8.เหมือนจะวูบ
โพรงปากของเขาถูกขยี้อย่างหนักหน่วง ในขณะนั้นอูแบร์ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดและความเจ็บปวดในปาก เขาเบิกตา กว้างด้วยความตกใจก่อนจะริมผละริมฝีปากอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว เมื่อแสงสีแดงกำลังโอบล้อมเขาเอาไว้
“..ท่านชั่วช้าสมกับเป็นแม่มดเลยจริงๆ”
“เพราะข้าไม่อยากให้เจ้าตายต่างหาก! ถ้าไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตต่อไปเพื่อใครก็ใช้มันเพื่อข้าสิ ขอเวลาให้ข้าสักหนึ่งปี..อยู่กับข้าสักปีสิ หากเจ้ายังไม่มีความคิดที่จะมีชีวิตอยู่ ข้าก็จะไม่บังคับหรือว่าฝืนใจเจ้าอีกเลย”
อูแบร์แค่นหัวเราะ
“ท่านคิดว่าข้าจะมีความสุขหรืออย่างไร ในเมื่อมันเริ่มต้นด้วยความหลอกลวงเช่นนี้น่ะ”
แสงสีแดงค่อยๆ ซึมหายเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างช้าๆ อูแบร์รู้สึกร้อนขึ้นเล็กน้อยจากพลังนั้น ขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตัวเอง..
“เรื่องนั้นไม่เห็นยาก ในเมื่อเจ้าอยากรู้เช่นนั้นก็ไปอยู่กับข้าสิ”
เธอยื่นมือไปหาเขา พร้อมกับส่งยิ้มที่แสนอ่อนโยนให้เขา.. อย่าหลงเชื่อเชียวนะ อย่าไปเชื่อคำของแม่มดสิอูแบร์
“ไม่จับก็ไม่เป็นไร ลุกขึ้นแล้วใส่เสื้อผ้าสิข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่เอง!”
“ไม่มีทาง!! ข้าคือตัวทำเงินของที่นี่ ไม่มีทางที่เจ้าของร้านจะยินยอมขายข้าให้ท่าน”
คามีย์ยักไหล่
“ข้าเองก็ไม่ได้คิดจะจ่ายเงินซื้อเจ้าเหมือนกัน อูแบร์อย่าลืมสิว่าข้าเป็นใคร..เรื่องพาเจ้าออกไปจากที่นี่มันเรื่องง่ายๆ เรื่องเล็กน้อยน่า”
สิ่งที่ทำให้อูแบร์ไม่อยากเชื่อสายตาคือรอยยิ้มของเจ้าของร้านและสามีของนางที่กำลังยิ้มแย้มอย่างสดใส แล้วส่งเอกสารการเป็นทาสของเขาให้แก่แม่มด..
“จากนี้ไปอูแบร์คือคนของท่านแม่มดค่ะ ข้าได้ขายเขาให้ท่านเรียบร้อยแล้ว นี่คือเอกสารสัญญาทาสค่ะ ข้ายกให้ท่านเก็บเอาไว้เลย”
ก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่คามีย์ไม่ชอบการพูดคุยที่มันยุ่งยาก อย่างที่อูแบร์ว่า สองผัวเมียนี่ไม่คิดจะขายอูแบร์ให้เธออยู่แล้ว ต่อให้เธอจะเสนอเงินมากมายแค่ไหนก็ตามที เพราะอย่างนั้นคามีย์ก็เลยเลือกจะใช้เวทมนตร์นิดๆหน่อย เพื่อชักจูงจิตใจของเจ้าของร้าน..
“จริงอยู่ที่วันนี้ทั้งสองคนยินดีขายข้าให้ท่าน แต่หลังจากที่เวทมนตร์ของท่านมันหมดลง พวกเขาทั้งสองคนจะต้องไม่ยอมอยู่นิ่งๆแน่”
“อา..ลืมเรื่องนั้นไปได้เลยอูแบร์ เพราะว่าเจ้าของร้านสุราและสามีของนางจะออกเดินทางจากเมืองนี้ไปอยู่ที่อื่น..ข้าลบความทรงของที่เกี่ยวกับเจ้าไปหมดแล้ว ถึงแม้ว่าหลังจากนี้อาจจะมีผู้อื่นถามถึงเจ้า ต่อให้คิดให้ตายอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ออก.. ส่วนบรรดาหนุ่มๆนักระบำ ข้าได้ส่งมอบเงินส่วนหนึ่งให้พวกเขาทุกคน พร้อมกับกำชับให้พวกเขาเดินทางไปใช้ชีวิตที่อื่น ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเขา”
ระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่เขาไปเก็บของ แม่มดผู้นี้กลับทำเรื่องมากมายเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?
“...ในเมื่อพลังของท่านมากมายเช่นนั้นแล้วทำไม..ท่านถึงไม่ใช้พลังเวทในการล่อลวงข้าล่ะครับ”
คามีย์นิ่วหน้าเล็กน้อย เรากำลังเดินไปบนถนนที่ไร้ผู้คน อาจจะเพราะในยามนี้ดึกมากพอสมควรแล้ว จึงทำให้ไม่มีใครเดินอยู่บนถนนเลย
“เพราะข้าต้องการฟังความจริงจากปากของเจ้านะสิ ที่บ้านของข้ามีตำแหน่งพ่อบ้านว่างอยู่พอดี เจ้าทำงานในตำแหน่งนั้นก็แล้วกัน ช่วยดูแลคฤหาสน์ให้ดี..”
อูแบร์คว้าข้อมือของคามีย์เอาไว้แน่น
“ต้องดูแลถึงไหนครับ..ดูแลไปถึงเรื่องต่างๆในชีวิตของท่านด้วยรึเปล่า!!”
คามีย์หัวเราะออกมาเบาๆ
“ก็..หากเป็นพ่อบ้านก็ต้องดูแลไปถึงเรื่องในชีวิตของข้าด้วยสิ ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะข้าไม่มีความคิดที่จะบังคับให้เจ้าขึ้นเตียงหรอกนะ แต่หากว่าเจ้าต้องการ..ก็ลองมาคุยกันดู..”
เขาจ้องเธอนิ่งๆ ราวกับไม่เข้าใจกับการหยอกเย้าของเธอเลย
“อูแบร์..เจ้าไม่ใช่ทาสของข้า เราแค่อยู่ด้วยกันเพราะสัญญาการจ้างงานเท่านั้น จากนี้เจ้าก็จะมีชีวิตของเจ้า ทำงานก็จะได้เงินเดือนตามปกติ หากว่าเจ้าทำงานเสร็จแล้วจะออกไปข้างนอกก็ย่อมได้..ข้าไม่ใช่แม่มดที่ร้ายกาจขนาดจะกักขังเจ้าเอาไว้ที่บ้านเพียงผู้เดียวหรอกนะ”
เมื่อกล่าวจบคามีย์ก็ส่งสัญญาทาสจากร้านสุราให้แก่อูแบร์
“เจ้าเก็บนี่เอาไว้สิ..อึ่ก!”
เลือดสีแดงสดไหลรินออกมาจากปลายจมูกของคามีย์ เธอยกมือขึ้นมาแตะมันเล็กน้อยเพราะคิดว่าน้ำมูกไหล แต่ทว่าที่ปลายนิ้วของคามีย์กับเปียกชุ่มไปด้วยเลือด..
“อา..ให้ตายสิเหมือนจะหลับเลย...”
ยังไม่ทันได้กล่าวจบคามีย์ก็ล้มลงในทันที โชคดีที่อูแบร์วิ่งไปรับเธอเอาไว้ได้ทัน เขารีบแบกเธอขึ้นหลังแล้วมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของแม่มดในทันที
.
.
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก ก็แค่ใช้พลังเกินตัวไปหน่อย..เป็นแค่แม่มดที่พึ่งเกิดกลับกล้าใช้พลังที่ยิ่งใหญ่อย่างเช่นพลังเปลี่ยนความคิดคน นี่ไม่ตายก็บุญแล้ว”
เบลล์กำลังบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ ทั้งๆที่คามีย์ยังไม่ตื่นขึ้นมา เธอปรายสายตาไปมองหน้าของอูแบร์ก่อนจะเอ่ยถามเขา
“แล้วเจ้าเป็นใครกัน?”
อูแบร์นิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่เขาจะก้มหน้าลง
“ขะ..ข้าคือพ่อบ้านคนใหม่ของท่านแม่มดคามีย์ครับ”
เชรีที่ยืนอยู่อีกฝั่งระบายยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี เท่าที่จำได้เธอใช้ให้คามีย์ไปหาหนุ่มน้อยนักระบำ แต่นี่ยัยเด็กนั่นกลับไปเก็บเขากลับมาเฉย ถึงแม้ว่าจะไม่ชัดเจนแต่ว่าเธอมองเห็นเส้นใยสีแดงที่กำลังผูกอยู่กับหัวใจของคามีย์และพ่อหนุ่มนักเต้นนั่น อย่างน้อยในเดือนแรก..คามีย์ก็ยังไม่ตายสินะ
“เช่นนั้นก็ฝากดูแลคามีย์ด้วย ขอบคุณเจ้ามากที่อุ้มนางมาที่นี่ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อซะเถอะ”
เสื้อของอูแบร์ในยามนี้มันเปื้อนไปด้วยคราบเลือดของคามีย์เต็มไปหมด
“ครับ..เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะครับ”
“อืม..เซียฝากพาพ่อบ้านคนใหม่ไปที่ห้องของเขาด้วยนะ”
เซียฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“ได้เลยค่ะท่านเบลล์ ตามข้ามาเลยค่ะท่านพ่อบ้านคนใหม่”
เมื่อเซียพาอูแบร์ออกไปจากห้องนี้ เบลล์ก็ยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของคามีย์
“ผลข้างเคียงจากการผูกสัญญาอย่างนั้นหรือคะ”
เชรีเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็มีส่วน แต่สาเหตุหลักมาจากที่นางฝืนใช้พลังทั้งๆ ที่ร่างกายยังไม่พร้อม..จะว่าไปแล้วคามีย์ก็เก่งมากจริงๆ ด้วยสินะ นางสามารถกลืนกินพลังเวทได้ในระยะเวลาสองสัปดาห์ เร็วกว่าพวกเราเยอะเลย”
เบลล์มองหน้าของคามีย์ด้วยแววตาเอ็นดู
“นั่นสิคะ..เป็นเด็กที่มีความสามารถมากจริงๆ ..บางทีนางอาจจะเป็นเด็กที่ทำให้ชื่อเสียงอันเลวร้ายของแม่มดดีขึ้นมาก็ได้”
เบลล์ปรายสายตามองหน้าของเชรี
“..เรื่องนั้นจะทำได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน ในเมื่อคนปล่อยข่าวความชั่วช้าของแม่มดยังมีทุกวัน..ต่อให้คามีย์พยายามมากแค่ไหน นางก็เอาชนะคนที่ต้องการทำลายแม่มดไม่ได้หรอก..จริงไหมเชรี”
