4.พ่อหนุ่มกลิ่นลูกกวาด
ฉันคิดว่าชีวิตของหญิงสาววัยสามสิบปีที่โสดมานานหลายปี มันโชคดีมากๆ ที่ได้เข้ามาเป็นแม่มดในโลกที่นักเวทหล่อๆพวกนั้นอาจต้องการ
มันคงเป็นเรื่องง่ายมากแน่ๆ ที่จะลองชิมนักเวทคนนั้นทีคนนี้ที เพราะจะมีหนุ่มหล่อที่ไม่อยากตายมาให้ฉันได้ชี้นิ้วให้เต็มที่ ให้เลือกจนตาลายกันไปข้าง..
แต่ความจริงคือ..นักเวทหล่อๆ พวกนั้นยอมตายดีกว่าจะยอมตกเป็นทาสของแม่มด
พวกเขายอมตายซะยังดีกว่าจะส่งมอบเลือดให้แม่มด..แต่ฉันไม่ยอมตายโว้ย!!!
ยังไม่ได้กินใครเลยสักคน แถมดีลโด้ที่ซื้อมาก็บินหายไปไหนแล้วรู้ ทั้งซวยที่หากไม่ได้กินพลังเวทของใครภายในหนึ่งเดือนจะต้องตาย..แถมยังต้องตายไปทั้งในแบบที่ไม่ได้กินใครอีกต่างหาก
ฉันลุกขึ้นมาจากเตียงก่อนจะเรียกสติของตัวเองกลับมา ไม่ได้สิจะมายอมแพ้แบบนี้ไม่ได้สิ นั่นมันไม่สมกับเป็นฉันเลย
ในเมื่อพวกเขาหวาดกลัวการเป็นทาสมากกว่าความตาย เช่นนั้นฉันต้องทำให้พวกเขาเชื่อมั่นว่าการเป็นทาสของแม่มดมันไม่ได้น่ากลัวมากขนาดนั้น เพราะคำสั่งเดียวของฉันนั้นไม่ใช่ให้พวกเขาไปทำเรื่องเสี่ยงตาย แต่ให้พวกเขาทำเรื่องที่มีความสุขจนล้นใจต่างหาก
หุหุหุหุ
“...ท่านแม่มดคะ ข้านำมื้อเช้ามาให้ค่ะ”
สาวใช้มองหน้าของท่านแม่มดคามีย์อย่างไม่ไว้ใจ อาจจะเพราะเสียงหัวเราะนั้นมันแปลกประหลาดมากทีเดียว..
“ขอบคุณมาก เจ้าวางเอาไว้ตรงนั้นได้เลย ว่าแต่ท่านพี่เบลล์อยู่ที่คฤหาสน์รึเปล่า?”
สาวใช้วางถาดอาหารเอาไว้บนโต๊ะ
“ท่านแม่มดเบลล์ออกไปข้างนอกค่ะ แต่ท่านแม่มดเชรีอยู่ที่ห้องนะคะ ท่านแม่มดคามีย์อยากไปทำความรู้จักกับแม่มดลำดับที่เจ็ดรึเปล่า”
คามีย์พยักหน้า บางทีหากว่าเธอได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่ ชีวิตของเธอมันอาจจะง่ายขึ้นก็ได้
.
.
“อา...เรื่องนั้นมันยากมาพอสมควรเลยนะ เพราะกว่าที่ข้าจะได้ดื่มเลือดของนักเวทก็ปาเข้าไปปีที่สิบ..”
อีกสิ่งหนึ่งที่คามีย์อดสงสัยไม่ได้คืออายุของทั้งท่านพี่เบลลฺ์และท่านพี่เชรีนั้นมีอายุเท่าไหร่กันแน่
“การเริ่มต้นมันไม่ง่ายแต่หากว่าเจ้าตามหานักเวทที่มีใจยินยอมส่งมอบพลังเวทให้เจ้า ชีวิตอันเป็นนิรันดร์ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ทั้งเขาและเจ้าจะมีชีวิตที่ยืนยาวจนน่าเบื่อเลยล่ะ..นักเวทมีมากมายเจ้าแค่ต้องตามหาหนึ่งในจำนวนพวกเขาให้เจอ..อย่าไปมีคุณธรรมมากนัก ในสายตาของนักเวทแม่มดไม่ใช่คนดีอะไร แล้วก็เจ้าจะไม่มีวันได้กลืนกินพลังเวทของพวกเขา หากเจ้ายังขลุกตัวที่นี่เช่นนี้ ออกไปข้างนอกบ้างสิคามีย์”
สตรีที่งดงามจนแทบจะละสายตาไปไม่ได้เช่นคามีย์ การหานักเวทสักคนที่หลงใหลในความงดงามนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากหรอก..ที่ยากจริงๆ มันคือก้าวแรกของการทำลายความเชื่อผิดๆ ของพวกนักเวทต่างหาก
“ขอบคุณนะคะท่านพี่เชรี เช่นนั้นข้าจะรีบออกไปข้างนอกเลยค่ะ!”
เพราะเป็นแม่มดใหม่สินะ ก็เลยดูกระตือรือร้นมากขนาดนั้น
“เป็นสตรีที่มีรอยยิ้มที่สดใสมากเลยนะครับ แค่เห็นแม่มดคามีย์ก็ทำให้ข้านึกถึงครั้งแรกที่เราพบเจอกันเลยนะครับท่านเชรี..”
บุรุษผู้หนึ่งกำลังกอดขาของเชรีเอาไว้ เขานอนอยู่บนพื้นแล้วพรมจูบไปตามฝ่าเท้าขาวเนียนด้วยความหลงใหล
“...นั่นมันก็แค่รอยยิ้มที่เอาไว้หลอกลวงเจ้าเท่านั้น มันแย่ตรงที่เจ้าดันเชื่อสนิทใจว่าข้าจะรักเจ้าเนี่ยนะสิ..”
เขาเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าที่เย็นชาของเชรีด้วยแววตาสั่นไหว
“ท่านก็ลองไปยุ่งเกี่ยวกับนักเวทคนอื่นดูสิครับ..ข้าจะออกไปสังหารใครก็ตามที่กล้ามองมาที่ท่านให้หมดเลย”
ก็เพราะแบบนั้น..เพราะเขาผูกมัดเธอเอาไว้ด้วยความอยากที่จะครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจ เธอจึงต้องทนอยู่ที่นี่ไม่ออกไปไหน เพราะเชรีไม่อยากให้เขาไปสังหารนักเวทอีกแล้ว..
เราอยู่เพื่อทรมานกันและกัน เราอยู่เพื่อกักขังอีกฝ่ายเอาไว้ เธอเรียกการกระทำเช่นนั้นว่ามันคือความเจ็บปวด ส่วนเขา..เขากลับเรียกมันว่าความรัก
.....................
ท่านพี่เบลล์และท่านพี่เชรี รุ่นพี่แม่มดทั้งสองคนให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง..ท่านพี่เบลล์ดูเหมือนจะเป็นคนอ่อนโยนและน่าเข้าหา มากกว่าท่านพี่เชรีที่บรรยากาศรอบๆ ตัวดูขนลุกอย่างน่าประหลาด แต่ถึงอย่างนั้นคำแนะนำที่ว่าให้เธอลองออกมาจากคฤหาสน์ดูมันก็คือคำแนะนำที่ดีมากๆ เลย
สิ่งหนึ่งที่เรียกได้ว่ามันคือความโชคดี คือเธอมีคฤหาสน์ที่เป็นของตัวเอง ถึงมันจะตั้งอยู่ในรั้วเดียวกันกับพี่สาวแม่มดคนอื่นๆก็เถอะ แต่ระยะห่างของแต่ละคฤหาสน์ก็ห่างกันมากพอสมควร และเธอมีเงินมากมายชนิดที่นับเลขศูนย์ไม่ถ้วนกันเลยทีเดียว..
เธอรวยมากๆ ชนิดที่ว่าจะใช้จ่ายสิ้นเปลืองมากแค่ไหน เงินก็ไม่มีวันหมด แต่..เธอจะตุยก่อน หากไม่รีบตามหานักเวทสักคนมากลืนกินพลังเวทน่ะ
โอ้ย..นี่มันยากเย็นชะมัดเลย ไม่มีนักเวทคนไหนที่กลัวตายบ้างเหรอ..
“สวัสดีค่ะท่านอัศวิน..”
เซียสาวใช้ที่ดูแลฉันเอ่ยทักทายอัศวินผู้หนึ่งซึ่งเขาอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์..และมีใบหน้าในแบบที่สตรีมากมายที่เดินผ่านต้องจ้องมองเขาด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ..อา..ความหล่อนั้นมันอะไรกัน
หล่อสะอาดเหมือนอาบน้ำทุกนาที
“สวัสดีครับท่านแม่มดคามีย์ สวัสดีครับเซีย”
ไม่ใช่แค่หล่อเท่านั้นแต่น้ำเสียงของเขาก็ยังไพเราะเสนาะหูมากทีเดียว
“สวัสดีค่ะ..”
เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมกับระบายยิ้มหวานส่งให้เขา สายลมร้อนๆ ในฤดูร้อนกำลังพัดผ่านร่างกายของเธอไป และนั่นทำให้คามีย์ได้กลิ่นหอมหวานที่เหมือนกับลูกกวาดฟุ้งกระจายออกมาจากร่างกายของอัศวินศักดิ์สิทธิ์นามว่าบอน
นี่เขากำลังซ่อนลูกกวาดเอาไว้อย่างนั้นหรือ? ทำไมกลิ่นมันถึงได้หอมหวานและชวนให้น้ำลายสอเช่นนั้นกันนะ
บอนต้องรีบละสายตาออกไปจากใบหน้าของท่านแม่มดคามีย์ที่กำลังจ้องมองเขาด้วยความใคร่รู้ เพราะสายตานั้นไม่ได้มีความรู้สึกลุ่มหลงเหมือนกับสตรีอื่นที่มองมา นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกประหม่ามากกว่าเดิม เธอใช้สายตาที่ดูหิวกระหายมองเขาพร้อมกับริมฝีปากนั้นที่กำลังเผยอออกเล็กน้อย..
“ให้ตายสิ ข้าลืมไปว่าจะต้องไปที่ร้านตัดชุดเพื่อรับชุดให้ท่านเบลล์ค่ะ หากท่านอัศวินไม่ได้มีธุระที่ไหน ข้าฝากท่านช่วยดูแลท่านคามีย์ด้วยได้ไหมคะ”
บอนไม่ได้มีธุระที่ไหน แต่ว่าการให้เขาอยู่ตามลำพังกับท่านคามีย์มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือเลยนะ
“ขอบคุณนะคะท่านอัศวิน ฝากท่านคามีย์ด้วยน้า”
หลังจากกล่าวจบเซียก็รีบวิ่งไปในทันที ทิ้งให้คามีย์ยืนงงอยู่กับอัศวินกลิ่นลูกกวาด..
“..ระ..รบกวนด้วยนะคะท่านอัศวิน”
“ท่านคามีย์เรียกข้าว่าบอนก็พอแล้วครับ..ข้าเป็นเพียงแค่อัศวินของวิหารก็เท่านั้น”
