บท
ตั้งค่า

2.ขอเลือกเลยนะคะ

ในโลกใบนี้แบ่งผู้คนออกเป็นสามส่วนด้วยกัน ส่วนแรกคือมนุษย์ผู้ที่ไม่มีพลังอะไรเลย ส่วนที่สองคือนักเวทผู้เกิดมาพร้อมกับพลังเวทอันมากล้น ซึ่งนักเวทส่วนใหญ่จะเกิดจากมนุษย์ธรรมดาที่ได้รับเลือกจากพระเจ้าแห่งโลกใบนี้ และส่วนที่สามคือผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด นั่นก็คือแม่มด..

แม่มดจะเกิดจากนักเวทและแม่มด หรือไม่ก็พ่อมดและแม่มด ถึงจะมีทายาทที่มีพลังเป็นแม่มด

ส่วนสาเหตุที่ทำไมแม่มดถึงได้แข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาทั้งสามส่วนนะหรือ? ก็เพราะว่ามนุษย์ต้องพึ่งพาแม่มดและนักเวทในการทำการรักษา ไปจนถึงงานใหญ่อย่างการเดินเรือหรือว่าการขับเคลื่อนรถม้า

ส่วนนักเวท เพราะพวกเขาเป็นเพียงผู้โชคดีที่ได้รับเลือกจากพระเจ้า อีกทั้งพวกเขายังเกิดมาจากมนุษย์ ด้วยเหตุนั้นร่างกายของพวกเขาจึงมีการต่อต้าน และไม่หลอมรวมกับพลังที่พระเจ้าทรงมอบให้

หากไม่มีแม่มดมาคอยกัดกินพลังเวทที่มากมายให้พวกเขา แน่นอนว่าท้ายที่สุดนักเวทจะตายเพราะพลังเวทที่ล้ำค่ามากกว่าร่างกายจะรับไหว

และการกินที่ว่าคือการดื่มเลือดของนักเวท..

ดะ..ดื่มเลือดเนี่ยนะ แค่คิดก็อยากจะอาเจียนอยู่แล้ว

“ท่านคามีย์คะ..วันนี้เป็นวันแรกที่ทางสภาแม่มดของเรามีการแต่งตั้งท่านให้เป็นแม่มดคนที่เก้าของที่นี่ เพราะอย่างนั้นข้าจึงพาสาวใช้เพื่อมาแต่งกายให้ท่านค่ะ”

ฉันเข้ามาอยู่ในโลกที่ไม่รู้จัก เพราะเทพเจ้าโจ้ยพาฉันมาที่นี่ พร้อมกับบอกกล่าวกับทุกคนว่าฉันคือแม่มดที่พระองค์ทรงเอ็นดูมากที่สุด ข้อเรียกร้องที่ฉันขอเอาไว้ในคราแรก ว่าฉันจะขอเลือกชายหนุ่มที่จะกินเอง..ก็ได้รับการตอบรับจากท่านเทพเจ้า..

แต่ข้อแม้ว่าฉันจะต้องกลืนกินพลังเวทของนักเวทเดือนละหนึ่งคนนั้นยังคงอยู่

“ขอบคุณนะคะ”

เมื่อได้มองใบหน้าที่สะท้อนในกระจก ฉันก็พบว่าตัวเองมีใบหน้าที่ไม่คุ้นตาเท่าไหร่นัก เรือนผมสีแดงที่แสนสะดุดตานี้เป็นสีผมที่เป็นของแม่มดอย่างชัดเจน แถมใบหน้านี้ก็..สวยเป็นบ้าเลยให้ตายสิ ดีเลิศขนาดนี้จะให้มาดื่มเลือดบุรุษได้อย่างไรกัน

“ขอโทษนะคะ ฉันแค่อยากรู้ว่ามีวิธีอื่นที่สามารถดูดกลืนพลังเวทได้ไหมคะ ที่นอกจากการดื่มเลือดน่ะ”

สาวใช้ผู้นั้นเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่นางจะทำท่าครุ่นคิด

“..ข้าไม่ทราบแน่ชัดเท่าไหร่นักนะคะ เรื่องนั้นท่านคามีย์จะต้องลองไปค้นคว้าในห้องสมุด”

จะว่าไปแล้วหน้าที่ของแม่มดคือการช่วยชีวิตนักเวทอย่างนั้นสินะ ช่างเป็นแม่มดที่แตกต่างจากนิยายเรื่องอื่นๆ ที่อ่านมาจริงๆ ส่วนใหญ่ตัวละครแม่มดจะต้องเป็นตัวร้ายหรือไม่ก็คนชั่วสิ แต่ในโลกใบนี้แม่มดคือคนดีอย่างนั้นหรือ?

นี่ฉันคือแม่มดคนที่เก้าอย่างนั้นสินะ เพราะอย่างนั้นต่อให้ฉันใช้เวลาค่อยๆ คิดไปก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่ายังมีแม่มดอีกแปดคนข้างหน้าคอยช่วยเหลือชายหนุ่มพวกนั้นอยู่นี่นา

“แล้วแม่มดทั้งแปดคนอยู่ที่ไหนกันคะ คือว่าฉันต้องไปทักทายพวกท่านรึเปล่า”

สาวใช้ส่งยิ้มจางๆ แก่ท่านคามีย์

“ตอนนี้เหลือแม่มดเพียงแค่สองจากแปดเท่านั้นค่ะ เหลือแม่มดคนที่ห้าและเจ็ด..ที่ยังมีชีวิตอยู่”

หะ..หา ไหนว่าแม่มดจะมีอายุยืนและเป็นอมตะไง แล้วทำไมแม่มดคนอื่นๆ ถึงได้ตายล่ะ

“เพราะพลังที่ต้องดูดกลืนของนักเวทแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป ถึงแม้ว่าจะมองว่าท่านแม่มดดื่มเลือดของนักเวทก็เพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเลือดพวกนั้นอาจจะเปรียบเสมือนยาพิษ หากว่าพลังเวทของนักเวทมีมากเกินกว่าที่ท่านแม่มดจะรับไหว..”

พระเจ้าช่วย..ในการ “กิน” ที่ว่านั้นมันไม่ใช่แค่กินเฉยๆ นะสิ จริงอยู่ที่มันคือการช่วยชีวิตแต่หากว่ามันมากเกินไป ก็จะเป็นการตัดโอกาสการมีชีวิตของตัวเองไปด้วย

นี่ทำให้ฉันรู้เลยว่าจะมากินมั่วซั่วไปได้นะ เพราะอาจจะตุยได้เลย..

เป็นแม่มดนี่ไม่ง่ายเลยแฮะ ฉันคิดว่าจะได้เข้ามากินแซ่บซะอีก..

นี่มันบ้าชะมัดเลย ฉันไม่อยากเป็นแม่มดเลยนะ อยากเป็นคนธรรมดาๆ ที่ได้โอบกอดหนุ่มหล่อเอาไว้ก็เท่านั้นเอง

“ได้เวลาแล้วครับท่านแม่มด”

เมื่อมีชายผู้หนึ่งเดินเข้ามาตาม สาวใช้ที่กำลังแต่ตัวให้ฉันก็หยุดมือในทันที เธอมองสำรวจรอบๆ ร่างกายของฉันอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะส่งยิ้มให้

“งดงามและไร้ที่ติ สมบูรณ์แบบเหมือนกับชื่อของท่านคามีย์เลยค่ะ”

อีกอย่างฉันไม่เห็นจำได้เลยว่าตัวเองชื่อคามีย์น่ะ เทพเจ้าโจ้ยเป็นคนตั้งให้อย่างนั้นหรือ

คามีย์แปลว่าสมบูรณ์แบบ..และจากการมองตัวเองในกระจกเงา ฉันก็คิดว่าชื่อนี้ก็เหมาะสมกับร่างกายนี้ดีแฮะ ความสวยงามที่ไร้ที่ติเตียน ความงดงามที่เจิดจรัสและเด่นชัดมากกว่าใคร อาจจะเพราะเส้นผมสีแดงนี้ด้วยละมั้ง ก็เลยทำให้ภาพลักษณ์ของคามีย์นั้นช่าง..ยากที่จะละสายตาไปจริงๆ

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะปรับตัวกับที่นี่ได้แล้วนะ”

ท่านเทพเจ้าโจ้ยกล่าวออกมาพร้อมกับส่งมอบมงกุฎดอกไม้ลงบนศีรษะของฉัน

“ฉันไม่ได้อยากเป็นแม่มดสักหน่อย!”

“จะกล่าวเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ในเมื่อเจ้าบอกกล่าวออกมาเอง ว่าเจ้าพร้อมที่จะกลืนกินบุรุษพวกนั้น แล้วข้าก็ใจดีให้โอกาสเจ้าเลือกชายหนุ่มที่จะกลืนกินเองด้วย”

แต่กินในความหมายของฉันมันคือการ..โจ๊ะพรึมๆ นี่ ไม่ใช่การดื่มเลือดสักหน่อย

แต่..จะว่าไปก็เถียงไม่ออก เพราะฉันไม่ได้ถามเขานี่ว่า “กิน” ของเข้ามันหมายถึงอะไร..

นี่มันเหมือนกับการเซ็นสัญญาเงินกู้ที่ไม่ได้อ่านให้ดีว่าดอกเบี้ยมันเกินยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลยนี่

“ฉันแค่อยากรู้ว่ามันมีวิธีอื่นที่สามารถช่วยชีวิตนักเวทได้ โดยไม่ต้องดื่มเลือดไหมคะ”

อีกฝ่ายเงียบไปพักหนึ่ง

“เรื่องนั้นข้าตอบไม่ได้หรอกนะ..เจ้าต้องลองค้นหาเอาเอง”

ท่านเทพเจ้าโจ้ยกล่าวออกมาพร้อมกับยิ้มมีเลศนัย..

“ท่านบอกว่าฉันสามารถเลือกบุรุษที่จะกลืนกินได้ใช่ไหมคะ”

อีกฝ่ายยังคงส่งยิ้มให้เธอ

“แน่นอนข้าให้คำมั่นกับเจ้าไปเช่นนั้น และข้าไม่คิดคืนคำหรอกนะคามีย์”

ดี..ในเมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนั้นก็เข้าทางเธอเลย

“เช่นนั้นฉันจะขอเลือกชายหนุ่มที่จะทำการกลืนกินเลยนะคะ”

ท่านเทพเจ้าโจ้ยเลิกคิ้วเล็กน้อย เรากำลังเดินคุยกันไปตามทางเดิน ยังไม่ทันได้ถึงห้องโถงพิธีการเลยด้วยซ้ำ คามีย์ยังไม่เคยเห็นนักเวทสักคนของที่นี่เลยด้วย

แล้วจะเลือกได้อย่างไรกัน

“เจ้ายังไม่เคยเห็นนักเวทเลยคามีย์ แล้วเจ้าจะเลือกได้อย่างไร..”

“ฉันเลือกท่านค่ะ บุรุษคนแรกที่ฉันจะลองกินดู ฉันขอเลือกท่านเทพเจ้าโจ้ยค่ะ!!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel