9.อย่ามาเล่นกับใจ
“....”
อา..รู้สึกเหมือนภาพเบื้องหน้ากำลังหมุนติ้วๆอุณหภูมิกำลังเพิ่มสูงขึ้นจนรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด เท่าที่จำได้ฉันกำลังเดินอยู่บนถนนเพื่อพาอูแบร์กลับมา หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าน้ำมูกตัวเองกำลังไหล แล้วพอเช็ดออกก็เลยได้รู้ว่านั่นไม่ใช่น้ำมูกแต่เป็นเลือดกำเดาต่างหาก..
คามีย์ยกมือขึ้นมานวดขมับของตัวเองเบาๆ เท่าที่จำได้นี่คือเตียงนอนของเธอ แสดงว่าอูแบร์ไม่ได้ทอดทิ้งให้เธอเป็นลมอยู่ที่กลางถนนแล้วหนีไปอย่างนั้นสินะ แต่ว่าเขาคงจะแยกเธอมาที่นี่
“ฟื้นแล้วเหรอคะท่านคามีย์”
เซียจุดยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก ก่อนที่สาวใช้จะยกอ่างล้างหน้ามาวางที่ข้างเตียง
“อืม..นี่ข้าหลับไปนานแค่ไหน..แล้ว อูแบร์..อะ เอ่อ..หนีไปแล้วงั้นเหรอ”
เซียหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เธอจะเริ่มบิดผ้าขนหนูให้หมาดๆ แล้วเช็ดลงไปบนใบหน้าของท่านคามีย์
“ท่านพ่อบ้านทำงานได้ดีมากๆ เลยค่ะ อีกทั้งการกระทำของท่านพ่อบ้านนั้นห่างไกลคำว่าอยากหนีมากทีเดียว ท่านลงมือทำสวนเองด้วย หากไม่เชื่อท่านคามีย์ก็ลองมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างในตอนนี้ดูสิคะ”
คามีย์ปรายสายตาออกไปมองที่ด้านนอกหน้าต่าง ตามคำแนะนำของเซีย สิ่งแรกที่เธอเห็นคืออูแบร์ที่กำลังตั้งอกตั้งใจถอนหญ้าที่โคนดอกกุหลาบ..ผิวกายที่ขาวซีดของเขาดูเหมือนจะคล้ำลงเล็กน้อย ซึ่งมันคงมีผลมาจากการถูกแดดเผา..แต่ทว่าใบหน้านั้นของเขาก็ยังคงงดงามเช่นเดิมไม่เปลี่ยนไป แถมยังมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกต่างหาก
“สวนเรื่องที่ท่านคามีย์นอนหลับไปนานมากแค่ไหน ท่านหลับไปสองสัปดาห์เห็นจะได้ค่ะ ท่านเบลล์ย้ำนักย้ำหนาว่าช่วงนี้ไม่ให้ท่านคามีย์ใช้พลัง ไม่อย่างนั้นอาการจะทรุดลงมาอีก”
สะ..สองสัปดาห์เลยงั้นรึ ช่างเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากทีเดียว แต่อย่างน้อยสิ่งที่เธอทำไปก็ไม่ได้สูญเปล่า เพราะเธอได้เห็นรอยยิ้มและสีหน้าที่ดูดีขึ้นของอูแบร์ได้อย่างชัดเจน
“เดี๋ยวข้าจะยกอาหารมาให้นะคะ”
เซียไม่แน่ใจว่าเธอควรจะบอกกล่าวออกไปรึเปล่า ถึงเรื่องที่ท่านพ่อบ้านอูแบร์เข้ามาดูแลท่านคามีย์ทุกคืน ชายผู้นั้นจะนอนที่พื้นด้านล่าง หลังจากนั้นพอถึงรุ่งเช้าเขาก็จะออกไป..ราวกับว่ากิจวัตรประจำวันของเขาคือการมองดูท่านคามีย์หลับยังไงอย่างนั้น
“อืม..เอาแบบนั้นก็ได้..”
สิ้นเสียงของคามีย์ เธอก็ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อเสียงที่ดังขึ้นมามันคือเสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งขึ้นบันได และในช่วงเวลาต่อมาเธอก็ได้มองเห็นใบหน้าที่สวยงามของอูแบร์ ซึ่งมันถูกฉาบไปด้วยเหงื่อ..
“ฟะ..ฟื้นแล้วเหรอครับ”
เซียยกยิ้ม เธอก้มหน้าลงเพื่อกล่าวอำลาท่านคามีย์แล้วรีบเดินออกไปจากห้องนี้ เพื่อให้เวลาส่วนตัวแก่ท่านคามีย์และท่านพ่อบ้าน
เธอรู้ดีว่าตำแหน่งพ่อบ้านนั้นเป็นเพียงตำแหน่งบังหน้าเท่านั้น และเซียก็สัมผัสได้ถึงพลังเวทสีแดงที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของท่านพ่อบ้านอูแบร์ได้เป็นอย่างดี
นี่คือจุดเริ่มต้นของท่านคามีย์ที่มองดูแล้วช่างสวยงามมากเหลือเกิน
.
.
“ฟื้นแล้วสิ แล้วทำไมถึงวิ่งมาแบบนั้นกัน..อุ๊บ!!”
เขาจับเข้าที่ใบหน้าของเธอก่อนจะแนบริมฝีปากลงไป แน่นอนว่าสำหรับคามีย์แล้วเธอกำลังตกใจกับการกระทำของอูแบร์ แต่ทว่าในช่วงเวลาถัดมาเธอก็ยินยอมหลับตาลงพร้อมกับเผยอริมฝีปากขึ้นเพื่อให้เขาได้ล่วงล้ำเข้ามาได้อย่างตามใจ
แต่ผิดคาดเล็กน้อยเพราะคามีย์ตั้งใจว่าเธอคงได้จุมพิตแสนหวานเพื่อเป็นการต้อนรับเช้าวันใหม่ แต่ทว่าจุมพิตนี้ไม่ได้หวานอย่างที่คิด..แต่มันกลับคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเลือด
เขากัดลิ้นตัวเองตั้งแต่ก่อนที่จะโน้มใบหน้าเข้ามาจูบแล้ว..กัดลิ้นตัวเองเพื่อให้เธอดื่มเลือดเขาอย่างนั้นหรือ? ให้ตายสิเธอไม่ใช่แวมไพร์อะไรแบบนั้นสักหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่มันน่าสนใจไม่ใช่แค่การดื่มเลือดเนี่ยนะสิ แต่เป็นจุมพิตของเขาที่ทำให้เธอรู้สึกร้อนไปหมด
ลมหายใจของคามีย์ขาดเป็นห้วงๆ ช่างเป็นจูบที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับว่ากำลังถูกกลืนกินเลยแฮะ
“..พอไหมครับ”
เขาเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ
“ขะ..ข้าหมายถึงท่านกินเลือดของข้าจนพอใจแล้วรึยัง อยากจะกินอีกไหม”
ท่าทีของเขาดูจะเชื่อฟังแบบแปลกๆ แตกต่างจากวันที่เราพบเจอกันอย่างสิ้นเชิง นี่คงไม่ใช่ว่ามีใครไปพูดอะไรแปลกๆ ให้เขาฟังหรอกใช่ไหม
“ข้าต้องการแค่เดือนละครั้งเท่านั้น..ไม่ได้ต้องการกินพลังเวทของเจ้าตลอดเวลาสักหน่อย แต่ว่ากับเรื่องอื่น..ข้าย่อมต้องการมากกว่าเดือนละครั้งนะอูแบร์”
เธอเอ่ยคำหยอกเย้าออกมาด้วยใบหน้าที่เย้ายวนเช่นนั้นได้อย่างไรกัน..หลังจากวันที่เขาออกมาจากร้านสุรานั่น หลังจากวันที่เธอสลบไป แม่มดที่มีนามว่าเชรีก็เรียกเขาไปพูดคุยเป็นการส่วนตัว..
นางบอกเล่าว่า..หากท่านคามีย์ไม่ได้กลืนกินพลังเวทในทุกหนึ่งเดือน นางจะตาย..หากมีสิ่งใดที่นางกระทำไปด้วยความเอาแต่ใจหรือว่ารีบร้อนไปหน่อย ท่านเชรีก็อยากให้เขาให้อภัยท่านคามีย์
ซึ่งจริงๆ แล้วเขาไม่ได้โกรธเธอเลย ยิ่งพบว่าเธอใช้พลังเกินตัวเพื่อเปลี่ยนความคิดของเจ้าของร้านสุรามันยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากจริงๆ ที่ตอนแรกเขามองว่า แม่มดคือสิ่งมีชีวิตที่โหดร้าย..
“หากว่าท่านต้องการ..แน่นอนว่าข้าก็ยินยอมกระทำตามที่ท่านคามีย์สั่งมา..ท่านอยากให้ข้าทำสิ่งใดล่ะครับ”
พูดได้เหรอว่าอยากให้เขาทำอะไรน่ะ พูดได้จริงๆ งั้นเรอะ..
“ข้าบอกไปแล้วนี่ว่าข้าไม่คิดฝืนใจเจ้าน่ะ ข้าอยากให้เจ้าอยู่ที่นี่อย่างสบายใจ..ไม่ต้องสนใจข้ามากขนาดนั้นก็ได้อูแบร์”
“ข้าไม่ได้ฝืนใจนะครับ หากนั่นคือสิ่งที่ท่านคามีย์ต้องการข้าก็ยินดีทั้งนั้น..อีกทั้งตอนนี้ข้าคือทาสของท่านแล้วนะครับ ท่านจะใช้งานข้ายังไงก็ได้ทั้งนั้น”
คามีย์เลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยกับท่าทีที่มันเปลี่ยนไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัวของอูแบร์ เธอยื่นมือเข้าไปหาเขาแล้วกุมใบหน้านั้นเอาไว้เล็กน้อย
“ข้าบอกไปแล้วไงว่าข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาเป็นทาส ข้าแค่อยากให้ชีวิตของเจ้ามีความสุขและมีอิสระ”
เขาขยับเข้ามาหาเธอใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ขยับเข้ามาแล้วเอียงใบหน้าเพื่อซบลงบนไหล่เล็กๆของคามีย์
“...ในยามนี้ อิสระเพียงหนึ่งเดียวของข้าคือท่านครับ หากท่านไม่เชื่อว่าข้าไม่ได้ฝืนใจ เช่นนั้นข้าจะทำให้ท่านเห็นว่าข้าเต็มใจที่จะกระทำเรื่องเช่นนั้นจริงๆ ..”
ต้องใกล้ขนาดนี้เลยงั้นเรอะ อย่านะ..อย่ามาเล่นกับใจของเธอนะ เพราะเธอเอาจริงแถมไม่คิดล้อเล่นอีกต่างหาก เรื่องแบบนี้มันจะล้อเล่นที่ไหนกันล่ะ..
“ทานมื้อเช้าก่อนนะคะ ท่านคามีย์ไม่ได้ทานอะไรมานานแล้ว คงหิวมากเลยใช่ไหม แล้วก็หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ข้าฝากท่านพ่อบ้านช่วยอาบน้ำให้ท่านคามีย์ด้วยนะคะ..พอดีว่าข้ามีงานที่ต้องออกไปด้านนอกคฤหาสน์”
เซียยกถาดอาหารเข้ามาพร้อมกับระบายยิ้มหวาน
