3.โลกที่เฮงซวย
เทพเจ้าโจ้ยอย่างนั้นหรือ?
เขาหันมองรอบๆ แล้วหรี่ตามองอีกทีอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน นี่สตรีผู้นี้เรียกเขาว่าเทพเจ้าแห่ง..อวัยวะเพศบุรุษอย่างนั้นหรือ?
“อา..ข้าคือเทพเจ้าของโลกนี้ แต่ไม่ใช่เทพเจ้าโจ้ยหรอกนะคามีย์ ข้ามีชื่อและเจ้าสามารถเรียกข้าว่าท่านเอเตียนได้เลย”
เมื่อล่วงรู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรแปลกๆ ออกไป คามีย์ก็ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้
“ขะ..ขอโทษค่ะท่านเอเตียน คือว่าข้าไม่แน่ใจว่าควรจะเรียกท่านว่าอย่างไร เพราะครั้งแรกที่เราพบเจอกัน ท่านคือ..โจ้ยปลอมนี่คะ”
เอเตียนกำลังกลั้นขำจนหน้าแดง
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ แต่เรื่องที่เจ้าจะเลือกข้าเป็นชายหนุ่มคนแรกที่เจ้าจะกลืนกินพลังเวทนั้นคงต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะคามีย์ เพราะข้าไม่มีพลังเวทให้เจ้าได้กัดกินหรอก พลังของข้านั้นเป็นพลังของพ่อมดขั้นสูงที่เหมือนกันกับเจ้า..ต่อให้เจ้าพยายามดื่มเลือดข้ามากแค่ไหน มันก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอก”
คามีย์อยากจะพูดออกไปเหลือเกินว่าเธอไม่ได้อยากกินเลือดเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เธอแค่อยากรู้ว่าเขาคือดีลโด้เทวดาขนาดหกสิบเก้าของเธอรึเปล่า..
“ยินดีต้อนรับแม่มดคนที่เก้าของจักรวรรดิครับ”
เสียงประกาศนั้นดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงโห่ร้องยินดีของประชาชน นี่มันราวกับว่าเธอคือคนสำคัญยังไงอย่างนั้นเลย..
“เพราะการถือกำเนิดของแม่มดนั้นมีน้อยมาก เจ้าคือแม่มดที่ถือกำเนิดมาในรอบสามสิบปีเลยนะ..เอาล่ะคามีย์ยืนตัวตรงแล้วเดินเข้าไปพร้อมกับส่งยิ้มให้ทุกคนสิ..ที่ด้านล่างในลานพิธีนี้ ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่ด้านล่างทั้งหมดคือนักเวทล่ะ เจ้าลองมองดูก็แล้วกันว่าเจ้าถูกใจหนุ่มคนไหน..”
อีกเรื่องที่เอเตียนไม่ได้บอกกล่าว คือนักเวทแต่ละคนจะมีกลิ่นที่แตกต่างกันไป ถึงแม้ว่าแม่มดจะใช้วิธีการดื่มเลือดเพื่อกลืนกินพลังของนักเวท แต่ทว่าอันที่จริงรสชาติของเลือดแต่ละคนก็แตกต่างกันไป เท่าที่เขาได้ยินมาบางคนก็รสหวานเหมือนกับน้ำผึ้ง แต่กับบางคนก็ขมปร่าราวกับสุรา..แต่เรื่องนั้นเขาคงไม่ต้องบอกกล่าวกับคามีย์หรอก เขายินดีให้อิสระกับเธออย่างเต็มที่เพื่อให้เธอได้ลิ้มรสเลือดของบุรุษที่เธอต้องการ..
“ท่านแม่มดคนที่เก้าของจักรวรรดิ ผู้มีนามว่า คามีย์ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว..”
ทุกสายตาต่างจับจ้องมองที่สตรีผู้มีเรือนผมสีแดง หนึ่งในนั้นคือบอน..อัศวินศักดิ์สิทธิ์ของวิหาร เขาคือตัวแทนอัศวินที่มาเข้าร่วมพิธีในวันนี้
ความสัมพันธ์ของวิหารกับเหล่าแม่มดนั้นไม่ดีเท่าไหร่นัก เพราะทางวิหารยังคงเชื่อว่าแม่มดคือสิ่งที่ชั่วร้าย แต่ทว่าก็ยังไม่มีหนทางอื่นในการช่วยเหลือนักเวท นอกจากการกรีดเลือดเพื่อให้แม่มดกลืนกิน..
เขาจ้องมองไปยังแม่มดคนที่เก้า เรือนผมสีแดงของเธอช่างทำให้เธอโดดเด่นอย่างถึงที่สุด บอนจ้องมองราวกับตะลึงค้างกับความงดงามของโลกใบนี้ เขาไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้านั้นได้ เพียงแค่มองหน้าเธอจิตใจของเขาก็ล่องลอยไปไกลแสนไกล
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ควรลุ่มหลงในภาพลักษณ์แสนเย้ายวนนั้น แต่ทว่ามันราวกับสติของเขาถูกดูดหายไปอย่างช้าๆ
.
.
“.......”
พิธีดำเนินต่อไปอย่างยิ่งใหญ่สมกับการแต่งตั้งแม่มดผู้เลอโฉม แต่มีสิ่งหนึ่งที่คามีย์ยังไม่อาจทำความเข้าใจได้ นั่นคือนักเวทที่นั่งอยู่นั้นดูเหมือนจะมีอายุไม่เกินสามสิบปี..แถมแต่ละคนท่านยังมองมาที่เธอด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตรอีกด้วย
“มีนักเวทมากมายที่ยอมตายมากกว่าจะยินยอมกรีดเลือดให้แม่มดน่ะ”
เบลล์เดินเข้ามาหาคามีย์ นางคือแม่มดลำดับที่ห้า ที่ดูสง่างามเอามากๆ
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่วังวนแห่งนรกนี่นะสาวน้อย..”
วังวนนรกงั้นรึ เมื่อคามีย์หันหน้าไปหาท่านเทพเอเตียนเธอก็พบว่าเขากำลังยิ้มอยู่
“ข้ารู้ว่าเจ้าเดินทางมาจากที่ที่ไกลแสนไกล ข้าเองก็เช่นกัน เพราะพ่อมดล้มตายไปหมดแล้ว อีกทั้งนักเวทพวกนั้นก็หยิ่งในศักดิ์ศรีเกินกว่าจะยินยอมรักหรือว่าแต่งงานกับแม่มด..นั่นทำให้ไม่มีแม่มดถือกำเนิดบนโลกเฮงซวยนี้มากว่าห้าร้อยปีแล้ว”
เอเตียนยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ
“ข้าคิดว่า..ข้าคงต้องขอตัวก่อน เรื่องหลังจากนี้ได้แต่ไหว้วานให้เบลล์ช่วยดูแลคามีย์ด้วยนะ”
เมื่อกล่าวจบเขาก็หายไปในทันที ทิ้งให้เบลล์ทำพิธีที่เหลือต่อให้คามีย์
“ข้าคิดว่านักเวทต้องการพึ่งพาแม่มดซะอีก แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาไม่ต้องการเราอย่างนั้นหรือคะ”
มันแตกต่างจากที่เธอคิดเอาไว้เยอะเลย ทั้งที่เรื่องราวมันน่าจะเอื้ออำนวยให้แม่มดไม่ใช่เรอะ แล้วทำไม...
“เพราะการให้แม่มดดื่มเลือด มันหมายถึงการยินดีจะเป็นทาสตลอดไปนะสิ จริงอยู่ที่พวกเขาจะได้มีชีวิตต่อ แต่ทว่าจะต้องมีชีวิตในฐานะทาสของแม่มดที่ขัดขืนคำสั่งของแม่มดไม่ได้..ชีวิตแบบนั้นมันคงไม่มีความสุขหรอกใช่ไหมคามีย์ ด้วยเหตุนั้นข้าจึงไม่ได้ดื่มเลือดของนักเวทคนอื่นมานานหลายปีแล้ว..แต่ข้ารู้ว่าเทพเจ้าเฮงซวยนั่นคงจะให้เจ้าทำสัญญากับเขาใช่หรือไม่ สัญญาที่ว่าคงจะให้เจ้าดื่มเลือดนักเวทให้ได้ปีละหนึ่งคนน่ะ..”
คามีย์นิ่งอึ้งไปหลายนาทีขณะที่เบลล์กำลังถอดมงกุฎดอกไม้แล้วสวมมงกุฎทองให้เธอแทน
“มะ..ไม่ใช่หนึ่งปีค่ะ”
เบลล์ขบเม้มริมฝีปากไปมา ก่อนจะใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยความไม่พอใจ ไอ้เทพเจ้านั่นช่างสรรหาเรื่องราวมาหลอกแม่มดใหม่จริงๆ
“เช่นนั้นหกเดือนอย่างนั้นหรือ ไม่เป็นไรคามีย์..เจ้ายังพอมีเวลาในการเตรียมตัว”
เธอตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ใบหน้างามชาหนึบไปหมดเมื่อเธอจับได้ว่าเทพเจ้าโจ้ยผู้นั้นกำลังหลอกลวงเธอน่ะ
“ไม่ใช่หกเดือนแต่เป็นหนึ่งเดือนค่ะ..ข้าต้องกลืนกินพลังเวทภายในหนึ่งเดือนไม่อย่างนั้นข้าจะตาย”
พระเจ้าช่วย..เทพเจ้าผู้นั้นช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว!
“ไม่เป็นไรสาวน้อย ข้าเชื่อว่าการที่เทพเจ้าเสียสติผู้นั้นกำหนดเวลาที่กระชั้นชิดเช่นนั้นให้เจ้า มันหมายความว่าเขาจะต้องมองเห็นความสามารถในตัวของเข้าอย่างแน่นอน”
มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง สิ่งที่เทพเจ้าผู้นั้นเห็นจากเธอก็มีแต่ความต้องการที่แรงกล้าเท่านั้นเอง..
นี่เธอเข้ามาอยู่ในโลกนี้เพื่อตายงั้นเรอะ!! ทั้งที่คิดว่าการเป็นแม่มดจะมีหนุ่มนักเวทตบเท้าเข้าหา แต่มันกลับกลายเป็นว่าเงื่อนไขในการช่วยเหลือพวกเขา คือการที่พวกเขาต้องมาเป็นทาสของเธอตลอดชีวิตน่ะ..
คามีย์ยกมือขึ้นมาทึ้งผมอย่างเหลืออด
“มันต้องมีวิธีสิคะ วิธีที่ข้าสามารถกลืนกินพลังเวทได้โดยไม่ต้องดื่มเลือดพวกนักเวทน่ะ”
