อยคอน้องสาวของลูกหาย พวกเราค้นจนทั่วบ้านแล้วยังไม่เจอ" ฉู่ฉงมีสีหน้ากระอักกระอวนอย่างมาก
"คิดว่าหนูขโมยหรือคะ?"
