6.เรามามีชีวิตไปด้วยกันไม่ได้เหรอ
ร้านสุราแห่งนี้มีผู้คนพลุกพล่านมากทีเดียว ทุกคนต่างไม่มีใครสนใจคนรอบข้างเพราะดูเหมือนว่าบนเวทีการแสดงจะมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่า นั่นก็คือนักระบำชายที่กำลังเต้นรำอยู่บนนั้น
แน่นอนว่านี่มันคือเรื่องน่าตกใจและแปลกตามากทีเดียว เพราะที่เธอเห็นคือนักระบำที่สวมเครื่องประดับระยิบระยับเต็มไปหมด เขากำลังเต้นรำในท่วงท่าอ่อนช้อยและงดงามราวกับตุ๊กตาที่มีชีวิต หากเขาไม่ได้กำลังเปลือยอกอยู่เธอคงคิดว่าเขาคือสตรีเป็นแน่ เพราะใบหน้านั้นช่างสวยหวานหยดย้อยมากจริงๆ
“ยิ้มให้ข้าหน่อยสิอูแบร์..”
สิ้นเสียงของสตรีผู้นั้นนักระบำก็แย้มยิ้มออกมาให้สตรีที่กำลังโปรยเงินให้เขาอยู่ นี่ช่างเป็นการแย้มยิ้มในรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา..เขาไม่ได้กำลังรู้สึกมีความสุขเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ว่าที่เท้าของเขาจะมีเงิน ทองมากมายโปรยปรายอยู่บนนั้น
“ไปอยู่กับข้านะ ข้าจะซื้อตัวของเจ้าเอง..”
“ไม่สิ! เจ้าต้องไปกับข้านะอูแบร์”
เขาดูงดงาม..แต่สิ่งที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ทุกวันมันคือเรื่องที่น่าสลดใจมากเหลือเกิน ต้องเต้นรำด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทั้งๆ ที่ในใจกำลังเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด
“ขอโทษด้วยนะคะ ข้าอยากรู้ว่าข้าจะสามารถพูดคุยกับนักระบำชายคนนั้น เป็นการส่วนตัวได้ที่ไหน”
เธอเอ่ยถามบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ด้านในของโต๊ะขายสุรา
“เรื่องนั้นหากเลดี้คนงามสามารถจ่ายในราคาที่เจ้าของร้านพึงพอใจ ท่านก็จะได้พูดคุยกับอูแบร์ได้มากเท่าที่ท่านต้องการ และแน่นอนว่าหากท่านต้องการมากกว่าการพูดคุย ท่านก็ต้องใส่ราคาให้มากหน่อย อีกไม่นานจะมีการประมูลแล้ว เลดี้เตรียมเงินในกระเป๋าให้พร้อมแล้วรอประมูลตัวของอูแบร์ในค่ำคืนนี้ก็แล้วกัน”
คำตอบนั้นยิ่งทำให้หัวใจของคามีย์ชาหนึบไปหมด หมายความว่าไง? หมายความว่าเขาไม่ได้แค่เต้นระบำเท่านั้น แต่เขายังต้องถูกประมูลตัวทุกคืนเพื่อทำเรื่องเช่นนั้นอีกงั้นหรือ
ชีวิตที่สิ้นหวังเช่นนี้ของเขา..จะทำให้เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไรกัน
“มาครับสุภาพสตรีทุกท่าน ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้ว เราจะเริ่มการประมูลค่ำคืนที่แสนงดงามของอูแบร์กันเลยนะครับ”
จากที่คามีย์มองเห็น นักระบำผู้นั้นยืนอย่างสงบเสงี่ยมข้างๆ ชายที่กำลังแย้มยิ้มอย่างดีใจเมื่อมีสตรีเริ่มใส่ราคากันอย่างบ้าคลั่ง เขาหลุบตาต่ำมองลงบนพื้นอย่างเจียมตัว..เพื่อฟังยอดเงินที่กำลังถูกกล่าวออกมาเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“สามร้อยเหรียญเงิน”
“ห้าร้อยเหรียญเงิน”
“หกร้อยเหรียญเงิน”
“หกร้อยห้าสิบ”
“แปดร้อย...”
ก็ไม่ได้อยากจะอวดรวยอะไรเลย แต่ว่าฉันอยากให้เรื่องคืนนี้มันจบลงเร็วๆ เพราะอย่างนั้นฉันจึงชูป้ายประมูลขึ้นมา
“หนึ่งพัน..”
“มีสุภาพสตรีท่านนี้ให้หนึ่งพันแล้วนะครับ ยังมีสุภาพสตรีท่านไหนให้มากกว่านี้ไหม”
“ข้าไม่ยอมหรอก หนึ่งพันหนึ่งร้อยเหรียญเงิน”
ฉันยืนขึ้นในทันทีก่อนจะจ้องมองไปยังใบหน้าแสนหวานของนักระบำ
“ข้ายังพูดไม่จบ หนึ่งพันที่ว่าคือหนึ่งพันเหรียญทองต่างหาก..”
เมื่อได้ยินจำนวนเงินที่มหาศาลเช่นนั้น ทุกคนก็จับจ้องมายังสตรีผู้สวมเสื้อคลุมสีดำเป็นตาเดียว
“ปะ..ปิดประมูลให้แก่สุภาพสตรีในชุดดำครับ เชิญท่านไปติดต่อเพื่อชำระเงินได้ที่เจ้าของร้านได้เลย ขอให้ทุกคนในคืนนี้มีค่ำคืนที่งดงามนะครับ ไม่ต้องเสียดายไปนะครับทุกท่านยังมีนักระบำอีกมากมายที่รอคอยสร้างความสุขให้พวกท่าน..”
เสียงบ่นดังขึ้นมาเป็นระลอก แต่นั่นไม่ได้ทำให้อูแบร์สนใจเสียงเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย ที่ปลายสายตาของเขากลับกำลังจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของสตรีผู้สวมชุดคลุมที่คลุมทับแน่นหนาจนมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากริมฝีปากนั้น ตั้งแต่เป็นนักระบำมา ค่าตัวของเขาไม่เคยมากมายเช่นนี้มาก่อนเลย..
แต่เรื่องนั้นมันสำคัญที่ไหนกัน ต่อให้เธอจะจ่ายมากหรือว่าจ่ายน้อย เขาก็ต้องรับใช้เธอ..ต้องก้มหน้าเพื่อรับใช้เธอให้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นท่านแม่และน้องของเขาคงต้องพบเจอกับความลำบากอย่างแน่นอน
.
.
“ขอบคุณนะคะท่านหญิง นี่เป็นกุญแจห้องของอูแบร์ ท่านขึ้นไปหาเขาได้เลยค่ะ เลขห้องมีบอกเอาไว้ที่กุญแจ..ขอให้เลดี้มีค่ำคืนที่งดงามนะคะ”
ค่ำคืนที่งดงาม..ที่ต้องแลกมากับการขายจิตวิญญาณของคนผู้หนึ่งอย่างนั้นหรือ
ต่อให้เธอจะอยากทำเรื่องเช่นนั้นมากแค่ไหน แต่การมองดูอีกฝ่ายที่ถูกบังคับมามันก็คงไม่มีความสุขหรอก และเธอไม่คิดทำมันด้วย..
คามีย์พาตัวเองมาจนถึงชั้นสามของร้านสุรา เดินไปตามทางเดินเรื่อยๆ จนเห็นเลขหน้าห้องและเลขบนลูกกุญแจที่ตรงกันจึงหยุดเดินแล้วไขกุญแจเข้าไป..
“...ยินดีต้อนรับครับนายหญิง”
เขานั่งคุกเข่าในสภาพที่ไม่ได้สวมสิ่งใดบนร่างกาย การกระทำเช่นนั้นมันยิ่งทำให้ความรู้สึกของคามีย์ แย่ลงไปมากกว่าเดิม
“ข้ามาที่นี่ไม่ใช่เพราะต้องการทำเรื่องเช่นนั้นกับเจ้า..”
อูแบร์เงยหน้าขึ้นในทันที เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คามีย์ถอดเสื้อคลุม เรือนผมสีแดงสยายลงไปบนแผ่นหลังมองดูแล้วคล้ายม่านน้ำตก ในชีวิตของอูแบร์เคยพบเจอสตรีนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าเขาไม่เคยพบเจอสตรีผู้ใดที่ดึงดูดสายตาเช่นนี้มาก่อน..
ทว่าปัญหามันอยู่ตรงที่เธอมีเรือนผมสีแดง ซึ่งมีแค่แม่มดเท่านั้นที่จะมีเส้นผมสีนี้..
“แต่หน้าที่ของข้าคือการรับใช้ท่านนะครับ..ท่านประมูลค่ำคืนของข้ามาแพงขนาดนั้นแต่กลับจะไม่แตะต้องข้าอย่างนั้นหรือ?”
คามีย์ใช้เสื้อคลุมของตัวเองเพื่อคลุมร่างกายของเขาเอาไว้ การมองเขาเปลือยมัน..ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก อีกทั้งเธอก็มีจิตใต้สำนึกนะเฟ้ย
“ข้าแค่อยากคุยกับเจ้าเท่านั้น..ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากำลังจะอายุสามสิบอีกไม่กี่สัปดาห์แล้ว..อูแบร์ข้ามาที่นี่เพื่อยื่นข้อเสนอให้เจ้านะ”
เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ
“ทั้งที่ข้าพยายามแทบตายในการปกปิดเรื่องนั้นเป็นความลับ แต่ท่านกลับล่วงรู้มันอย่างนั้นหรือครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขามันคืออะไรกัน..รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเลย
“ข้ารอคอยวันเกิดครบรอบอายุสามสิบของตัวเองมานานมากทีเดียว เพราะทุกวันนี้ถึงแม้ว่าข้าอยากจะตายมากแค่ไหน แต่ข้าก็ยังตายไม่ได้สักที..”
เรื่องนั้นเธอก็พอเดาได้อยู่แล้ว แต่เธอไม่อยากพลาดโอกาสนี้แล้วก็ยังไม่อยากให้เขาตายด้วย
ใบหน้าของเขาถึงแม้ว่าจะยิ้มแย้มแต่ทว่าเขาดูเหมือนคนที่ไม่เคยพบเจอความสุขมาก่อนในชีวิต ดวงตาที่ระยิบระยับราวกับดวงดาวฉายแววเศร้าหมองมากเหลือเกิน เธออยากช่วยเขาออกจากฝันร้ายนี้แล้วเธอก็อยากมีชีวิตต่อไปด้วย
อูแบร์หากไม่เป็นการรบกวนมากจนเกินไป เรามามีชีวิตต่อไปด้วยกันไม่ได้งั้นเหรอ
