10.ลองใช้ชีวิต
นะ..นั่นสาวใช้หรือว่าบาริสต้ากันนะ ชงเก่งดีจริงๆ ..แต่ว่ามันก็ไม่ได้แย่อะไรเลยนี่..
“อ้าปากหน่อยสิครับท่านคามีย์..”
“ไม่ไหวแล้วอูแบร์..มันใหญ่เกินกว่าที่ข้าจะเอาเข้าไปในปากนี่”
“มันใหญ่มากหรือว่าริมฝีปากของท่านเล็กเกินไปกันแน่”
เรื่องนั้นเธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เธอคิดว่ามันคงง่ายดายมากกว่านี้หากว่าเธอหยิบช้อนมาตักกินเอง
“หากเนื้อชิ้นใหญ่เจ้าควรก็ควรจะค่อยๆ ใช้มีดหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆสิอูแบร์ เจ้าส่งมาให้ข้าทั้งชิ้นเช่นนั้นใครจะไปกินได้เล่า”
อูแบร์ขบเม้มริมฝีปากไปมา ทำยังไงได้ ในชีวิตของเขานั้นไม่ค่อยได้มีโอกาสป้อนอาหารใครมาก่อนเลย..ที่ร้านสุราไม่มีใครมาคอยให้เขาป้อนอาหารด้วยซ้ำ เพราะเมื่อการประมูลเสร็จสิ้น เมื่อประตูห้องนอนของเขาถูกปิดลงพร้อมกับสตรีที่เดินเข้ามา สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือการทำเรื่องอย่างว่าเพื่อรับใช้สตรีผู้ชนะการประมูลเพื่อให้พวกนางพึงพอใจ
“ข้าแค่แนะนำเจ้าเอาไว้ก็เท่านั้น ไม่เห็นต้องทำหน้าเศร้าเช่นนั้นเลยนี่นา..”
อูแบร์หัวเราะออกมาเบาๆ
“ข้าไม่ได้เศร้าเพราะว่าถูกท่านคามีย์สอนหรอกนะครับ ข้าก็แค่คิดถึงเรื่องเก่าก็เท่านั้นเอง..ขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านเสียบรรยากาศ ข้าจะไปเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้นะครับ”
บางครั้งเขาก็ดูเหมือนเป็นคนที่เธอแค่เอื้อมมือไปก็สามารถแตะเข้าไปที่ร่างกายของเขาได้แล้ว แต่ทว่าในบางคราเขากลับดูเหมือนฟองอากาศที่ทั้งเปราะบางและจะพังทลายในทุกครั้งที่เธอแตะลงไป
แต่เรื่องนั้นมันก็พอจะเข้าใจได้ เพราะกับเรื่องหัวใจ มันต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูอยู่แล้วล่ะ เธอไม่แน่ใจว่าเขาพบเจอเรื่องอะไรมาบ้างในตอนที่เขาอยู่ที่ร้านสุรา แต่มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นักหรอก
ทั้งๆ ที่เธออยากเข้ามาในโลกใบนี้เพราะอยากมากินหนุ่มแซ่บ แต่ว่าพอพบเจอเรื่องราวของอูแบร์มันทำให้เธอ..ล่วงรู้ได้ในทันทีว่าการใช้ชีวิตมันไม่ง่ายเลย
แล้วกับนักเวทคนอื่นๆล่ะ พวกเขาต้องมีชีวิตแบบไหนกันที่ล่วงรู้ถึงวันตายของตัวเอง..ว่าแต่ใครกันนะที่มันปล่อยข่าวเรื่องสัญญาทาสของแม่มด ใครกันที่ต้องการให้แม่มดเหี่ยวแห้งตายไปอย่างช้าๆ และต้องการให้นักเวทอยู่ให้ไกลจากแม่มดอีกต่างหาก
ใครกันนะที่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้...
“น้ำอุ่นเตรียมพร้อมแล้วครับท่านคามีย์”
เรื่องที่สงสัยในใจ คามีย์คิดว่าเธอจะค่อยๆหาคำตอบไปเรื่อยๆก็แล้วกัน แต่เรื่องที่ต้องมาจดจ่อในตอนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการอาบน้ำโดยที่พ่อบ้านหน้าสวยคอยรับใช้เนี่ยนะสิ
ผมสีเงินของเขาให้ความรู้สึกที่ราวกับว่าเขาไม่มีอยู่จริง ใบหน้าที่งดงามมากเสียจนดูคล้ายกับสตรีมากกว่าบุรุษ ดวงตากลมโตที่มีแพรขนตางอนงามกะพริบไปมาเบาๆ พร้อมกับมองหน้าเธอ
เขาเดินเข้ามาแล้วเริ่มลงมือถอดชุดนอนที่เธอสวมอยู่ออกไป แน่นอนว่ามันอาจจะหน้าอาย แต่ทว่า..คามีย์จะคิดซะว่าเราเสมอกันก็แล้วกัน
เพราะครั้งที่แล้วเธอเห็นเขาเปลือยไปแล้ว ฉะนั้นวันนี้ต่อให้เขาเห็นเธอเปลือยเปล่าก็คงไม่เป็นไร
เขาจับมือเธอเอาไว้แล้วจูงเธอเดินมาที่อ่างน้ำขนาดใหญ่ที่บนผืนน้ำมีควันลอยขึ้นมาจางๆ เธอก้าวเท้าก่อนจะนั่งลงไปในนั้น
เมื่อคามีย์ช้อนสายตามองหน้าเขา เธอก็มองเห็นเรือนแก้มที่ขึ้นเป็นสีกุหลาบได้อย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่เขาน่าจะเคยชินกับการทำเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ..
แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เรื่องที่ร้านสุราเธอจะลืมให้หมดและคิดว่าอูแบร์ในยามนี้คือบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ..
“ได้ออกไปข้างนอกบ้างรึยัง”
อูแบร์ส่ายหน้าเบาๆ ขณะที่เขากำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดไปตามเรียวแขนของเธอ
“ข้ายังไม่มีความมั่นใจในการที่จะออกไปจากรั้วของที่นี่เลยครับ ข้าอาจจะต้องใช้เวลาสักพักในการจัดการกับความประหม่าของตัวเอง”
นี่เขากำลังกังวลในเรื่องที่ตัวเองเคยเป็นนายระบำอย่างนั้นสินะ คงกำลังหวาดกลัวว่าจะมีใครจดจำเขาได้ด้วยงานที่น่าอายเช่นนั้น
“เรื่องนั้นมีวิธีแก้ที่ง่ายๆเลยอูแบร์ ที่คฤหาสน์ของข้านั้นมีผ้าคลุมที่สามารถปิดบังใบหน้าของตัวเองได้นะ ผ้าคลุมที่ข้าใช้คลุมไปหาเจ้าในคืนนั้นเอง เจ้าสามารถไปขอใช้ผ้าคลุมนั้นจากเซียได้เลย..ลองออกไปข้างนอกดูนะอูแบร์ ไปเดินเล่นที่ย่านการค้า ไปนั่งเล่นที่จัตุรัสกลางเมือง หรือไม่ก็เข้าไปในร้านขนมปังที่พึ่งอบสดใหม่เพื่อไปสูดกลิ่นเนยที่หอมฟุ้งในอากาศ ลองออกไปใช้ชีวิตดู"
หัวใจของเขากำลังสั่นไหวอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความหวานละมุนกำลังโอบล้อมรอบตัวของเขาเอาไว้
ไม่เคยมีใครที่บอกให้เขาใช้ชีวิตเพื่อตัวเองเลย แม้แต่ท่านแม่ก็ยังโอบกอดเขาพร้อมกับสั่งเสียให้เขาตั้งใจทำงานเพื่อหาเงินมาให้ท่าน..
จริงอยู่ที่เจ้าของร้านเอ็นดูเขามากกว่าใคร แต่ทว่านั่นก็เพราะว่าเขาทำเงินให้นางมากที่สุดต่างหาก..ในชีวิตของอูแบร์ ไม่มีใครที่หวังดีกับเขาจริงๆ เลยสักคน..เขาคิดแบบนั้นจนมาเจอท่านคามีย์
ในช่วงเวลาที่เขาก้าวเข้ามาในคฤหาสน์ของแม่มด เขาก็ยังมีคำถามในใจว่าเขาจะต้องกลับไปพบเจอกับชีวิตที่ต้องตกเป็นทาสแบบเดิมอีกอย่างนั้นหรือ จนเฟีย..สาวใช้ของที่นี่ส่งตารางงานพร้อมเงินเดือนล่วงหน้าสามเดือนให้เขา
เธอบอกว่างานที่นี่ไม่มีอะไรมาก แค่ตรวจดูบัญชีการเงินและดูแลความเรียบร้อยในคฤหาสน์ หากทำงานเสร็จเมื่อไหร่ก็สามารถออกไปข้างนอกได้..แต่ในตอนนั้นเขาไม่มีกะจิตกะใจจะออกไปไหนเพราะท่านคามีย์ยังไม่ฟื้น
เขามีอาการนอนไม่หลับ ต่อให้พยายามมากแค่ไหนก็ไม่อาจข่มตาหลับได้เลย..ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในห้องนอนของท่านคามีย์ เขาไปนั่งมองดูเธอกำลังนอนอย่างสงบอยู่บนเตียง นั่งมองอยู่อย่างนั้นจนแน่ใจว่าเธอยังหายใจอยู่ดี เขาถึงจะกลับไปที่ห้องนอน แต่เมื่อกลับไปที่ห้องเขาก็..พบเจอกับความกลัว เขากลัวว่าเธอจะไม่หายใจ..กลัวว่าเธอจะจากไปทั้งอย่างนั้น สุดท้ายแล้วอูแบร์ก็หอบหมอนและผ้าห่มมานอนในห้องของท่านคามีย์ เขานอนอยู่บนพื้นแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาทุกๆ สองชั่วโมงเพื่อมาตรวจดูว่าเธอยังหายใจอยู่รึเปล่า..
อาการแบบนั้นของเขาดูราวกับคนที่ใกล้เสียสติเต็มทน แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเขาลองเดิมพันครั้งสุดท้ายกับเธอไปแล้ว ว่าเขาจะลองเชื่อใจท่านคามีย์ดูสักครั้ง
เรามีเวลาหนึ่งปีตามสัญญา และถ้าหากว่าหนึ่งปีนี้เขายังถูกเธอหลอกอีกละก็ ท้ายที่สุดเขาจะเลือกความตายเอง..
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้การเดิมพันหมดหน้าตักของเขานั้น..มันจะได้การตอบรับที่ดีมากกว่าที่คิดเอาไว้
